ผักกาดหอม
เล่นกับใครไม่เล่น
มาเล่นกับอดีตอัยการสูงสุด “ตระกูล วินิจนัยภาค”
ถ้าจำกันได้ช่วงคดีเสือดำที่ “เปรมชัย กรรณสูต” เป็นผู้ต้องหา อดีตอัยการสูงสุดผู้นี้แหละครับที่เกาะติดผ่านโซเชียล จนวันสุดท้ายที่ “เปรมชัย” ถูกศาลพิพากษาจำคุก
ท่านไม่ได้โกรธ เกลียด “เปรมชัย” เป็นการส่วนตัว แต่เกลียดความไม่ถูกต้อง
ฉะนั้นความเห็นของท่านแต่ละความเห็น ล้วนให้ความรู้ทางกฎหมายอย่างกระจ่าง
ชัดขนาดที่บรรดาเศรษฐียันยาจก พากันขยาดที่จะออกล่าสัตว์สงวน
แม้แต่ตำรวจผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำคดีในขณะนั้น บิ๊กปู-พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ก็โดนตอกหน้าหงายมาแล้ว
ในวันที่ประชาชนเกรง คดีเสือดำ จะเป็นมวยล้มต้มคนดู “ตระกูล วินิจนัยภาค” คือคนที่จับตามองการทำงานของพนักงานสอบสวนชนิดหายใจรดต้นคอ
จน “บิ๊กปู” หงุดหงิด ถามผ่านสื่อว่า “ว่างงานเหรอ?'”
คำตอบของ อดีตอัยการสูงสุด ทั้งแสบ ทั้งคัน ทั้งเจ็บ และจุก แต่ก็ให้แง่คิดว่า มนุษย์ที่สุจริตนั้น มีวัตรปฏิบัติเช่นไร
“…ผมไม่ได้ว่างงาน!!!
(ผมมีงานทำ…แต่ตอนนี้ พักระหว่างงานจัดสัมมนาฯ ระหว่างประเทศ…๑๕ นาที)!!
ผมไม่ได้สงสัยหรือตั้งข้อสังเกต…เพราะผมเรียนกฎหมายมา และทำงานด้านกฎหมายมานานกว่า ๔๐ ปี…คิดว่ามีความรู้กฎหมายพอใช้ได้…!!
ถ้าผมเห็นว่า…เป็นไปโดยไม่ถูกต้องด้วยความยุติธรรม ผมก็ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญของผมในการสื่อสารแสดงความคิดเห็นให้ทราบด้วยการพูด/การเขียนโดยสุจริต… โดยไม่ต้องสงสัยหรือตั้งข้อสังเกต!!!
แต่เป็นห่วงว่า.. ‘คนที่ไม่ได้เรียนจบกฎหมาย’ ..เค้าจะยังสงสัยหรือตั้งข้อสังเกต…เคลือบแคลงสงสัยการใช้กฎหมายของผู้บังคับใช้กฎหมายต่อๆ ไปอีกว่า..ทำไมๆ และทำไม…ต้องทำอย่างนู้นอย่างนี้…ทำไม???? ทำไมไม่ทำอย่างนี้
คนเค้าไม่ได้ทำงานวันละ ๒๔ ชั่วโมง เค้าย่อมมีเวลาหยุดพักที่จะคิดว่า..ใคร?..ทำอะไร?…ที่ไหน?…อย่างไร?..เพราะอะไร? ฯลฯ
ห้ามยากครับ… ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ!!!
ผมว่า…คนที่กำลังทำหน้าที่นั้นๆ อยู่…โดยอ้างว่า กระทำการโดย…มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ก็ควรอธิบายให้ผู้ที่สงสัย..ให้เขาหายสงสัย…นะฮะ!!!
ดีกว่าทำให้เขาตั้งข้อสังเกตสงสัยอยู่เรื่อยไป…นะฮะ!!!
ป.ล. (๑) พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานแก่สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน กรุงทพมหานคร (เมื่อ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๒)
‘ฯลฯ หากสิ่งใดที่ดำเนินอยู่ในสังคมทุกวันนี้ เป็นไปโดยไม่ถูกต้องด้วยความยุติธรรมแล้ว
นักกฎหมายที่ดีไม่พึงนิ่งเฉยเสีย ควรแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต โต้แย้งด้วยเหตุผล เพื่อความถูกต้องและเพื่อความเป็นธรรมของบ้านเมือง หากนักกฎหมายสามารถกระทำได้เช่นนี้แล้ว ย่อมเป็นกำลังส่วนหนึ่งที่ทำให้บ้านเมืองเจริญไปได้…”
นี่…เอาเรื่องเก่าเมื่อ ๖ ปีที่แล้วมาเล่าใหม่ เพื่อให้เห็นตัวตนของ อดีตอัยการสูงสุด ที่กำลังตกเป็นข่าวกระตุกหนวดเสือหิวอยู่ในขณะนี้
มีเสือโหยเสือหิวความยุติธรรม ใช้ความพยายามทุกรูปแบบเพื่อให้ยุติธรรมกับตัวเอง แต่เอาเปรียบสังคมโดยรวม
วันนี้้ถ้านักการเมืองในพรรคเพื่อไทย หรือรัฐบาล ปากดีถาม “ตระกูล วินิจนัยภาค” ว่า ว่างงานหรือ ท่านจะได้คำตอบที่สาสม
เบาะๆ เมื่อนายใหญ่ของรัฐบาล บอกว่าตัวเองถูกยัดข้อหา ม.๑๑๒ เป็นผลไม้พิษรัฐประหาร
อดีตอัยการสูงสุดท่านก็ส่งผลไม้พิษไปให้ “นักโทษชายทักษิณ” ไว้แทะเล่น
“…หลักกฏหมายที่ใช้ในสหรัฐอเมริกา เรื่อง #ผลของต้นไม้พิษ (fruit of the poisonous tree)
พอจำได้สมัยเรียนปริญญาโทเกี่ยวกับกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของสหรัฐ..อยู่บ้างว่า เค้าหมายถึง คำเปรียบเทียบทางกฎหมายที่ใช้อธิบาย #หลักฐานที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย
เลยยิ่งงงว่า พยานหลักฐานที่ผู้ต้องหา ถูกกล่าวหาว่า กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ได้มาจากคำพูดของตัวเองแล้ว.. กรณีนี้ จะใช้หลักกฎหมายของอเมริกันเรื่อง #ผลของต้นไม้พิษ …ได้อย่างไร ???…”
แปลความเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยครับ “พิษ” มาจากปาก “นักโทษชายทักษิณ” นั่นเอง หาใช่คณะรัฐประหารไม่
คดี ม.๑๑๒ ที่เกิดจากปากเป็นพิษของ “นักโทษชายทักษิณ” อย่างที่้รู้กัน “ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร” อดีตอัยการสูงสุดอีกท่านมีความเห็นสั่งฟ้องเมื่อปี ๒๕๕๙
เหตุการณ์ “นักโทษชายทักษิณ” ปากพล่อยเกิดเมื่อปี ๒๕๕๘ ตรงกับช่วงที่ “ตระกูล วินิจนัยภาค” ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด
ฉะนั้นท่านมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสั่งฟ้องเมื่อปี ๒๕๕๙
นั่นเพราะ “ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร” ได้ทำความเห็นสมควรสั่งฟ้อง ภายหลังจากที่ “ตระกูล วินิจนัยภาค” ตั้งอัยการสำนักสอบสวน ร่วมทำการสอบสวนกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม (ปอท.)
มาวันนี้ “ไอ้เสือ” สั่งลูกน้องไม่ต้องถอย แต่ให้ไปยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมถึงอัยการสูงสุดคนปัจจุบัน คัดค้าน “คำสั่งฟ้อง” แทน
บรรยายคำร้องขอความเป็นธรรมว่า พนักงานสอบสวนที่ทำสำนวน ถูกกดดันข่มขู่จากผู้มีอำนาจในยุคนั้น ซึ่งเป็นยุค คสช. เพราะมีการแจ้งความดำเนินคดีนี้กับตนเองช่วงหลังจาก คสช.เข้าควบคุมอำนาจการปกครองเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ทำให้พนักงานสอบสวนไม่มีความเป็นอิสระในการทำหน้าที่ กระบวนการได้มาซึ่งพยานหลักฐานจึงมิชอบด้วยกฎหมาย และมีความเบี่ยงเบนไปตามที่ผู้มีอำนาจต้องการ
คนทั่วไปไม่รู้หรอกครับว่า วิธีการที่ “นักโทษชายทักษิณ” ทำนั้น ทำได้หรือไม่
มีกฎ ระเบียบ กำหนดไว้เช่นไร
แต่ “ตระกูล วินิจนัยภาค” มีคำตอบ
กางระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด ส่วนที่ ๖ การร้องขอความเป็นธรรม ให้เห็นกันจะจะ
“…กรณีผู้เสียหายหรือผู้ต้องหาหรือบุคคลอื่นใดเพื่อประโยชน์ของผู้เสียหายหรือผู้ต้องหาใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการโดยกล่าวอ้างว่าผู้เสียหายหรือผู้ต้องหาไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ ให้พนักงานอัยการพิจารณารับคำร้องขอความเป็นธรรมดังกล่าวไว้พิจารณา ทั้งนี้ กรณีที่ผู้ต้องหาซึ่งได้รับการปล่อยชั่วคราวหรือลงลายมือชื่อรับทราบวันนัดไว้ ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ผู้ต้องหานั้นต้องแสดงตนต่อพนักงานอัยการในขณะยื่นหนังสือ
การร้องขอความเป็นธรรม หากเป็นประเด็นที่ผู้ร้องเคยขอความเป็นธรรมและพนักงานอัยการได้เคยพิจารณาไว้แล้ว หรือมีลักษณะเป็นการประวิงคดีให้ล่าช้า ให้ทำบันทึกข้อความเสนอความเห็นพร้อมเรื่องร้องขอความเป็นธรรมและสำเนารายงานการสอบสวน เสนอตามลำดับชั้นถึงอธิบดีอัยการพิจารณาสั่งยุติเรื่องร้องขอความเป็นธรรมนั้น
ให้พนักงานอัยการพิจารณาให้ความเป็นธรรมโดยให้คำนึงถึงข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานอันสำคัญแก่คดีที่จะนำไปสู่การพิสูจน์ความผิดหรือความบริสุทธิ์ของผู้ต้องหาได้…”
สรุปคือ “นักโทษชายทักษิณ” ต้องไปแสดงตนต่อพนักงานอัยการขณะยื่นหนังสือ
งานนี้ถึงเป็นแฟนก็ทำแทนไม่ได้
แล้วจะได้ไปด้วยตัวเองหรือไม่
ฟันธงครับ ประวิงเวลา
คราวที่แล้วป่วยโควิด
มาคราวนี้คัดค้านคำสั่งฟ้อง
คราวหน้าชักสงสัยแล้วครับ
๑๘ มิถุนายนนี้จะไปศาลหรือเปล่า