เปลว สีเงิน
ท่านว่า….
ทักษิณเป็น “นักโทษเทวดา” มีอิทธิฤทธิ์เหนือทั้งกฎหมายเหนือทั้งประเทศ”
…….จริงหรือไม่?
ผมจะสรุปข้อมูลคร่าวๆให้ท่านประกอบการพิจารณาก่อนลงความเห็น
ศาลลงโทษจำคุกทักษิณ ๘ ปี ฐานโกงชาติ-โกงแผ่นดิน
ได้รับพระมหากรุณาอภัยลดโทษ เหลือ ๑ ปี
ด้วยความเอื้ออาทรกรมคุก นักโทษทักษิณไม่ต้องติดคุกเลยแม้แต่วันเดียว
อ้าง “นักโทษป่วย”
ให้ฮ.บินมารับตัวกลางดึกจากเรือนพักในคุกไปนอนรอยัล สวีท ชั้น ๑๔ รพ.ตำรวจ
จาก ๒๓ สิงหา.๖๖ ถึงวันนี้ ๑๒ มกรา.๖๗ เลยกำหนด ๑๒๐ วัน
โดย”ทั้งแพทย์-ทั้งราชทัณฑ์” อ้างสิทธิผู้ป่วย อ้างกล้องวงจรปิด ชั้น ๑๔ เสีย
ไม่ยอมเปิดเผยอาการโรคและการรักษาใดๆ ทั้งสิ้นให้สังคมภายนอกได้รับทราบ จนเป็นที่สงสัยกันว่า
๑.ป่วยด้วยโรคร้ายแรงอะไร?
๒.รักษาแล้วอาการอยู่ในขั้นไหน?
๓.มีตัวตนนักโทษทักษิณนอนป่วยอยู่จริงหรือไม่?
๔.นักโทษคนอื่นป่วย แพทย์และราชทัณฑ์ แถลงอาการได้ แต่กับนักโทษทักษิณ ทำไมแพทย์-ราชทัณฑ์ จึงอ้างสิทธิ, อ้างกฎหมาย เปิดเผยอะไรไม่ได้เลย?
๕.แพทย์รพ.ตำรวจ-ราชทัณฑ์ปฎิบัติ ๒ มาตรฐาน ด้วยประจบอำนาจเงินนักโทษ และสอพลออำนาจรัฐบาลของนักโทษใช่หรือไม่?
และขณะนี้ เกิน ๑๒๐ วันแล้ว ทางราชทัณฑ์จะเอาไงต่อกับนักโทษทักษิณ เพราะตามกฎหมายบอก เมื่อครบ ๑๒๐ วัน แล้ว
“นักโทษรักษาตัวนอกเรือนจำ” ทางแพทย์-ทางผบ.เรือนจำ “ต้องทำความเห็นพร้อมหลักฐาน” เสนอ “อธิบดีราชทัณฑ์”
พิจารณาว่าควรให้รักษาตัวโรงพยาบาลนอกต่อไป หรือควรนำตัวกลับเข้าคุก
แล้วให้อธิบดีราชทัณฑ์รายงานให้ “รัฐมนตรียุติธรรม” รับทราบ!
นี่คือคำถามจากข้อสงสัย “สังคมเป็นธรรม” ว่าภายใต้กฎหมายที่ทุกคนต้องเท่าเทียมกัน
ทำไมนักโทษทักษิณจึงได้รับการพิทักษ์-ปกป้องดูแลจากราชทัณฑ์และแพทย์รพ.ตำรวจเหนือกว่านักโทษคนอื่น เมื่อสังคมไม่เป็นธรรม ด้วยริยำชนรังแก….
แม้ภาคประชาชนเวียนไต่ถามหน้าโรงพยาบาล หน้าทำเนียบรัฐบาล ก็เหยียดว่าแค่กระหยิบมือ มดแดงกัดไข่ยังคันกว่า
จึงไม่ได้รับการหือหันใดๆ จากแพทย์รพ.ตำรวจและรัฐบาลในน้ำเลี้ยงโจร
แม้คณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทน ขอมาพิสูจน์ตัวตนและอาการป่วยนักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจในวันที่ ๑๒ มค.นี้ก็ตาม
ก็ได้รับการสนองตอบด้วยกริยาการทำนองเบะปาก ยักใหล่!
เมื่อวาน (๑๑ มค.๖๗) ราชทัณฑ์ คงรู้สึกจุกจิก-รำคาญจึงออกรายงานสถานการณ์สง่าผ่าเผย ตอนหนึ่งว่า….
“…..จึงพิจารณาเห็นชอบ เมื่อวันที่ ๘ ม.ค.๖๗ ให้นายทักษิณ อยู่รักษาตัวต่อยังโรงพยาบาลตำรวจ
เนื่องจากยังคงมีอาการเจ็บป่วยที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์ผู้ทำการรักษาเฉพาะทาง
และหากเกิดภาวะแทรกซ้อน หรืออาการที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต จะได้ดำเนินการรักษาอย่างทันท่วงที
……ซึ่งเป็นไปตามกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.๒๕๖๓
…………
กรมราชทัณฑ์จึงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยออกสู่สาธารณชนได้ตามพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๐
ตลอดจนประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๒๓ และข้อบังคับแพทยสภา ว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกร พ.ศ.๒๕๔๙ ข้อ ๒๗ ซึ่งแพทย์ต้องปฏิบัติตาม”
วันเดียวกัน ทางโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ ด้วยปฏิบัติการไม่ต่างกัน แถลงว่า
“…………….ได้มีหนังสือตอบรับไปยังคณะกรรมาธิการตำรวจ เพื่อให้เข้ามาศึกษาดูงานเกี่ยวกับการนำตัวผู้ต้องขังที่ส่งจากกรมราชทัณฑ์มารักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ในวันศุกร์ที่ ๑๒ มค.๖๗ แล้ว
……………….
ส่วนที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีนายกรัฐมนตรี ซึ่งรักษาตัวอยู่ชั้น ๑๔ อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ ๘๘ พรรษา
จะสามารถขึ้นไปดูได้หรือไม่นั้น
“ไม่สามารถทำได้”
เพราะการจะไปดูผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นนายทักษิณหรือผู้ป่วยรายอื่น รพ.ตำรวจคงไม่อนุญาต”
อืมมมม!
เขาใหญ่จริง อิทธิฤทธิ์เหนือกฎหมาย-เหนือประเทศจริง
เชื่อแล้ว ที่ทักษิณเคยบอก “จะกลับมาอย่างเท่ๆ”
และบอก “จะไม่ยอมติดคุกเลยแม้แต่วันเดียว”!
ทักษิณก็ทำได้ตามพูด
ทักษิณทำให้ ๓ เสาหลักประเทศคือ “สถาบันบริหาร-สถาบันนิติบัญญัติ-สถาบันตุลาการ” เป็นเสาโคโยตี้ไปแล้ว!
แค่คิดในมุมกลับ ผมไม่โทษทักษิณ
ถ้ารวย มีอำนาจ มีคอกหมาเป็นพรรคการเมือง ผมก็ต้องทำอย่างนี้ เพราะสังคมไทยวันนี้ ไม่ใช่ธรรมเป็นธรรม
หากแต่ “เงิน-อำนาจ” เป็นทำ!
แต่จะทำได้-หรือไม่ได้ ไม่ได้อยู่ที่ทักษิณโดยตรง
หากแต่อยู่ที่คน “รักษากฎ-กติกา”
คือ “เจ้าหน้าที่รัฐ” ในสาขาอำนาจนั้นๆว่า “ซื่อสัตย์-ภักดี” ต่อหน้าที่ “ข้าราชการ”
หรือใช้อำนาจด้วย “อสัตย์” ต่อหน้าที่ข้าราชการ ไปภักดีเงินและอำนาจโจร?
พูดง่ายๆ คนชั่ว มีสิทธิเสนอ ในสิ่งที่ผิด
แต่ข้าราชการ ซึ่งเป็นผู้ทำงาน ต่างพระเนตร-พระกรรณพระมหากษัตริย์ ไม่สิทธิสนองในสิ่งที่ผิด
กรณีทักษิณ ทุกท่านใคร่ครวญได้……
ว่าแพทย์รพ.ตำรวจ, ผบ.เรือนจำ, อธิบดีราชทณฑ์, รัฐมนตรียุติธรรม และนายกฯ ในฐานะห้วหน้ารัฐบาล
“สัตย์” หรือ “อสัตย์” ต่ออำนาจ-หน้าที่ราชการงานแผ่นดิน สร้างสังคมเป็นธรรม ทำให้คำว่า “คนทุกคนเท่าเทียมกันทางกฎหมาย” จริงหรือไม่?
ให้มโนธรรมสำนึกใน ผิด, ถูก, ชั่ว, ดี ของแต่ละคน ตอบตัวเอง อย่าให้ผมต้องตอบแทนเลย
ผมไม่มีอำนาจไปชี้ใครผิด-ใครถูกได้ แต่ข้าวแต่ละคำน้ำแต่ละอึก ที่ได้มาจากการทรยศต่อคำว่า “ข้า-ราชะ-การ”
มันจะบีบคั้น หลอกหลอน “มโนธาตุ” ในความเป็นมนุษย์ ให้หมกไหม้ ตื่นก็ทุรนทุราย หลับก็ฝันร้าย
“อบายภูมิ” เปิดอ้า…….
ลาภ ยศ ตำแหน่ง เงินทอง ที่ได้จากการเป็นข้าราชการกังฉิน รับสินบาทคาดสินบน
ข้าวคือหนอนที่จะได้กิน น้ำคือกรดที่จะได้ดื่ม
แก้ว แหวน ที่จะได้ประดับ คือหนามเหล็กแทงปากและตอกอกตรงใจคด
ส่วนเงินนั้น จะเป็นเชื้อไฟนรกโหมไหม้เผาร่างไปชั่วกัป-ชั่วกัลป์ จนกว่ากรรมข้าราชการ “กังฉิน กินสินบาท-สินบน” จะหมด แล้วไปเสวยกรรมต่อๆ ที่ทำไว้ ไม่ว่าดีหรือเลว ไปมิสุด
ผมไม่ได้ “พูดหลอก-พูดเล่น” ทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเอง มีกรรมเป็นที่ไป
ทักษิณเขาก็มีกรรม กรรมดี-กรรมชั่ว ใช่ว่าจะต้องไปรับชาติหน้า ขณะนี้ ถึงนอนชั้น ๑๔ ก็อย่านึกว่าสบายเขามีบุญ
ทักษิณไม่ถูกขังกาย แต่ใจตัวเองถูกขัง
ทุกข์ใจนั้น สาหัสกว่าทุกข์กาย
กายก็เหมือนตัวถังรถยนต์ ผุพังขนาดไหน ถ้ารักษาเครื่องยนต์ไว้ดี ก็ยังวิ่งได้
เครื่องยนต์คือ “ใจ” ถ้ารักษาใจไว้ดี ยกเครื่องยนต์ไปใส่ตัวถังรถใหม่ มันก็วิ่งได้
นี่คือสิ่งต้องย้อนคิด
ที่พูดกันว่า “ตายแล้วเอาอะไรไปไม่ได้” นั้น…ไม่จริง
มีสิ่งหนึ่งที่ธรรมชาติมอบให้มา เมื่อตายแล้ว ทิ้งซากร่างกายไว้ให้หนอน ส่วนที่ต้องนำกลับไปคือ
“วิญญานเกิด”!
“วิญญานเกิด” คือ “กล่องดำ” ของมนุษย์ทุกคน เหมือนเครื่องบินที่มี “กล่องดำ” บันทึกการบินทั้งหมด
ผมอยากบอกทักษิณด้วยคนเคยรักใคร่-นับถือกันแต่ก่อนเก่า ถึงวันนี้ก็ไม่ได้โกรธแค้นอันใด
แต่เห็นว่าอะไรมันมากไป ก็อยากติเตือน
อายุเลย ๗๒ ปีแล้ว ถึงเวลาทบทวนตัวเองได้แล้ว สมบัติเหลือกินแล้ว ลาภยศ ได้มาครบแล้ว
ถึงตอนนี้ ละความ “เห็นแก่ตัว”
ปูทางให้ “ลูกหลาน” ในวงศ์ตระกูล ได้อยู่ในสังคมโดยไม่ต้องก้มหน้าอายคนต่อไปไม่ดีกว่าหรือ?
ก็รู้….
“กลางกุมภา.” ก็เข้าเกณฑ์ “พักการลงโทษ” แล้ว เพราะอายุเกิน ๗๐ จำคุกมาแล้ว ๑ ใน ๓ คือ ๖ เดือน แถมเจ็บป่วยร้ายแรง กลับไปอยู่บ้านได้
แต่ผมถามคำ….
ระหว่างนอนอยู่ชั้น ๑๔ จนครบเกณฑ์ แล้วกลับบ้าน
กับเห็นแก่พรรคตัวเองที่เป็นรัฐบาล เห็นแก่ทางเดินในอนาคตของลูกๆ หลานๆ
อดทนออกจากชั้น ๑๔ ไปนอนโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในคุกซักสัปดาห์
ถึงกลางกุมภา.ได้ออกจากคุก มีลูกหลานและผู้รักใคร่นับถือเป็นร้อย-เป็นพัน ไปยืนรอรับออกจากประตูเรือนจำ
ภาพนั้น มันจะเท่ และแพร่ไปทั้งโลกให้คนรู้ว่า ทักษิณเคารพกฎ-กติกาบ้านเมือง รับโทษแล้ว และพ้นโทษแล้ว
ทุกอย่างสวยงาม สังคมหมดข้อข้องใจ
จากนั้น ดำเนินชีวิตตามท้าย “พระบรมราชโองการ” อภัยลดโทษ ที่ว่า
“เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคมและประชาชน สืบไป”
ก็ฝาก “ให้คิด-ให้ตรอง” โบราณว่า “รักยาวให้บั่น-รักสั้นให้ต่อ” ถ้าตีโจทย์นี้ได้
สวรรค์เป็นที่ไปของตระกูล “ชินวัตร” แทน “นรก”!
เปลว สีเงิน
๑๒ มกราคม ๒๕๖๗