23 ตุลาคม 2566 นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงแนวทางการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายผลักดันศักยภาพของ SMEs และผู้ประกอบการไทย เพื่อเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน
โดยล่าสุด จากการที่ตนได้พบกับนายคุโรดะ จุน (KURADA Jun) ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น ประจำกรุงเทพฯ หรือ JETRO กรุงเทพฯ มีผลการหารือที่เป็นประโยชน์กับประเทศไทย
โดยทางญี่ปุ่นพร้อมสนับสนุนให้ไทยมีบทบาทนำในภูมิภาคอาเซียน และยังมีความสนใจที่จะลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ทั้งที่เป็นเอกชนรายใหญ่และเอกชนขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมถึงสตาร์ตอัปของญี่ปุ่นที่จะเข้ามามีบทบาทช่วยพัฒนาเศรษฐกิจไทย
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นพร้อมที่จะพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้ากับไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เช่น การเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในไทย การจัดสัมมนาให้ความรู้เรื่องการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง และการจัดอบรมด้านทรัพย์สินทางปัญญาให้กับบุคลากรทรัพย์สินทางปัญญาของไทย
นายนภินทร กล่าวอีกว่า ตนยังเตรียมผลักดันสินค้าเกษตรของไทยไปตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหอมทอง โดยจัดหาบริษัทสตาร์ตอัปของญี่ปุ่นที่มีเทคโนโลยีช่วยจัดเก็บข้อมูลและปรับปรุงการปลูกกล้วยหอมอย่างเป็นระบบและแม่นยำมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและปริมาณผลผลิต รวมทั้งสร้างโอกาสในการส่งออกกล้วยหอมไทยไปตลาดญี่ปุ่น
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์กับ JETRO กรุงเทพฯ ได้ตกลงที่จะร่วมกันจัดสัมมนาให้ความรู้กับผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ในการขยายการส่งออกไปญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันมี FTA ร่วมกัน 3 ฉบับ ได้แก่
ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น (AJCEP) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) โดยในช่วงครึ่งปี 2566 (ม.ค.-มิ.ย.) ผู้ส่งออกไทยขอใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ FTA ทั้ง 3 ฉบับ รวมกันถึง 77% ของมูลค่าการส่งออกสำหรับสินค้าที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทั้งหมด หรือมูลค่า 3,602 ล้านดอลลาร์สหรัฐ