สันต์ สะตอแมน
วานซืน..
ประธานสมาคมนักประชาธิปไตยชาวไทยไร้พรมแดน ลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศส นายจรัล ดิษฐาอภิชัย โพสต์..
“ทบทวนความจำ คณะราษฎรผู้นำการปฏิวัติเปลี่ยนระบอบการปกครองจากสมบูรณญาสิทธิราชย์เป็นประชาธิปไตย เมื่อปี 2475
และเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรี วางรากฐานระบอบประชาธิปไตย ล้วนเป็นคนหนุ่ม วัยกลางคน ท่านปรีดี พนมยงค์ อายุ32 ปี ผู้ที่มีอายุมากที่สุด พระยาพหลพลพยุหเสนา ก็แค่ 45 ปี”
แล้วไง?..เพื่อนคนหนึ่งอ่านจบเอ่ยถามขึ้น.. “นั่นสิ” ผมก็พลอยสงสัยไปกับเขา นายจรัลต้องการจะบอกอะไร?
จะบอกว่าเป็นความสำเร็จของการวางรากฐานระบอบประชาธิปไตยรึ? แล้วทุกวันนี้ประเทศไทยเป็นระบอบประชาธิปไตย หรือประชาธิปตายล่ะ..หือ?
จะบอกว่าเป็นความสำเร็จของคนหนุ่มคนสาวหัวก้าวหน้ารึ? ก็เห็นท่านปรีดีเล่าอดีตว่า.. “ข้าพเจ้าอายุ 32 ปี พวกเราได้ทำการอภิวัฒน์ แต่ข้าพเจ้าก็ขาดความจัดเจน
และครั้นข้าพเจ้ามีความจัดเจนมากขึ้น ข้าพเจ้าก็ไม่มีอำนาจ”
ซึ่งก็เป็นการสะท้อนความผิดพลาดของคณะราษฎรมิใช่หรือ? แล้วนายจรัลจะมา “ทบทวนความจำ” ไปทำไม?
ทางที่ดี ควรหันไปบอกกับคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นู่น..อายุยังน้อย อย่าคิดลำพองให้สูงไป ชนะแล้วก็ต้องรักษาชัยชนะไว้ให้ได้ตลอดไปถึงฝั่งฝัน..
ไม่งั้น..ก็จะล้มเหลว ไม่ต่างจากท่านปรีดี-อายุ 32 ที่ขาดประสบการณ์ทางการเมืองนั่นแหละ!
ถ้านายจรัลบอกอย่างนี้บางทีคุณพิธาอาจได้คิด และเพลาๆ ความอหังการลงได้บ้าง น่าจะดีกว่า “ทบทวนความจำ” ที่เสมือนยุส่งให้ยิ่งผยอง-แข็งกร้าว!
นี่..พูดถึงคุณพิธา ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ก็พอดีเหลือบไปเห็นบทสนทนาระหว่างคุณนิกกี้-ณฉัตร จันทพันธ์ กับคุณต่าย-ชุติมา ทีปะนาถ อดีตภรรยาคุณพิธา
โดย “ผู้จัดการออนไลน์” ได้แกะคลิปการพูดคุยจากรายการShare ปลาวาฬ ในช่องYOUTUBEมารายงาน ซึ่งผมใคร่ขออนุญาตคัดลอกมาบางช่วงตอน อาทิ..
รับ “ทิม พิธา” เป็นแฟนที่รักและผูกพันที่สุด เผยสิ่งที่ผิดพลาด..“ก็เป็นแฟนที่รักและผูกพันที่สุดอยู่แล้ว 10 ปี ตอนเราตัดสินใจเลิกเราก็ยังรักเขาอยู่ เราเป็นคนตัดสินใจเอง เราพูดเอง
ก็เสียใจ แต่เราเลือกแล้ว ทำใจอยู่ 3 ปี ความรักอย่างเดียวไม่พอ การยอมถือว่าเป็นข้อเสียนะ ทำใจได้หมด อะไรก็ได้ ดูเหมือนเป็นข้อดี แต่ยอมไปเรื่อยๆ อีกคนก็คิดว่าทำได้ ก็เอาอีก
พอเราทนไม่ได้เราก็ไปเลย แตกเลย จริงๆ ควรมีการสื่อสารกัน ถ้านิดเดียวก็พูดในลักษณะไม่ได้ซีเรียส ถ้าไม่ชอบอะไรก็ต้องปรึกษากัน
แต่ตอนนั้นเรารู้สึกว่าปรึกษาอะไรไม่ได้ ก็เลยยอมอย่างเดียว สุดท้ายไม่ไหวแล้ว ฉันไปแล้วนะ..
ถ้าย้อนกลับไปถามว่าจะเลิกไหม ก็ต้องลองถอยกันก่อน คงไม่เลิกเลย ตอนนั้นมันระเบิดไง ความอดทนมันหมดแล้วมั้ง”
ครับ..ก็พอจะทำให้ได้คิด-ได้เข้าใจ ว่าอ๋อ..ว่าที่นายกฯ ขนาดเมียยังปรึกษาอะไรไม่ได้..
แล้วเราล่ะ จะอย่างไร?