ผักกาดหอม
นับถอยหลังรายวัน
จากวันนี้ไปจนถึง ๒๓ มีนาคม ไม่วันใดวันหนึ่ง “ลุงตู่” ต้องประกาศยุบสภา
ฉะนั้นวันที่เหลืออยู่ จึงไม่มีอะไรให้เซอร์ไพรส์อีกแล้ว
นอกจากการเมืองเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์
ช่วงเย็นวานนี้ (๑๔ มีนาคม) หลังประชุม ครม.มาราธอน ๗ ชั่วโมงเต็ม “วิษณุ เครืองาม” บอกกับนักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลว่า วันที่ ๒๑ มีนาคม จะยังมีการประชุม ครม.อยู่ตามปกติ
“ท่านนายกฯ ไม่ได้พูดอะไร พูดแต่เพียงว่าอาทิตย์หน้าประชุม ครม.”
ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่ยุบสภาก่อนวันที่ ๒๑ มีนาคม นะครับ
เพราะยุบสภาแล้ว รัฐบาลรักษาการยังคงประชุมคณะรัฐมนตรี หรือบริหารประเทศต่อไปได้ แต่อำนาจจะหายเกือบหมด
ประเด็นนี้รัฐธรรมนูญบัญญัติเอาไว้ชัดเจนว่า ทำอะไรได้ หรือไม่ได้บ้าง
มาตรา ๑๖๙ คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตําแหน่งตามมาตรา ๑๖๗ (๒) และต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามมาตรา ๑๖๘ ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
(๑) ไม่กระทําการอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป เว้นแต่ที่กําหนดไว้แล้วในงบประมาณรายจ่ายประจําปี
(๒) ไม่แต่งตั้งหรือโยกย้ายข้าราชการซึ่งมีตําแหน่งหรือเงินเดือนประจําหรือพนักงานของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่หรือพ้นจากตําแหน่ง หรือให้ผู้อื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทน เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน
(๓) ไม่กระทําการอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน
(๔) ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทําการใดอันอาจมีผลต่อการเลือกตั้งและไม่กระทําการอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกําหนด
ฉะนั้นสามสี่วันนับจากนี้ฝุ่นยังคงตลบ เพราะการย้ายพรรคล็อตสุดท้าย เสร็จแล้วถึงจะเช็กขุมกำลังของแต่ละพรรคได้ว่า พรรคไหนได้เกิด หรือดับ
แน่นอนครับพรรคเล็กน่าเห็นใจ โอกาสได้ ส.ส.สัก ๑ ที่นั่ง ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ต้องใช้เสียงประชาชนถึง ๓.๕ แสนเสียง ต่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ๑ คน
บางพรรคโตเร็วผิดคาด ก็พรรครวมไทยสร้างชาติของ “ลุงตู่” นั่นแหละครับ
ถึงวันนี้เลิกถามได้เลยว่า รวมไทยสร้างชาติ จะได้ ส.ส.พอเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะพรรคนี้จะได้ ส.ส.เกิน ๒๕ คนแน่นอน
ถึงตอนนี้น่าจะครึ่งร้อยขึ้นไป
เลือกตั้งจริงจะเกินไปอีกเท่าไหร่ยังไม่ทราบครับ แต่น่าจะอยู่ในเส้นทางมีส่วนร่วมจัดตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน
พลังประชารัฐของ “ลุงป้อม” ถือว่าขาดทุนพอประมาณ เพราะ ส.ส.ไหลออกเยอะ
กลุ่ม ๓ มิตรน่าจะไม่เหลือ “สมศักดิ์ เทพสุทิน – สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” กลับบ้านเก่า พรรคเพื่อไทย ค่อนข้างแน่นอน
แต่ขุมกำลังของ “ลุงป้อม” ไม่ต่ำกว่าครึ่งร้อยแน่นอน
ต่างกับภูมิใจไทยที่มี ส.ส.ไหลเข้ามากที่สุด ทำให้ เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล มีพลังในการต่อรองทางการเมืองมากกว่าเดิม
พรรคนี้ว่ากันหลักร้อย
ประชาธิปัตย์ ประคองตัวให้ได้ ส.ส.เท่าเดิมถือว่าเก่งมากแล้ว แต่ก็ยังเป็นงานหิน เพราะ ส.ส.ระดับแม่เหล็ก ลาออกไปเยอะพอสมควร
อย่างไรเสียพรรคประชาธิปัตย์ ยังมีเสียง ส.ส.มากพอเสนอชื่อ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้อย่างแน่นอน
ประเด็นคือ ๔ พรรคที่กล่าวมานี้ หากยังจับมือทำงานการเมืองกันต่อ ยังมีโอกาสลุ้นรวมเสียง ส.ส.เกินกึ่งหนึ่งคือ ๒๕๐ เสียงสูงมากทีเดียว
เพราะฝั่งฝ่ายค้านที่มีอยู่ ๗ พรรค อาจเหลือแค่ ๓ พรรค
๒ พรรคที่ยังเหลืออยู่แน่ๆ คือ เพื่อไทย กับก้าวไกล
ส่วนพรรคเล็กที่เหลือไปลุ้นเอา
นั่นเพราะ กว่าจะได้ ส.ส.มาแต่ละที่นั่ง เลือดตาแทบกระเด็น
เพื่อไทย โอกาสได้ ส.ส.เกิน ๒๐๐ เสียง แทบเป็นไปไม่ได้
เข็นได้มากสุดไม่น่าจะเกิน ๑๘๐ เสียง
ขณะที่ ก้าวไกล ต้องยอมรับว่า ด้วยระบบเลือกตั้งใหม่บัตร ๒ ใบ เราจะไม่เห็นปรากฏการณ์แบบที่เกิดกับพรรคอนาคตใหม่อีกแล้ว
อีกทั้งกระแส พรรคก้าวไกล ไม่ได้เปรี้ยงปร้างเหมือน พรรคอนาคตใหม่ เคยได้รับเมื่อครั้งการเลือกตั้งปี ๒๕๖๒
ฉะนั้นได้มา ๕๐ ที่นั่งก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
การจัดตั้งรัฐบาลจึงมีโอกาสสูงที่จะวนกลับไปสูตรเดิม
ที่ต่างไปคือ เก้าอี้นายกรัฐมนตรี
ใครจะมานั่ง
ลุงป้อม
ลุงตู่
เสี่ยหนู
จุรินทร์
ทุกคนล้วนมีโอกาส แต่จะมากน้อยแตกต่างกัน
นี่ยังไม่พูดถึงดีลลับดูไบนะครับ เพราะการเมือง สามารถพลิกได้เสมอ อยู่ที่ข้อมูลในขณะนั้นๆ ว่า ใครมีข้อมูลใหม่หรือไม่
การที่พรรคเพื่อไทยหาเสียง ชนะเลือกตั้งแลนด์สไลด์ ไม่คบใคร ตัดพรรคพี่พรรคน้อง ขอตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ใช่ว่าจะดีเสมอไป
แม้การเมืองจะไม่มีมิตรแท้ศัตรูที่ถาวร แต่การกระทบกระทั่งกันรุนแรงระหว่างการเลือกตั้ง มีผลต่อการจับมือกันตั้งรัฐบาลได้เช่นกัน
จับตาดู พรรคไทยสร้างไทย ของ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ไว้
เพราะหากเพื่อไทยพลาดการเป็นรัฐบาลเพราะ ส.ส.ขาดไป ๑๐-๒๐ เสียง ก็จะเป็นฝีมือ พรรคไทยสร้างไทย นี่แหละครับ
เพราะนี่คือตัวตัดแต้มของเพื่อไทยในภาคอีสาน โดยเฉพาะคะแนนปาร์ตี้ลิสต์
ครับ…เรียงลำดับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นพอหอมปากหอมคอ
แต่ฟันธงได้ผลการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ ๒ ขั้วการเมืองสูสีคู่คี่ ไม่ต่างจากการเลือกตั้งปี ๒๕๖๒
ผลคือ “ทักษิณ” ยังต้องรอต่อไป