จุฬาฯ ให้ความรู้เรื่องกลไกทางกฎหมายและการดูแลนักเรียนที่ได้รับความรุนแรงในโลกไซเบอร์

ปัญหาความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้นโรงเรียนและสถานศึกษาย่อมส่งผลกระทบทางด้านร่างกายและจิตใจของนักเรียนผู้ตกเป็นเหยื่อของการใช้ความรุนแรงและการถูกกลั่นแกล้งข่มเหรังแก

จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในโรงเรียนซึ่งทำได้ในหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของกลไกทางกฎหมายเมื่อมีเหตุความรุนแรง และการดูแลนักเรียนที่ได้รับความรุนแรงทางโลกไซเบอร์

จากงานสัมมนา Teacher Conference ในหัวข้อ “Stop Violence in Schools” เยาวชนไทยห่างไกลความรุนแรง ครั้งที่ 1 ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับสถาบันสอนภาษาอังกฤษ โกลบิช อคาเดเมีย (ไทยแลนด์) ซึ่งเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพด้านการศึกษาของศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดขึ้น ภายใต้โครงการ International Friends for Peace 2023 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

จึงนำมาสู่การจัดงาน Teacher Conference “Stop Violence in Schools” เยาวชนไทยห่างไกลความรุนแรง” ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ณ Social Innovation Hub อาคารวิศิษฐ์ ประจวบเหมาะ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อผลักดันการแก้ไขและยุติปัญหาความรุนแรงในโรงเรียนและสถานศึกษา

ผศ.ดร.ชัยพร ภู่ประเสริฐ รองอธิการบดีด้านการพัฒนานิสิต จุฬาฯ ประธานกล่าวเปิดงาน เปิดเผยว่า Teacher Conference ในครั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้บริหารสถานศึกษา คณาจารย์ และผู้ที่รับผิดชอบงานด้านวิจัยและกิจการนิสิต

ได้เพิ่มพูนความรู้และทักษะในการหาแนวทางแก้ไขปัญหาความรุนแรงในโรงเรียนและสังคมไทย ตลอดจนแลกเปลี่ยนความรู้ในด้านกลไกทางกฎหมาย การดูแลสภาพจิตใจของผู้ถูกกระทำ รวมถึงการป้องกันการเกิดความรุนแรงในอนาคต

ในส่วนของกระบวนการทางกฎหมายในการแก้ปัญหาความรุนแรงในสังคมไทย ผศ.ดร.ปารีณา ศรีวนิชย์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ บรรยายในหัวข้อ “กลไกทางกฎหมายเมื่อมีเหตุความรุนแรง”

สรุปได้ว่า กลไกทางกฎหมายเมื่อเกิดความรุนแรงขึ้นในโรงเรียนต้องเริ่มตั้งแต่กฎหมายแม่บท ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีกฎหมายที่ครอบคลุมและคุ้มครองเด็กได้ดีพอสมควร

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือกฎหมายลำดับรองและแนวทางปฏิบัติจริงที่เกิดขึ้นในการบังคับใช้กฎหมายยังไม่ค่อยสมบูรณ์ สิ่งที่จะต้องแก้ไขก็คือ ในโรงเรียนควรมีกลไกที่คุ้มครองผู้ที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในโรงเรียน

ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างนักเรียนด้วยกันเอง นักเรียนกับครู หรือกระทั่งความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากบุคคลภายนอกที่เข้ามากระทำกับครูหรือนักเรียน

ซึ่งจะต้องมีการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็นครู แพทย์ ตำรวจ รวมถึงกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งหากมีการบูรณาการร่วมกันก็จะช่วยคุ้มครองป้องกันความรุนแรงที่เกิดขึ้นในโรงเรียนได้

“การรู้จักเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกันในโรงเรียนเป็นพื้นฐานที่ดีที่สุดในการป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงในโรงเรียน ความรุนแรงเกิดขึ้นจากการขาดความเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน

ดังนั้นจึงควรเริ่มต้นจากการป้องกันและสร้างเสริมความเข้าใจในส่วนนี้ จากนั้นต้องมีมาตรการรองรับหากเกิดเหตุความรุนแรงว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร ทั้งในส่วนของผู้ที่ได้รับผลกระทบจะได้รับการดูแลและบำบัดอย่างใร

ในขณะเดียวกันก็ต้องรับมือป้องกันผู้ที่ก่อความรุนแรงไม่ให้ไปก่อเหตุความรุนแรงในอนาคต สิ่งที่อยากจะฝากไว้คือว่าเราไม่สามารถแก้ปัญหาความรุนแรงด้วยการใช้ความรุนแรงได้ไม่ว่าในทางใด” ผศ.ดร.ปารีณา กล่าว

ในช่วงบ่าย ผศ.ดร.ณัฐสุดา เต้พันธ์ คณบดีคณะจิตวิทยา จุฬาฯ บรรยายในหัวข้อ “การดูแลนักเรียนที่ได้รับความรุนแรงทางโลกไซเบอร์” โดยได้เผยถึงข้อมูลเกี่ยวกับเหยื่อความรุนแรงว่ามักเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่น ตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายถึงมหาวิทยาลัย โดยคุณครูในโรงเรียนมีบทบาทหลักที่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้

ผศ.ดร.ณัฐสุดา ให้ข้อมูลว่า ในปี 2566 มีผู้พบความรุนแรงถึง 40% และมีผู้ที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงถึง 30% ที่น่าสนใจคือยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้ออกมาบอกว่าตนตกเป็นเหยื่อ

โดยช่องทางหลักของการแสดงความรุนแรงมักเป็น Social Network ความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณในแพลตฟอร์มที่ไม่ต้องมีการเปิดเผยตัวตน

เราไม่สามารถห้ามไม่ให้เด็กใช้โซเชียลได้เพราะข่าวสารข้อมูลที่มีประโยชน์ก็อยู่บนนั้นเช่นกัน แต่จะทำอย่างไรที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กใช้โซเชียลมีเดียได้อย่างมีคุณภาพ

“ครูเป็นเสมือนปราการแรกของเด็กที่สามารถรับฟังอย่างเข้าใจ โรงเรียนสามารถเสริมเรื่องการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้นักเรียนสามารถพูดหรือระบายได้ จากงานวิจัยพบว่าคนที่ตกเป็นเหยื่อ Cyberbullying มีความสัมพันธ์กับการฆ่าตัวตาย การป้องกันในเบื้องต้นจึงมีความสำคัญ ช่วยป้องกันปัญหาใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ ผศ.ดร.ณัฐสุดา กล่าวทิ้งท้าย

เสียงตอบรับจากคุณครูและนักจิตวิทยาที่เข้าร่วมงาน Teacher Conference ครั้งนี้

“ได้รับความรู้ในเรื่องความรุนแรงทั้งในแง่ของหลักกฎหมายและกระบวนการดูแลเด็ก สามารถนำไปใช้จริงได้” ตรีประดับ อุทัยเศรษฐวัฒน์ นักจิตวิทยา โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์

“งานนี้มีประโยชน์มาก สามารถนำแนวคิดที่ได้รับไปปรับใช้ในฐานะครูที่เป็นคนกลางประสานกับนักเรียนได้” นัฐชาติ เรียบร้อย ครูแนะแนว โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี

“โรงเรียนชายล้วนก็มีปัญหาในเรื่องการ Bully งานในครั้งนี้เป็นการสร้าง Awareness ให้ครูเข้าใจปัญหาที่นักเรียนเจอในรูปแบบของ Cyberbullying” อเนชพันธ์ นิธินันท์นฤมิต ครูแนะแนว โรงเรียนทวีธาภิเศก

Written By
More from pp
วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจากภูฏาน ถึงไทยแล้ววันนี้
กระทรวงสาธารณสุข เผยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่ ศบค.เห็นชอบ หลักการแลกวัคซีนระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลภูฏาน 1.5 แสนโดส ถึงไทยเที่ยงวันนี้ พร้อมกระจายให้พื้นที่ฉีดให้กับกลุ่ม 608 เมื่อผ่านการตรวจสอบคุณภาพโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
Read More
0 replies on “จุฬาฯ ให้ความรู้เรื่องกลไกทางกฎหมายและการดูแลนักเรียนที่ได้รับความรุนแรงในโลกไซเบอร์”