นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เปิดเผยภายหลัง กกต.สรุปตัวเลขจำนวนผู้สมัคร ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ โดยพรรคไทยภักดี เป็น 1 ใน 9 พรรคที่ส่งผู้สมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขต มากกว่า 300 เขตทั่วประเทศว่า แม้ไทยภักดีจะเป็นพรรคใหม่ แต่ต้องการยืนยันความตั้งใจของพรรคที่จะให้ประชาชนมีทางเลือกให้มากที่สุดในการตัดสินใจเลือก ส.ส.และพรรคการเมืองที่เป็นทางออกของประเทศ มีจุดยืนชัดเจน และทำจริง โดยเฉพาะนโยบาย ปกป้อง ปราบโกง ปฏิวัติพลังงาน
นพ.วรงค์ กล่าวว่า กระแสการเมืองที่นำเสนอผ่านสื่อ โพลล์สำนักต่างๆ ยังเป็นเรื่องของสีสัน และถกเถียงกันอย่างฉาบฉวยทั้งที่การทำงานเพื่อบ้านเมืองเป็นเรื่องสำคัญ ยังไม่ต้องพูดถึงการซื้อเสียง ที่จะทำให้หลักการเลือกตั้งภายใต้ระบอบประชาธิปไตยถูกบิดเบือนไปอีก ดังนั้นเมื่อพรรคไทยภักดีซึ่งส่งผู้สมัคร ส.ส.มากกว่า 300 เขตเลือกตั้ง ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม 1
ซึ่งเป็นกลุ่มพรรคขนาดใหญ่ ที่ กกต.จะจัดเวทีประชันนโยบายบริหารประเทศ ระหว่างแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค ซึ่งประชาชนจะได้รับทราบข้อมูล และเปรียบเทียบได้อย่างชัดเจนว่า “หมอวรงค์” ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กับแคนดิเดตจากพรรคอื่นๆ ใครเหมาะสมจะเข้าไปบริหารชาติบ้านเมืองมากกว่ากัน โดยเวทีดีเบตนัดแรกวันที่ 17 เมษายนนี้ เป็นการประชันนโยบายด้านการเกษตร ระหว่างพรรคไทยภักดี ประชาธิปัตย์ และเพื่อไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเกิน 300 เขต แบ่งเป็นพรรคที่ส่งครบ 400 เขตประกอบด้วย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐ ส่วนพรรคก้าวไกล ส่ง ผู้สมัคร ส.ส. 396 เขต พรรคภูมิใจไทย 387 เขต พรรคไทยสร้างไทย 327 เขต และพรรคไทยภักดี 301 เขต