“ธีระชัย” ย้ำการเจรจาภาษีไทย-สหรัฐฯ ต้องคำนึงถึงผลกระทบเกษตรกรไทยและเสถียรภาพอาเซียน

5 กรกฎาคม 2568 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เดินทางไปเจรจาภาษีกับรัฐบาลสหรัฐฯ แต่ข้อเสนอของไทยกลับไม่ได้รับการตอบรับ ต้องนำกลับมาปรับปรุงใหม่ภายในเวลาจำกัด

นายธีระชัยระบุว่า “แม้จะมีความคืบหน้าเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะถือเป็นช่วงจังหวะสำคัญที่ไทยควรใช้โอกาสในการต่อรองอย่างมีประสิทธิภาพ“ พร้อมเสนอให้รัฐบาลหยิบยก 2 ประเด็นสำคัญที่ทีมเจรจาไทยควรยืนหยัดอย่างชัดเจนต่อฝ่ายสหรัฐฯ ได้แก่ ประเด็นที่หนึ่ง ควรชี้แจงให้ชัดว่าประเทศไทยจำเป็นต้องรักษาจุดยืนในเรื่องสินค้าเกษตรบางประเภท เพราะเป็นประเด็นอ่อนไหวและส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่สหรัฐฯ เองก็ย่อมจะเข้าใจได้ในสถานการณ์ที่เกษตรกรสหรัฐฯ เองก็กำลังเผชิญแรงกดดันจากการที่ไม่สามารถส่งออกไปยังจีนได้
ประเด็นที่สอง สหรัฐฯ ควรพิจารณาการเจรจาของไทยในฐานะสมาชิกอาเซียนให้มีความสอดคล้องกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค เนื่องจากหลายประเทศในอาเซียนต่างพึ่งพาการสนับสนุนด้านอุตสาหกรรมจากจีนในลักษณะเดียวกัน ดังนั้น ถ้าหากสหรัฐฯ เลือกปฏิบัติต่อประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นพิเศษย่อมจะทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ และเสี่ยงต่อการสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นภายในอาเซียน ซึ่งจะย้อนกลับไปบั่นทอนผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เองในระยะยาว

นายธีระชัยกล่าวทิ้งท้ายว่า ทีมเจรจาไทยควรกล้าหยิบยก มิติทางการเมือง เข้ามาประกอบการต่อรอง เพราะในบริบทภาพรวมของการเมืองโลกของสหรัฐฯ ประเด็นได้เสียทางการเมืองบางครั้งมีอิทธิพลสูงกว่าประเด็นทางการค้า ดังนั้น การเข้าใจจังหวะทางการเมืองและใช้มันให้เป็นประโยชน์ คือหัวใจสำคัญที่ไม่ควรถูกมองข้ามในการเจรจาครั้งนี้

Written By
More from pp
NEA เปิดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ Salesman จังหวัด Go- Inter
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) จัด โครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ “Salesman จังหวัด Go- Inter” ประจำปี 2564 ซึ่งดำเนินงานตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
Read More
0 replies on ““ธีระชัย” ย้ำการเจรจาภาษีไทย-สหรัฐฯ ต้องคำนึงถึงผลกระทบเกษตรกรไทยและเสถียรภาพอาเซียน”