ผักกาดหอม
การเมืองวิปริตหรือไร?
จุดสนใจแทนที่จะเป็นการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล แต่กลับกลายเป็นความเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านซะงั้น
พรรคก้าวไกลมีเรื่องให้พูดถึงทุกวัน
เรื่อง “รองอ๋อง หมูกระทะ” คงจะไม่จบลงง่ายๆ เพราะกระบวนการขับออกจากพรรคดูจะขัดและแย้งกับข้อบังคับพรรค และรัฐธรรมนูญ
หากใช้การย้ายพรรคของ “รองอ๋อง” เป็นบรรทัดฐาน ความวิบัติทางการเมืองจะตามมาอย่างที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว
งานนี้การซื้อส.ส.ยกพรรคทำได้ง่ายมาก
แค่เงินถึง!
พรรคขนาดเล็ก ขนาดกลางคือเป้าหมาย ไม่ต้องรอกระบวนการยุบพรรคให้เสียเวลา แค่ปรับโครงสร้างพรรคให้สมาชิกพรรคที่ไม่ได้เป็นส.ส.ทำหน้าที่กรรมการบริหารพรรค เหลือส.ส.ติ่งเอาไว้สัก ๑ คน ก็สำเร็จแล้ว
เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๐๑ (๙) กำหนดไว้ว่า… กรณีที่ ส.ส. พ้นจากการเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองที่เป็นสมาชิก ตามมติของพรรคการเมืองนั้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารพรรคและส.ส. ที่สังกัดพรรคการเมืองนั้น
แค่นี้เองครับ ยกกล้วยไปทั้งหวีได้ทันที
ทุนสามานย์ไหนจะควบรวมพรรคการเมืองเหมือนที่ “นช.ทักษิณ” เคยทำให้พรรคไทยรักไทย กลายเป็นรัฐบาลพรรคเดียวก็ทำได้ง่ายๆครับ
แม้กฎหมายพรรคการเมืองจะห้ามมิให้ควบรวมพรรคการเมืองในระหว่างอายุของสภาผู้แทนราษฎรก็ตามที แต่หากเอากรณี “รองอ๋อง” เป็นบรรทัดฐาน ก็อิ่มกล้วยกันถ้วยหน้า
ฉะนั้น พรรคก้าวไกลทำอะไร ต้องนึกถึงผลกระทบที่จะตามมาในภายหลังด้วย
แต่…เตรียมตัวไว้ ทั้งพรรคก้าวไกล และ “รองอ๋อง” เรื่องนี้ต้องไปถึงศาลแน่นอน ไม่ศาลรัฐธรรมนูญ ก็ศาลฎีกา
พรรคก้าวไกลจะกลายเป็นพรรคที่ไม่สุจริต ไร้จริยธรรมทางการเมือง บิดเบือนการบังคับใช้กฎหมายเพียงเพื่อรักษาตำแหน่งทางการเมืองโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
เป็นกรณีที่ฉาวโฉ่ และจะถูกจดจำไปอีกนับร้อยปี ว่าครั้งหนึ่งมีพรรคการเมืองที่ยกตัวอยู่เหนือพรรคการเมืองอื่น มีอุดมการณ์ทางการเมืองเพื่อประชาชน
แต่สุดท้ายละทิ้งตัวตน เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น
อำนาจทางการเมืองมันหอมหวนขนาดนั้นเชียวหรือ ?
สำหรับพรรคก้าวไกลแล้ว คงไม่ต่างจากเด็กได้กินไอติม ได้กินแล้วก็ร้องไห้กระจองอแงอยากจะกินซ้ำอีก
ดูกรณีการเลือกประธานกรรมาธิการคณะต่างๆ ของสภาผู้แทนราษฎรในโควตาของพรรคก้าวไกล เป็นตัวอย่าง จนถึงวันนี้ยังไม่ลงตัว แทบจะฆ่ากันอยู่แล้ว
ไม่ได้พูดเองออเองนะครับ!
ฯพณฯ รังสิมันต์ โรม กล่าวไว้…
นักข่าวถามว่า มีปัญหาความไม่พอใจเรื่องตําแหน่งประธานกรรมาธิการภายในพรรคหรือไม่
ฯพณฯ โรม ตอบแบบนี้ครับ
“…คงไปตอบแทนทุกคนไม่ได้ เพราะเรามีกระบวนการ สุดท้ายต้องมีทั้งคนได้และไม่ได้ แต่ผมคิดว่าด้วยกระบวนการแบบนี้ คงจะเคลียร์ในส่วนของประธานกรรมาธิการได้ทั้งหมด…”
ถือเป็นคำตอบที่ละมุนที่สุดแล้ว
ถ้าตอบแบบฮาร์คอร์คือ ฟัดกันเละ
นี่คือผลของพรรคก้าวไกลออกมายืนในที่สว่าง ธาตุแท้ก็เริ่มปรากฎให้เห็นมากขึ้น
นักร้องหมายเลข ๑ “ศรีสุวรรณ จรรยา” เดินเครื่องแล้ว
เห็นว่าวันจันทร์นี้ จะไปร้องป.ป.ช.ให้ดำเนินการไต่สวน และมีความเห็นว่าเข้าข่ายกลฉ้อฉลหรือนิติกรรมอำพราง อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ อย่างไร ตาม ม.๒๓๔(๑) ของรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ประกอบ พรป.ป.ป.ช. ๒๕๖๑
อย่าประมาท หรือไปบูลลี่ “ศรีสุวรรณ” นะครับ เพราะเชือดสำเร็จมากี่กรณีแล้ว
เอาแค่ร้องยุบพรรคอนาคตใหม่สำเร็จนี่ก็จุกอกกันถ้วนหน้า
ยังจำกันได้หรือเปล่า “ศรีสุวรรณ” ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ กกต. ให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย ยุบพรรค อนาคตใหม่ จากกรณี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” แถลงข่าวตอนหนึ่งบอกว่า ได้ปล่อย “เงินกู้” ให้แก่พรรคอนาคตใหม่ยืม รวม ๑๙๑.๒ ล้านบาท
กกต. ดำเนินการสอบสวนและส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยว่า การกู้เงินดังกล่าวของพรรคอนาคตใหม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๗๒ กรณีรายได้ของพรรคชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
และแล้วศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมากให้ “ยุบพรรค” อนาคตใหม่
ในคำวินิจฉัยยังสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด
ทำให้ “ธนาธร ปิยบุตร พรรณิการ์” ถูก “ตัดสิทธิทางการเมือง”
และนั่นคือที่มาของพรรคก้าวไกล
ถึงจะมีคนตลกขบขันในความเป็นนักร้องของ “ศรีสุรรณ” ที่ร้องทุกอย่างที่ขวางหน้า ร้องเป็นร้อยเรื่องสำเร็จสัก ๑ เรื่อง
แต่ไอ้ที่สำเร็จเล่นเอาน้ำลายเหนียวครับ พูดไม่ออก
เที่ยวนี้ “ศรีสุวรรณ” เขียนคำร้องไว้น่าสนใจครับ
“…พฤติการณ์หรือการกระทำของพรรคก้าวไกลและหมออ๋องดังกล่าว อาจมีเจตนาที่จะทำเป็นกลฉ้อฉลหรือนิติกรรมอำพรางซึ่งเป็นโมฆียะกรรม อันขัดหรือแย้งต่ออุดมการณ์ของพรรคที่ได้จดทะเบียนไว้กับนายทะเบียนพรรคการเมืองเมื่อ ๒๓ มิ.ย. ๖๓ ว่าจะยึดมั่นในหลักนิติรัฐและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไว้อย่างชัดเจน แต่กลับใช้วิธีการเยี่ยงนักการเมืองน้ำเน่าที่มุ่งกอดรัดอำนาจหรือตำแหน่งที่ตนมีหรือที่จะมีไว้อย่างไม่ละอาย มิได้เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่เป็น FC จำนวนมากแต่อย่างใด
อีกทั้งกรณีดังกล่าวถูกสังคมตำหนิ ติเตียน และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งอาจเป็นทฤษฎีสมคบคิดกันโดยมิได้ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตนและมิได้รักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ อันเป็นข้อห้ามตามหมวด ๑ ของมาตรฐานทางจริยธรรมฯที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดตาม ม.๒๑๙ ของรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่จะไต่สวนและมีความเห็นได้โดยตรง
ทั้งนี้ หาก ป.ป.ช.มีความเห็นเป็นไปตามคำร้องก็จะต้องส่งศาลฎีกาพิพากษาเอาผิดทั้งคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล (กก.บห.) ชุดใหม่ และ สส. ก้าวไกลที่มีมติเมื่อ ๒๘ ก.ย.รวมทั้งหมออ๋องด้วย และหากหมออ๋องไปสังกัดพรรคการเมืองใด พรรคการเมืองดังกล่าวก็จะถูกลากเข้าไปร่วมรับผิดด้วยในฐานะตัวการร่วมในนิติกรรมอำพรางเหล่านี้…”
จะเอาผิดยกเข่ง!
ถ้าผิดกรรมการบริหารพรรคไปทั้งยวง แถมลากพรรคที่รับฝากเลี้ยง “รองอ๋อง” ลงเหวไปด้วย
รอชมครับ