สิ้นเสียง ‘ปิดสวิตช์สว.’ – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ไม่ต้องเหนียมครับ…

รัฐบาลเพื่อไทยตั้งได้แน่นอน และต้องอาศัย “ลุง”

ตัวเลขอย่างเป็นทางการ ล่าสุดวันที่ ๑๐ สิงหาคม หลังพรรคเพื่อไทย จีบพรรคชาติไทยพัฒนา สามารถรวมได้แล้ว ๒๓๘ เสียง

๑.เพื่อไทย ๑๔๑ เสียง

๒.ภูมิใจไทย ๗๑ เสียง

๓.ชาติไทยพัฒนา ๑๐ เสียง

๔.ประชาชาติ ๙ เสียง

๕.ชาติพัฒนากล้า ๒ เสียง

๖.เพื่อไทรวมพลัง ๒ เสียง

๗.เสรีรวมไทย ๑ เสียง

๘.พลังสังคมใหม่ ๑ เสียง

๙.ท้องที่ไทย ๑ เสียง

เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรต้องได้ ๒๕๑ เสียง ยังขาดอีก ๑๓ เสียง

แต่การตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ควรจะมี สส.อย่างต่ำ ๒๘๐ เสียง

เกิน ๓๐๐ ยิ่งดี

เลิกมโนแล้วไปดูความจริง พรรคที่สามารถมาเติมเสียงให้รัฐบาลเพื่อไทยได้อย่างเป็นชิ้นเป็นอันในขณะนี้ก็เหลือแค่ ๓ พรรค

พลังประชารัฐ ๔๐ เสียง

รวมไทยสร้างชาติ ๓๖ เสียง

ประชาธิปัตย์ ๒๕ เสียง

ด้อมส้ม ด้อมแดง ที่ตะโกนไม่เอา ๒ ลุง ก็ดูไว้

ไม่เอาก็ตั้งไม่ได้

อยากจะลากยาว ๑๐ เดือน ก็เตรียมตัวฉิบหาย ถึงเวลาวิกฤตก็อย่าโทษใคร ให้โทษพวกที่บอกลากยาว ๑๐ เดือนนี่แหละครับ

ถ้าโลกสวย ไม่เอาลุง ไม่สนสี่สนแปด ก็มีทางเดียวครับ ส่งต่อให้พรรคอันดับ ๓ จัดตั้งรัฐบาล

ทีนี้สมการเปลี่ยน ต้องตั้งคำถามใหม่ ลุงจะเอาใคร

ถึงคราว “ลุง” เป็นฝ่ายเลือกบ้าง

อย่าคิดว่า ๑๘๘ เสียงตั้งรัฐบาลไม่ได้เชียวครับ

สารตั้งต้น ที่มี สว.อย่างต่ำ ๒๐๐ เสียงพร้อมให้การสนับสนุน ถามว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน

ที่จริงต้องตั้งคำถามว่า “ทักษิณ ชินวัตร” อยากกลับไทยหรืออยู่ดูไบต่อ

ฉะนั้นเมื่อเห็นความเป็นไปได้สองทางนี้แล้ว เพื่อไทยจะเลือกแบบไหน

เลือกเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเอง หรือเลือกที่จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่มีภูมิใจไทยเป็นแกนนำ

ที่สำคัญ ทัวร์ลงไม่ต่างกัน เผลอๆ การไปซุกอยู่หลัง ภูมิใจไทย ทัวร์ลงหนักกว่า

ฉะนั้นเชื่อเถอะครับ เพื่อไทยตั้งรัฐบาลได้แน่นอนโดยมี “ลุง” รวมอยู่ด้วย

เป็นรัฐบาล ๑๑ พรรค ๓๑๔ เสียง

ข้ามโหวตเลือกนายกฯ ไปเลย ยังไงซะก็ผ่าน

แต่ก็มีเสียงทักว่า วันที่ ๑๖ สิงหาคมนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สามารถโหวตชื่อแคนดิเดตนายกฯ ซ้ำได้หลายครั้ง จะทำอย่างไร

ก็ไม่ต้องทำอะไรครับ

เพราะไม่มีผลอะไรแล้ว ก้าวไกลยังติดหล่ม ม.๑๑๒ อยู่ และไม่ยอมไปไหน สูตรรัฐบาล ๘ พรรคจึงไม่อาจหวนกลับ

ต้องคิดไปข้างหน้าแล้วครับ

จะตั้งรัฐบาลเสร็จเมื่อไหร่

จะแถลงนโยบายได้เมื่อไหร่

ทั้งหมดนี้ต้องทำอย่างเร่งด่วน เพราะงานรอรัฐบาลใหม่เพียบ

ด้วยตัวเลือกที่มีอยู่เท่านี้ และ ถอดความชอบหรือไม่ชอบออกไป ประเทศไทยต้องมีรัฐบาลบริหารประเทศ

บริหารแล้ว ดีหรือไม่ดี ก็มีกลไกที่จะตรวจสอบ ทั้งกลไกของรัฐสภา กลไกองค์กรอิสระต่างๆ รวมทั้ง ประชาชน

ตอนนี้รู้สึกประหลาดใจ ไม่มีใครออกเรียกร้องปิดสวิตช์ สว.กันแล้ว ก็ไม่ทราบด้วยเหตุผลกลใด มีแต่บอกว่าไม่เอาพรรคลุง

ถ้าปรารถนาที่จะไม่เอาลุงจริง ก้าวไกลก็ควรแสดงบทบาทปิดสวิตช์ สว. โดยไม่หวังประโยชน์ว่าตัวเองเป็นรัฐบาล

เสียงรัฐบาลเพื่อไทยราวๆ ๓๑๔ เสียง บวกกับก้าวไกล ๑๕๐ เสียง เกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา โหวตนายกฯ ผ่านสบาย ไม่ต้องง้อ ๒๕๐ เสียงของ สว.เลย แม้คะแนนเดียว

นี่เป็นหลักการที่ทำได้ครับ ไม่ใช่เรื่องเกินจริง เพราะครั้งหนึ่ง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ก็เรียกร้องแบบนี้

เมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๒ “ธนาธร” บอกว่า …..

“…ถึงตอนนี้มีความชัดเจนเรื่องจำนวน สส.แล้ว ๔๙๘ ที่นั่ง แต่อย่างไรก็ตามเพียงพอที่จะทำให้เกิดความชัดเจนทางการเมือง จึงอยากให้คิดถึงก้าวต่อไป คิดถึงอนาคตประเทศไทยว่าจะเดินไปอย่างไร ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ขอให้นำข้อเสนอที่เราพูดไว้ก่อนเลือกตั้งเรื่องปิดสวิตช์ สว.มาพิจารณา ช่วยกันกดดัน ทำให้เกิดขึ้นจริง

การปิดสวิตช์ สว. คือเราสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ที่สภาผู้แทนราษฎร ไม่ให้ สว.ที่ไม่ได้มาจากประชาชนสามารถทำงานได้ โดยตอนนี้ ๓ พรรคการเมืองที่ประกาศหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ ๑๑๕ ที่นั่ง พรรครวมพลังประชาชาติไทย ๕ ที่นั่ง พรรคประชาชนปฏิรูป ๑ ที่นั่ง รวมแล้ว ๑๒๑ ที่นั่ง ซึ่งข้อเสนอปิดสวิตช์ สว. กรณีพรรคที่หนุน พล.อ.ประยุทธ์ มีคะแนนน้อยกว่า ๑๒๔ ที่นั่ง สามารถเป็นไปได้

ดังนั้น ขอเรียกร้องให้ประชาชนที่รักประชาธิปไตย กลับไปทวงถามคำสัญญาที่พรรคการเมืองต่างๆ เคยให้ไว้ก่อนการเลือกตั้งมาร่วมกัน เพราะนี่คือการยับยั้งกลไกที่ไม่ได้มาจากประชาธิปไตย คือการยับยั้งนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากประชาชน พรรคทุกพรรคที่ไม่ใช่ ๓ พรรคที่กล่าวถึงข้างต้นมีส่วนร่วมได้ โดยการยกมือรับรองนายกรัฐมนตรีที่เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีที่รวมเสียงข้างมากได้ เราจะมี ๓๗๘ เสียงในสภา ซึ่งมากกว่า ๓ พรรคฝ่ายสืบทอดอำนาจบวกกับ สว. ๒๕๐ คน ทำให้การเมืองแบบประชาธิปไตยเดินหน้าต่อไปได้…”

มองในแง่หลักการ คำพูดของ “ธนาธร” สามารถนำมาใช้ในการโหวตเลือกนายกฯ ครั้งนี้ได้ เพราะพรรคแกนหลักไม่ใช่พรรค ๒ ลุง

ขณะที่พรรค ๒ ลุงเอง ก็แปรสภาพไปเยอะแล้ว

รวมไทยสร้างชาติ ไม่มี “ลุงตู่” แล้ว

ส่วนพลังประชารัฐ “ลุงป้อม” เดินไม่ค่อยไหวแล้ว คนรายล้อมก็น้อยลงเรื่อยๆ ฉะนั้นอย่าไปพูดเรื่องสืบทอดอำนาจเลย ให้มองไปที่ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” จะเห็นอะไรได้ชัดเจนกว่า

ฉะนั้น หากจะปิดสวิตช์ สว.กันจริงๆ ทำได้เลย ก้าวไกลต้องช่วยโหวต

แต่ยากครับ เพราะก้าวไกลไม่ได้ประโยชน์อะไร

นี่แหละครับที่เขาเรียกว่า “การเมือง”

Written By
More from pp
สธ.จับมือกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้ม ดำเนินการกับผู้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี
กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค จับมือกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้มมาตรการดำเนินการกับผู้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี หากพบการบาดเจ็บจะดำเนินการตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดและสอบสวนหาร้านค้าที่จำหน่ายให้กับเด็ก
Read More
0 replies on “สิ้นเสียง ‘ปิดสวิตช์สว.’ – ผักกาดหอม”