“ร่มธรรม” แนะรัฐบาลต้องตรวจสอบข่าวลือ “ทักษิณ” คุยกลุ่มชาติพันธุ์-รัฐบาลพลัดถิ่นเมียนมา หากรัฐบาลให้คำตอบชัดเจนไม่ได้ กระทบบทบาท ‘เศรษฐา’ ในฐานะผู้นำประเทศ

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.จังหวัดพัทลุง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่เว็บไซต์ Aseannow.com เผยแพร่ข่าวว่า นายทักษิณ ชินวัตร ได้หารือกับตัวแทนจากกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธ และรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (เอ็นยูจี) ซึ่งเป็นรัฐบาลพลัดถิ่นของเมียนมา โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยยุติความขัดแย้งในเมียนมาที่ดำเนินมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 นั้นว่า

เรื่องนี้เป็นคำถามตัวใหญ่ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพราะถ้าจริง นายทักษิณไปในบทบาทอะไร และหากรัฐบาลไทยไม่รู้ความเคลื่อนไหวนี้เลยยิ่งต้องตั้งคำถามต่อศักยภาพด้านความมั่นคงและการต่างประเทศของรัฐบาลไทย ที่ก่อนหน้านี้พยายามออกตัวมาตลอดว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งภายในของประเทศอื่น แต่กลับไม่รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของนายทักษิณที่อยู่ในช่วงพักโทษในการเข้าไปดำเนินการบางอย่างในทางลับ ซึ่งไม่ว่าการพูดคุยนั้นอยู่ในประเทศไทยหรือนอกประเทศไทยก็มีปัญหาตามมาทั้งนั้นครับ เพราะเป็นการพูดคุยกับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีกองกำลังติดอาวุธ และเป็นคู่ขัดแย้งกับรัฐบาลของตนเอง แม้การได้อำนาจรัฐจะมาด้วยความไม่ชอบธรรมก็ตาม

หรือว่าที่รัฐบาลไม่ต้องรับรู้อะไร เพราะนายทักษิณ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีได้รับสถานะ ‘ผู้มีบารมีนอกรัฐบาล’ ไปแล้วจริงๆ จึงสามารถทำอะไรก็ได้ รัฐบาลปล่อยเต็มที่ ซึ่งเรื่องนี้ก็มีประเด็นว่า หากมีการพบกันจริงในประเทศไทย และอยู่ภายใต้การรับรู้ของรัฐบาลไทยเท่ากับไทยยอมให้กลุ่มการเมืองติดอาวุธใช้ไทยเป็นฐานในการเคลื่อนไหวต่างๆ แต่หากรัฐบาลไทยไม่รับรู้ยิ่งต้องคิดหนักถึงประสิทธิภาพของหน่วยข่าวกรองไทยให้มาก เพราะเท่ากับไม่ทราบถึงการที่แผ่นดินไทยถูกใช้ในการเคลื่อนไหว สภาพนี้คงฝากผีฝากไข้ให้การดูแลความมั่นคงไทยไว้ไม่ได้ แต่ถ้าปฏิเสธว่าเป็นการพบกันนอกประเทศ นี่ก็ยิ่งหนักเหมือนกัน เพราะนายทักษิณ ยังอยู่ในสถานะที่ไม่สามารถเป็นอิสระถึงขั้นเดินทางไปไหนพบใครนอกประเทศได้เลย

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ค่อนข้างกังวลก็คือท่าทีของรัฐบาลมากกว่า เพราะถ้าไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงก็ควรยืนยันอย่างหนักแน่นชัดเจน ไม่ให้ใครเอาความคลุมเครือจากบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่มีลูกสาวเป็นหัวหน้าพรรคและเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลไปใช้ประโยชน์ได้

ขณะที่ท่าทีคนในรัฐบาล ตั้งแต่ตัวนายกรัฐมนตรีกลับตอบคำถามไม่ชัด จึงทำให้เรื่องนี้ดูดำมืดอย่างมาก ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ บอกว่าเป็นสิทธิที่ทำได้ รัฐบาลไม่เกี่ยว ส่วน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ปฏิเสธว่า ไม่เคยได้ยิน ทั้งๆ ที่ทุกคนดังกล่าวควรจะต้องให้คำตอบเรื่องนี้กับสังคมได้ เพราะถ้ามีการพูดคุยกันจริง ก็ต้องเกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินไทยเท่านั้น

“ในทัศนะส่วนตัวผมนั้นเห็นด้วย ถ้าไทยจะมีบทบาทนำในการเจรจาภายใต้ข้อตกลงที่เคยขับเคลื่อนร่วมกันในอาเซียน แต่ต้องไม่ใช่ใครใคร่ทำ ทำ ใครใคร่คุย คุย แบบไม่เป็นทางการก็ได้ ไทยเปิดเต็มที่ แบบนี้ถ้านายบ่อน เจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลไปขอคุยผลประโยชน์ทำบ่อน ทำพนันออนไลน์ ทำแก๊งคอลเซนเตอร์ แลกกับการหนุนเงินซื้ออาวุธไปให้ เปิดโรงแรมจิบไวน์คุยกันรับลมทะเลแถว ๆ ภูเก็ต คุยกันชิลๆ แบบนี้รัฐบาลไทยก็รับได้ใช่ไหม จะเอาหลักการแบบนี้มาอธิบายกับสังคมจริง ๆ หรือ” นายร่มธรรม กล่าว

พร้อมกับเพิ่มเติมอีกว่า ถ้าไทยจะยินยอมการเป็นพื้นที่เจรจาสันติภาพก็ต้องแสดงบทบาทให้ชัดจากรัฐบาลกลาง เหมือนกรณีมาเลเซียที่เป็นตัวกลางให้กลุ่มขบวนการติดอาวุธในไทย ใช้เป็นพื้นที่กลางเพื่อเจรจาสันติภาพกับกองทัพไทยภายใต้การรับรู้ของรัฐบาลมาเลเซียและไทยอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่ทำกันแบบใต้ดิน

นอกจากนี้ การยอมให้ นายทักษิณ มีสถานะเป็นผู้มีบารมีนอกรัฐบาล ด้วยการที่รัฐบาลไม่ดำเนินการตรวจสอบว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ อาจจะยิ่งเป็นส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ ของตัวนายเศรษฐา ในฐานะผู้นำประเทศอย่างมาก ที่ผ่านมาภาพลักษณ์ในประเทศของตัวนายเศรษฐาเอง ก็ถูกมองเป็นนายก ฯ หุ่นเชิดอยู่แล้ว พอจะมีบทบาทในต่างประเทศบ้าง นายทักษิณก็มาปาดหน้าแสดงความเป็นตัวจริงที่ทำให้ทุกคนเชื่อว่าพูดแทนประเทศไทยได้ไปอีก

“ถ้าเป็นนายก ฯ แล้วต้องยอมขนาดนี้ ผมก็เคยแนะนำไปหลายครั้งแล้วว่า อย่าเป็นดีกว่า มันดูหม่นหมองไม่เหลือสง่าราศีอดีตนักธุรกิจหมื่นล้าน ที่ไปไหนก็มีแต่คนนับหน้าถือตา ถอยแล้วกลับไปอยู่ในที่ของตัวเองอย่างสมศักดิ์ศรีเหมือนที่อดีตรัฐมนตรีของท่านหลายคนที่ลาออกไปทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วกว่าครับ ยิ่งอยู่นาน เขาก็ยิ่งด้อยค่า จะช้ำใจเปล่าๆ” นายร่มธรรม กล่าวในที่สุด

0 replies on ““ร่มธรรม” แนะรัฐบาลต้องตรวจสอบข่าวลือ “ทักษิณ” คุยกลุ่มชาติพันธุ์-รัฐบาลพลัดถิ่นเมียนมา หากรัฐบาลให้คำตอบชัดเจนไม่ได้ กระทบบทบาท ‘เศรษฐา’ ในฐานะผู้นำประเทศ”