กรมศุลกากร เร่งสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและส่งออกยาเสพติดทุกช่องทาง รวมมูลค่ากว่า 45 ล้านบาท ณ ศูนย์แถลงข่าว ชั้น 2 อาคาร 1 กรมศุลกากร

27 มิถุนายน 2567 เวลา 09.30 น. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายสุรชาติ เทียนทอง ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี นางสาวนิตยา เที่ยงตรงภิญโญ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

นายดลรวิชญ์ พุทธเจริญทอง ผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พันตำรวจเอกพงศ์ธร พงศ์รัชตนันทน์ รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 พันตำรวจเอกณัฐกิตติ์ มีสุข ผู้กำกับการสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 พันตำรวจโทสุกานต์ นิ่มเจริญ สารวัตรกองกำกับการสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2

นายพีรพงศ์ รำพึงจิตต์ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการข่าวและปราบปรามยาเสพติด 6 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ร่วมแถลงข่าว กรมศุลกากรเร่งสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและส่งออกยาเสพติดทุกช่องทาง รวมมูลค่ากว่า 45 ล้านบาท ณ ศูนย์แถลงข่าว ชั้น 2 อาคาร 1 กรมศุลกากร

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบายเดินหน้าปราบปรามยาเสพติดทั้งการผลิต การนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และการลักลอบจำหน่าย โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อปราบปรามยาเสพติดให้หมดไปจากประเทศ

จึงสั่งการให้ นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร กำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าและส่งออกยาเสพติดทุกช่องทางกรมศุลกากรจึงได้บูรณาการร่วมกับหน่วยสกัดกั้นยาเสพติดทางท่าอากาศยานนานาชาติ (Airport Interdiction Task Force: AITF) ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าและส่งออกยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง

โดยเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2567 เจ้าหน้าที่ศุลกากร สำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเจ้าหน้าที่กองสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร ร่วมกับเจ้าหน้าที่จาก ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่จาก บช.ปส. ร่วมกันตรวจค้นผู้โดยสารหญิง สัญชาติแอฟริกาใต้ เดินทางมาจากเมืองไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา ปลายทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย

พบว่า ผู้โดยสารหญิงรายดังกล่าวได้ซุกซ่อนยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีนในร่างกายด้วยวิธีการกลืน จำนวน 35 ก้อน น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 415 กรัม มูลค่ากว่า 1,245,000 บาท จึงได้จับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบว่า

เป็นความผิดในกรณีนำยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน เข้ามาในราชอาณาจักร และมียาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน” เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และเป็นความผิดตามมาตรา 242 มาตรา 252 ประกอบมาตรา 166 และมาตรา 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560

ต่อมาเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2567 เจ้าหน้าที่จากกองสืบสวนและปราบปราม ทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงในการลักลอบส่งออกของต้องห้ามต้องกำกัด ณ ศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณภูมิ พบพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศ ปลายทางประเทศเกาหลีใต้ มีความน่าสงสัย โดยสำแดงสินค้าเป็น SNACK , MILK POWDER

จึงได้ทำการตรวจสอบ พบเป็น ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า (Methamphetamine) ลักษณะเป็นเม็ดกลม สีชมพู และสีเขียว มีอักษร WY ซุกซ่อนอยู่ภายในซองนมผงสำเร็จรูป จำนวน 2 ห่อ ปริมาณ 13,850 เม็ด มูลค่า 415,500 บาท กรณีนี้เป็นความผิด ในการพยายามส่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า (Methamphetamine) ออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และมาตรา 242 มาตรา 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560

และเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 เจ้าหน้าที่ศุลกากร สำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเจ้าหน้าที่กองสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่จาก ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่จาก บช.ปส. จับกุมผู้โดยสารหญิงชาวไทยพยายามลักลอบนํายาเสพติดออกไปนอกราชอาณาจักร

เดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย ปลายทางท่าอากาศยานนานาชาติมาเล ประเทศมัลดีฟส์ โดยพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) ลักษณะเป็นถุงพลาสติกสีเทาพันเทปกาวสีน้ำตาลหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีดำจำนวน 2 ห่อ น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มรวมทั้งสิ้นประมาณ 2 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท โดยของกลางทั้งหมดซุกซ่อนอยู่ภายในบริเวณพื้นกระเป๋าสะพายหลังที่จัดทำขึ้นมาเป็นพิเศษ จำนวน 2 ใบ ซึ่งเก็บอยู่ในกระเป๋าเดินทางทรงแข็งสีเทา มีล้อลาก

การกระทําดังกล่าวเป็นความผิดฐานพยายามส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) โดยไม่ได้รับอนุญาต และครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) โดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และเป็นความผิดตามมาตรา 242 มาตรา 252 ประกอบมาตรา 166 และมาตรา 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560

นอกจากนี้ กรมศุลกากรยังได้มีการจับกุมการลักลอบนำช่อดอกกัญชาซุกซ่อนเพื่อเตรียมส่งออกนอกราชอาณาจักรอีกด้วย โดยสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ตรวจสอบสินค้าขาออก จำนวน 3 เคส จำนวน 291.1 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 10.8 ล้านบาท ได้แก่

1) เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2567 ตรวจสอบสินค้าขาออก ปลายทางประเทศสิงคโปร์ สำแดงชนิดสินค้าเป็นสระว่ายน้ำเป่าลม มีความน่าสงสัย จึงทำการเปิดตรวจ พบช่อดอกกัญชาซุกซ่อนอยู่ในกล่องผลิตภัณฑ์สระว่ายน้ำเป่าลม จำนวน 95.059 กิโลกรัม มูลค่า 3.5 ล้านบาท

2) เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2567 ตรวจสอบสินค้าขาออก ปลายทางประเทศอังกฤษ สำแดงชนิดสินค้าเป็นอุปกรณ์มวย มีความน่าสงสัย จึงทำการเปิดตรวจ พบช่อดอกกัญชาซุกซ่อนอยู่กับนวมมวย น้ำหนัก 106.94 กิโลกรัม มูลค่า 4 ล้านบาท

3) เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2567 ตรวจสอบสินค้าขาออก ปลายทางประเทศเนเธอร์แลนด์ สำแดงชนิดสินค้าเป็นผ้าอ้อมผู้ใหญ่ มีความน่าสงสัย จึงทำการเปิดตรวจ พบช่อดอกกัญชาซุกซ่อนอยู่ร่วมกับผ้าอ้อมผู้ใหญ่ จำนวน 90 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 3.3 ล้านบาท

กรณีนี้เป็นความผิดฐานสำแดงข้อมูลไม่ถูกต้อง และส่งออกของที่กำลังผ่านพิธีการศุลกากรออกไปนอกราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อกำกัดเกี่ยวกับของนั้น อันเป็นความผิดตามาตรา 202 มาตรา 208 มาตรา 244 และมาตรา 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบกับประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 และพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542

ในด้านการป้องกันและปราบปรามการลักลอบส่งออกและนำเข้าบุหรี่ กรมศุลกากรได้เพิ่มความเข้มงวดในเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นกัน โดยเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรรณภูมิ ได้ทำการตรวจยึดบุหรี่ ใช้สิทธิ Re-Export ในใบขนสินค้า โดยระบุต้นทางประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปลายทางประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีการสำแดงชนิดสินค้าเป็นห่วงสลักบังคับเลี้ยว (Steering Knuckle) ในใบขนสินค้าขาเข้าและใบขนสินค้าขาออก จากการเปิดตรวจพบเป็น บุหรี่ จำนวน 7,200 แถว น้ำหนัก 1,750 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 30.9 ล้านบาท

กรณีนี้เป็นการแสดงข้อมูลชนิดสินค้า ปริมาณ และประเภทพิกัดไม่ถูกต้อง และเป็นการนำของต้องกำกัดเข้ามาในราชอาณาจักรก่อนได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดฐานแสดงข้อมูลไม่ถูกต้องเพื่อหลีกเลี่ยงอากรและข้อจำกัด ตามมาตรา 202 มาตรา 244 และ 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และมาตรา 166 แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560

สำหรับในปีงบประมาณ 2567 (1 ตุลาคม 2566 – 26 มิถุนายน 2567) กรมศุลกากรมีสถิติการจับกุมยาเสพติด ทั้งสิ้นจำนวน 101 ราย มูลค่ารวมกว่า 615.74 ล้านบาท

Written By
More from pp
เปิดเรื่องราววิถีชุมชน สะท้อนวัฒนธรรมสร้างสรรค์ของชาวกาฬสินธุ์ ผ่านมหกรรมฟื้นใจเมือง “ภูมิถิ่น แก่งสำโรง โค้งสงเปลือย”
รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม เปิดตลาดริมน้ำปาว ในงานมหกรรมฟื้นใจเมือง “ภูมิถิ่น แก่งสำโรง โค้งสงเปลือย” จัดเต็มกับกิจกรรมสะท้อนวัฒนธรรมชาวกาฬสินธุ์ สัมผัสวิถีชีวิต ประเพณีดั้งเดิม เพลิดเพลินแสงสีเสียงวานนี้ที่ศาลเจ้าโสมพะมิตร สถานีดับเพลิงเทศบาลเก่า...
Read More
0 replies on “กรมศุลกากร เร่งสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและส่งออกยาเสพติดทุกช่องทาง รวมมูลค่ากว่า 45 ล้านบาท ณ ศูนย์แถลงข่าว ชั้น 2 อาคาร 1 กรมศุลกากร”