ไปเลือกตั้งกันนะ – ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

และแล้ววันสำคัญชี้ชะตาประเทศไทยก็มาถึง

พรุ่งนี้ (๑๔ พฤษภาคม) ไปเลือกตั้งกันครับ

จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งปีนี้ รวมทั้งสิ้น ๕๒,๕๑๗,๙๗๑ คน

นิวโหวตเตอร์ ๓,๒๘๓,๔๑๓ คน

ปี ๒๕๖๒ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ไปใช้สิทธิ์ ๗๔.๖๙ ไม่น้อยแต่ก็ไม่ถือว่ามาก

มาปีนี้ หากไปเลือกตั้งกันให้ถล่มทลาย โฉมหน้าการเมืองอาจไม่เป็นอย่างที่บางพรรคการเมืองคิด และอยากให้เป็น

ไปเลือกตั้งกันเยอะๆ ครับ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ โดยพื้นฐานมิได้ประสงค์เปลี่ยนรากเหง้าวัฒนธรรมของตนเอง

ใช่จะเดินตามฝรั่งหัวแดงไปเสียทุกเรื่อง

ฉะนั้นออกไปโหวตกันครับ ไทยต้องเป็นไทยเหมือนเดิม

ระบอบการปกครองต้องไม่เปลี่ยน ยังคงเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเหมือนเดิม

อย่ายอมให้บางพรรคการเมืองมาเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเด็ดขาด

บางคนอาจแย้งว่าเพ้อเจ้อหรือเปล่า?

ใช่ครับ เพ้อเจ้อ เพราะมีบางคนคิดว่าเพ้อเจ้อที่ไปกล่าวหาบางพรรคการเมืองว่ามีแนวคิดล้มเจ้า

เพ้อเจ้อ คิดว่าไม่ใช่เรื่องที่มีอยู่จริง

วันนี้เขาเปิดหน้าชกกันแล้ว

ฉะนั้นถึงเวลาที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดต้องแสดงพลัง

หากเสียงส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า ถึงเวลาต้องเปลี่ยนประเทศไทย มันก็ต้องเปลี่ยน

แต่หากบอกว่า สิ่งที่ประเทศไทยมีอยู่คืออัตลักษณ์ที่ต้องรักษาไว้ เพราะแม้แต่ชาวโลกยังเห็นคุณค่า เราจะเปลี่ยนประเทศไทยเป็นอย่างอื่นไม่ได้

จึงต้องสะท้อนให้เห็นจากผลการเลือกตั้ง

ข้อมูลผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แยกตามช่วงอายุ

กลุ่มเจเนอเรชัน Z หรือผู้ที่เกิดระหว่างปี ๒๕๔๗ ถึงก่อนวันที่ ๑๖ พ.ค.๒๕๔๘ หรือผู้ที่มีอายุ ๑๘ ปี จำนวน ๑,๐๙๓,๗๒๒ คน

กลุ่มเจเนอเรชัน Y ผู้ที่เกิดระหว่างปี ๒๕๒๗-๒๕๔๖ ช่วงอายุ ๒๐-๓๙ ปี มีจำนวน ๑๗,๙๘๓,๓๕๕ คน

กลุ่มเจเนอเรชัน X ผู้ที่เกิดระหว่างปี ๒๕๐๖-๒๕๒๖ ช่วงอายุ ๔๐-๖๐ ปี มีจำนวน ๒๐,๘๘๒,๒๓๕ คน

กลุ่มเจเนอเรชันเบบี้บูมเมอร์ หรือผู้ที่เกิดระหว่างปี ๒๔๙๑-๒๕๐๕ ช่วงอายุ ๖๑-๗๕ ปี มีจำนวน ๙,๓๒๖,๓๑๔ คน

และกลุ่มบีฟอร์เบบี้บูมเมอร์ หรือผู้ที่เกิดก่อนปี ๒๔๙๑ ที่อายุมากกว่า ๗๕ ปี มีจำนวน ๒,๙๕๖,๑๘๒ คน

๒ กลุ่ม ที่จะชี้ขาดการเลือกตั้งคือ กลุ่มเจเนอเรชัน Y และเจเนอเรชัน X

ก็พอมองเห็นแนวโน้มนะครับ เพราะช่วงอายุมีส่วนสัมพันธ์กับการเป็นแฟนคลับพรรคการเมืองในระดับสูงทีเดียว

แต่ไม่อยากให้มองตัวเลขนี้ในเชิงของความแตกแยก เพราะเลือกตั้งมาแล้วยังแตกแยก ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร

การเลือกตั้งครั้งนี้ แตกต่างไปจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วแทบจะสิ้นเชิง

ไม่ใช่ในแง่ของระบบเลือกตั้ง หรือกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ต่างๆ

แต่เป็นการต่อสู้ระหว่างพรรคการเมือง

ครั้งนี้หลายพรรคสู้แบบไม่มีมิตร

หากมองหลวมๆ การเลือกตั้งยังคงเป็นการต่อสู้ระหว่างขั้วการเมืองเดิม

พรรคร่วมรัฐบาลซีกหนึ่ง

กับพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกซีกหนึ่ง

พรรคร่วมรัฐบาลแข่งกันเองแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย มีโจมตีกันบ้างโดยเฉพาะเรื่องกัญชาเสรี แต่ไม่มีนัยสำคัญอะไร

ผิดกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน การต่อสู้ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกล แทบไม่เหลือเค้าความเป็นมิตร

โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย เพราะความคาดหวังเรื่องชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ ในสนามเลือกตั้ง ๒ พรรคการเมืองนี้จึงแข่งกันดุ

พรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ได้ ไม่ใช่เพราะดึงคะแนนมาจากพรรคร่วมรัฐบาล แต่ต้องแย่งฐานคะแนนจากพรรคก้าวไกลให้ได้

พรรคก้าวไกล ชูสโลแกน เปลี่ยนประเทศไทย เปลี่ยนอย่างไร เปลี่ยนไปในทิศทางไหน มีการตั้งข้อสังเกตกันไปเยอะพอควรแล้ว

โดยใช้การแก้ ม.๑๑๒ เป็นหัวเชื้อ

ส่วนพรรคเพื่อไทย เปลี่ยนประเทศเช่นกัน

แต่เปลี่ยนโดยไล่ระบอบประยุทธ์ หลังจากประยุทธ์ไล่ระบอบทักษิณ

“เสี่ยอ้วน-ภูมิธรรม เวชยชัย” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความไว้ยาวเฟื้อย

“….การเลือกตั้งในวันที่ ๑๔ พ.ค. ๖๖ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสังคมไทย เพราะเป็นการเลือกตั้งที่จะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับอำนาจในการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน โดยยังคงมีกลไก รธน.ที่กำหนดให้ ส.ว. ๒๕๐ คน มีสิทธิ์โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี อันเป็นแต้มต่อที่สำคัญในการสืบทอดอำนาจต่อเนื่องของระบอบประยุทธ์

นั่นหมายความว่าหากพรรคร่วมรัฐบาลเดิมสามารถจับมือรวมกันแค่ ๑๒๖ เสียง ก็สามารถชนะการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้แล้วและประเทศไทยก็จะมีนายกรัฐมนตรีในแบบเดิมที่ทำให้พี่น้องประชาชนต้องทนทุกข์ทรมาน มานานถึง ๘-๙ ปี

แต่หากจะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง จะตั้งรัฐบาลได้จริง จำเป็นต้องใช้คะแนนเสียงของ ส.ส.ให้ได้มากเกิน ๒๕๐ คน และจะมั่นใจมากกว่าหากได้ ส.ส.มากถึง ๓๐๐ คน ซึ่งพรรคการเมือง ที่มีโอกาสจะทำให้เป็นรูปธรรมได้จริงๆ คือ ‘พรรคเพื่อไทย’

แม้ว่าในช่วงหลังหลายโพลจากหลายสำนักระบุว่าบางพรรคมาแรงแซงพรรคเพื่อไทยก็ตาม แต่หากดูจากข้อมูลในพื้นที่ซึ่งเป็นคะแนนจริงๆ ไม่ใช่คะแนนในอากาศ ซึ่งเราติดตามอย่างใกล้ชิด ยังบ่งชี้ว่า พรรคเพื่อไทยยังคงได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนมาเป็นอันดับหนึ่ง

ทำไมถึงมั่นใจอย่างนั้น เพราะจริงอยู่กระแสอาจมีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกของพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และเขตเมืองใหญ่ แต่ในจำนวนเขตเลือกตั้ง ๔๐๐ เขตนั้น ๓๐๐ กว่าเขตเป็นพื้นที่ อบต. เทศบาลตำบล กระแสไม่มีผลมากเท่ากับความผูกพันและการช่วยเหลือเกื้อกูลระหว่าง ส.ส. กับประชาชนในพื้นที่นั้นๆ

ดังนั้น จำนวน ส.ส.เขตพื้นที่ จึงเป็นดัชนีชี้วัดสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลง และต่อการจัดตั้งรัฐบาล

ในพื้นที่ที่มีการแข่งขันซึ่งจะทำให้เกิดการตัดคะแนนกันเอง ปล่อยให้ตาอยู่อย่างลุงและเครือข่ายชนะไปย่อมไม่เกิดผลดี

ผมไม่อยากให้ความหวังในการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลของพี่น้องประชาชนต้องกลายเป็นคะแนนตกน้ำและตาอยู่ได้ชัยชนะไป

นั่นจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจมาก

ถ้าความหวั่นเกรงของผมเป็นจริง เพราะบรรยากาศที่เอื้อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้มิได้เกิดขึ้นง่ายนัก หากการตัดสินใจเลือกที่จะกาบัตรนั้นทำให้ ความหวังที่จะให้เกิด ‘การเปลี่ยนแปลง’ กลายเป็นหมัน อย่างน่าเสียดาย

เราจะได้ ‘ระบอบประยุทธ์’ กลับมาและต้องทนอยู่ต่อไปอีก ๔ ปี…

ผมเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทย คือคำตอบที่เป็นจริงในการเปลี่ยนความฝันให้กลายเป็นความหวัง และเกิดการแก้ไขปัญหา การเปลี่ยนแปลงของชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนที่เป็นจริง เพราะปัญหาของประเทศวันนี้อยู่ในขั้นวิกฤติระดับ ‘โคม่า’ ต้องการทีมมืออาชีพเข้ามาแก้ไ- ซึ่งพรรคเพื่อไทยเคยพิสูจน์ให้เห็นเป็นผลงานเชิงประจักษ์มาแล้ว

วันนี้ พรรคเพื่อไทยมีทั้งผู้นำที่พร้อม มีนโยบายที่พร้อม และมีทีมทำงานที่พร้อม ๑๔ พ.ค. ๖๖ กาพรรคเพื่อไทยทั้งสองใบ ประเทศไทยเปลี่ยนทันที…”

ประเทศไทยจะเปลี่ยนทันทีจริงๆ ครับ หากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งและได้เปลี่ยนรัฐบาล

จะเปลี่ยนเข้าสู่ยุคระบอบทักษิณอีกครั้ง

“เสี่ยอ้วน” บอกกับประชาชนว่า การไล่ระบอบประยุทธ์นั้นพรรคก้าวไกลทำไม่ได้ ต้องเป็นพรรคเพื่อไทยเท่านั้น

แม้ ๒ พรรคนี้ จะต่อสู้กันหนักหน่วง แต่ก็เริ่มมีการฝันเฟื่องว่า เพื่อไทย ๓๑๐ เสียง ก้าวไกล ๑๖๐ เสียง รวม ๒ พรรคกวาดไป ๔๗๐ เสียง ตั้งรัฐบาลกัน ๒ พรรค

เหลืออีก ๓๐ ที่นั่ง พรรครวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ไทยสร้างไทย ฯลฯ เอาไปแบ่งกัน

เพ้อเจ้อครับ

Written By
More from pp
ม.มหิดล ชี้ผู้ป่วยระยะสุดท้าย ลดอาการทรุดด้วย Palliative Nutrition ใส่ใจคุณค่า ได้โภชนาการ และรสชาติ
“อาหาร” คือ สิ่งที่จะคอยหล่อเลี้ยงชีวิตให้ยังดำรงอยู่ ไม่ว่าในยามที่ร่างกายมีความสมบูรณ์พร้อม หรือกำลังเจ็บป่วยและอาหารเป็นสิ่งที่ร่างกายต้องการในทุกๆ วัน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ควรได้รับพลังงาน และสารอาหารเพื่อการรักษาตัวเอง และการทำงานที่ปกติของร่างกาย
Read More
0 replies on “ไปเลือกตั้งกันนะ – ผักกาดหอม”