เปลว สีเงิน
แผ่นดินนี้ …..
ด้วยคนดีเสียสละ เข้ากอบกู้ จึงอยู่ยั้งยืนยงถึงทุกวันนี้
มิใช่ด้วยสัตว์มนุษย์พันธุ์กังฉิน โกยโกง จึงยงยืนอยู่ได้
ฉะนั้น มวลมหาประชาชนชาว กปปส.ทั้งหลาย
อันมี “กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ “เป็นแกนนำ
กับทั้งอีก ๓๙ ท่าน ที่ร่วมกันนำมวลมหาประชาชนนับล้านๆ ต่อต้านการออกกฎหมาย “นิรโทษกรรมเหมาเข่ง” ในยุครัฐบาลระบอบทักษิณ ระหว่างปี ๕๖-๕๗
ข้อหากบฏ, ก่อการร้าย, อั้งยี่, ซ่องโจร, ก่อวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ต่างๆ นานา อันเป็นข้อหาสาหัส โทษขั้นประหาร ที่เหล่าท่านต้องได้รับตามกระบิลเมือง นั้น
จงภูมิใจเถิด ….
เพราะนั่นคือ เกียรติยศและคำประกาศ เหล่าท่านคือ “ผู้กอบกู้…ผู้ทำคุณให้แผ่นดิน”!
การปกป้องรักษาบ้านเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ให้พ้นจากเงื้อมมือแดงทั้งแผ่นดิน ทักษิณสถาปนา ที่พยายามครอบงำประเทศเบ็ดเสร็จ ด้วยระบบ “รัฐสภาผัวเมีย” ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ นั้น
ถ้ากำนันสุเทพและบรรดา ๓๙ แกนนำกปปส.ไม่ทำหน้าที่ ไม่ยอมสละประโยชน์ตนเข้าพิทักษ์ประโยชน์ชาติในครั้งนั้นละก็
ราชอาณาจักรไทย ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ถึงวันนี้ อาจถูกเปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยระบบประธานาธิบดี ไปแล้วก็เป็นได้!
ความยุติธรรมมีอยู่จริง และความดีไม่มีสูญ
ถ้าเราเชื่อมั่นและศรัทธา สิ่งนั้น ต้องมาและต้องมีกับเราแน่นอน
พิสูจน์ได้เมื่อคดีสู่ระบบศาล ด้วยสุจริตแห่งเจตนาในการกระทำ ศาลท่านตัดข้อหาในความผิดฐานกบฏ, ก่อการร้าย ที่ยัดเยียดกันจนล้นเกินทิ้งไป
พิจารณาเรื่องราวและลงโทษตามเหตุปัจจัยเฉพาะที่เป็นจริงตามตัวบทกฎหมายเท่านั้น
ในศาลชั้นต้น
ตั้งแต่ลุงกำนันเรื่อยลงไปถึง ๓๙ แกนนำถูกพิพากษาจำคุกคนละหลายๆ ปี บางจำเลยก็ “ยกฟ้อง”
แต่ “คำเดียว” ในทางอิดเอื้อน-โต้แย้งคำตัดสิน ไม่มีจากปาก ๓๙ จำเลย นอกจากคำว่า “น้อมรับคำตัดสินของศาล”
บาดแผลนักรบ คือสัญลักษณ์ชาติรอด ฉันใด
โทษคุก ของนักสู้เพื่อพิทักษ์ ก็คือสัญลักษณ์ ชาติ-ศาสน์-พระมหากษัตริย์ ดำรง ฉันนั้น
ขึ้นชื่อว่าบาดแผล ย่อมปูดโปนและเจ็บปวด
แต่บาดแผลจาก “กอบกู้แผ่นดิน” มันจะอีกซักกี่แผล คนกปปส.ก็พร้อม ถ้าสิ่งนั้น แลกกับชาติดำรง สถาบันคงมั่น
จากศาลชั้นต้น เข้าสู่กระบวนการศาลอุทธรณ์
และเมื่อวาน (๒๗ มิ.ย.๖๗) ก็มีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ออกมา สมดังคำว่า ถ้าเรามั่นสัจจริง ความยุติธรรมก็ย่อมมีจริง
จาก ๓๙ จำเลย ล้มหายตายจาก เหลือ ๓๗
“ศาลอุทธรณ์” ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว พิพากษาแก้โทษ รวมโทษจำคุกใหม่ เป็นดังนี้
๑.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จำคุก ๑ ปี
๒.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย คุก ๑ ปี รอลงอาญา ปรับ ๘,๐๐๐ บาท
๓.นายชุมพล จุลใส คุก ๑ ปี ๘ เดือน
๔.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ คุก ๑ ปี
๕.นายอิสสระ สมชัย คุก ๑ ปี ๘ เดือน
๖.นายวิทยา แก้วภราดัย ยกฟ้อง
๗.นายถาวร เสนเนียม คุก ๑ ปี
๘.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ คุก ๑ ปี ๘ เดือน
๙.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ยกฟ้อง
๑๐.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก คุก ๑ ปี ปรับ ๘,๐๐๐ บาท รอลงอาญา
๑๑.พลเอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ยกฟ้อง
๑๒.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ยกฟ้อง
๑๓.นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ ยกฟ้อง
๑๔.นายถนอม อ่อนเกตุพล คุก ๑ ปี ปรับ ๘,๐๐๐ บาท รอลงอาญา
๑๕.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข คุก ๑ ปี
๑๖.พระพุทธะอิสระ คุก ๑ ปี ๘ เดือน
๑๗.นายสาธิต เซกัลป์ คุก ๑ ปี ปรับ ๘,๐๐๐ บาท รอลงอาญา
๑๘.นางสาวรังสิมา รอดรัศมี ยกฟ้อง
๑๙.พลอากาศโทวัชระ ฤทธาคนี ยกฟ้อง
๒๐. พลเรือเอกชัย สุวรรณภาพ ยกฟ้อง
๒๑.นายแก้วสรร อติโพธิ ยกฟ้อง
๒๒.นายไพบูลย์ นิติตะวัน ยกฟ้อง
๒๓.นายถวิล เปลี่ยนศรี ยกฟ้อง
๒๔. เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ คุก ๑ ปี ๘ เดือน
๒๕.นายมั่นแม่น กะการดี ยกฟ้อง
๒๖.นายคมสัน ทองศิริ คุก ๑ ปี
๒๗.พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ยกฟ้อง
๒๘.นายนายพิภพ ธงไชย ยกฟ้อง
๒๙.นายสาวิทย์ แก้วหวาน คุก ๑ ปี
๓๐.นายสุริยะใส กตะศิลา ยกฟ้อง
๓๑.นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ยกฟ้อง
๓๒.พ.ต.ท.ภัทรพงศ์ สุปิยะพาณิชย์ ยกฟ้อง
๓๓.นายสำราญ รอดเพชร คุก ๘ เดือน
๓๔.อมร อมรรัตนานนท์ คุก ๑ ปี
๓๕.นายพิเชษฐ พัฒนโชติ ยกฟ้อง
๓๖.นายสมบูรณ์ ทองบุราณ
๓๗.นายกิตติชัย ใสสะอาด คุก ๑ ปี
๓๘.นางทยา ทีปสุวรรณ คุก ๘ เดือน ปรับ ๑๓,๓๓๓ บาท รอลงอาญา
๓๙.นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ยกฟ้อง
ครับ…ทั้ง ๓๙ คนนี้
ไม่รอลงอาญา ๑๔ คน รวมทั้งลุงกำนัน รอลงอาญา ๔ คน และยกฟ้อง ๑๙ คน
จำเลยทั้ง ๑๔ ขอยื่นประกันตัวระหว่างฎีกาต่อไป โดยใช้หลักทรัพย์เดิมในศาลชั้นต้น รายละประมาณ ๖-๘ แสนบาท
ศาลอนุญาตให้ประกัน
กำหนดเงื่อนไข ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นได้รับอนุญาตจากศาล และให้นำพาสสปอร์ตมาวางศาลไว้ด้วย
ผมนำมาบันทึกไว้ด้วยเคารพในเกียรติยศ ๓๙ ท่าน เพื่อเรา มวลมหาประชาชน ได้รับรู้ ระลึกถึง ทั้งกาลปัจจุบันตลอดกาลเบื้องหน้า
กิจอันพึงทำเพื่อชาติบ้านเมือง เราทั้งหลายก็ได้ทำแล้ว
กระบิลเมืองอันเป็นแบบแผน เราทั้งหลายก็น้อมสนองแล้ว
ยังมีอันใดต้องเสียใจอีกเล่า โกยโกงแล้วเหนือคุก นั่นคือเขา กอบกู้แล้วต้องอยู่คุก นี่คือเรา
อย่าลดตัวไป “อิจฉาชั่ว” เขาเป็นอันขาด แล้วคอยดู ชั่วแต่ละหยาด จากอสัตย์เมือง โกงกินแต่ละคำ ที่ขย้ำเมือง
เข็มสั้น ชี้วัน-เวลา รอท่าอยู่แล้ว
รอแต่เข็มยาวก้าวกระดิก อีกคลิกเดียว เลข ๑๒ จะบรรจบ สัญญานแห่งวันพินาศทั้งโคตรก็จะมาถึง
แล้วทุกคนจะเข้าใจ “ทำชั่ว-ทำจัญไร” ใหญ่คับประเทศ อาจได้ประเดี๋ยว-ประด๋าว แต่ที่แน่นอนยืนยาวและเจอแน่
คือสภาพ ไม่ใหญ่ “คับโลง”!
กำนันสุเทพและอีก ๑๓ แกนนำ ได้ประกันตัว ไปรอดุลยธรรมประทานในชั้นศาลฎีกา ผมก็เบาใจ
คือเบาใจว่า วันอาทิตย์ที่ ๓๐ มิถุนา. ที่จะถึง ลุงกำนันท่านทำพิธี “บุญทอดผ้าป่าการกุศล”
หาทุนช่วยการเรียนของนักศึกษา “วิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ” ที่เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นโรงเรียนต้นแบบเรียนรู้คู่การปฎิบัติธรรม
เรียนฟรี อยู่กินฟรี มูลนิธิมวลมหาประชาชน โดยลุงกำนันแบกรับภาระตลอด
วันอาทิตย์นี้ “สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี” (เจ้าประคุณธงชัย วัดไตรมิตร) ท่านเมตตาเดินทางไปเป็นองค์ประธานทอดผ้าป่าการกุศลเพื่ออนาคตเยาวชนที่วิทยาลัย ณ เกาะสมุย
ผมก็ยังหวั่นอยู่ว่า….
ถ้าเมื่อวาน ไม่ได้ประกัน ลุงกำนันต้องเข้าคุก แล้วงานทอดผ้าป่าหาทุนให้นักศึกษาจะทำยังไง?
ในเมื่อท่านเจ้าประคุณธงชัยไปถึงวิทยาลัย แต่ลุงกำนันผู้เป็นเจ้าภาพงานกลับไปอยู่ในเรือนจำ!
แต่ปัญหานั้นก็หมดไป ป่านนี้ลุงกำนัน คงเดินทางไปเตรียมงานที่เกาะสมุยแล้ว
ท่านใดจะไปร่วมทอดผ้าป่า ก็ยังไปทันนะครับ ท่านเจ้าประคุณธงชัยเมตตาปลุกเสกผ้ายันต์ไปมอบให้กับทุกท่านที่ไปร่วมงานบุญด้วย
นี่ไม่ติดเจ้าโควิดจนต้องแอ้งแม้งคาโรงพยาบาลละก็ คงได้ไปร่วมทำบุญทอดผ้าป่าผ้าการศึกษากับลุงกำนันไปแล้ว
แต่ก็ไม่เป็นไร ทุกอย่างมีใจเป็นประธาน สำเร็จ-ล้มเหลว อยู่ที่ใจ
ขออธิษฐานใจร่วมทอดผ้าป่าสร้างคนด้วยการศึกษากับท่านเจ้าประคุณธงชัยและลุงกำนันด้วยก็แล้วกัน
เปลว สีเงิน
๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๗
