ผักกาดหอม
ว่าแล้วเชียว….
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โฆษกรัฐบาล “ชัย วัชรงค์” แถลงข่าวเรื่องข้าวเก่าเก็บ ๑๐ ปีเป็นตุเป็นตะ
แทนที่จะจบ กลับกลายเป็นขยายความให้ต้องวิพากษ์วิจารณ์กันต่อไป
คำพูดของโฆษกรัฐบาล น่าจะเป็นเครื่องมือยืนยันว่า เป้าหมายชิมข้าว ๑๐ ปี ของ “เสี่ยอ้วน ภูมิธรรม” อยู่ที่การเมืองล้วนๆ
“…แปลกมากข้อมูล คนจำนวนหนึ่งที่เข้าไปในพื้นที่ นำตัวอย่างข้าวมาหุงให้ข้อมูลอย่างหนึ่ง แต่กลุ่มคนที่ไม่ได้ไป ส่วนใหญ่ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ใช้จินตนาการเอา หากแต่ข้าวล็อตนี้ไม่ได้เน่าจริง ยังบริโภคได้ แม้คุณภาพจะไม่เท่าเดิมลดลงบ้าง…”
“…มีคนกล่าวหาว่าเป็นการฟอกขาวให้ฝั่งรัฐบาล ผมจึงคิดว่าการพยายามออกมาด้อยค่าข้าวชุดนี้ เป็นการพยายามกลบเกลื่อนลวงโลก หลอกลวงคนมา ๑๐ ปีหรือไม่ เพราะไม่ต้องการให้ระบายข้าวชุดนี้สำเร็จหรือไม่ ขัดขวางเพื่ออะไร เพราะหลอกมาตลอดหรือเปล่า…”
“…คนที่เคยร่วมอยู่ในขบวนการนั้นอาจจะกลัวความจริงปรากฏ ทั้งนี้เนื่องจากสังคมอยากรู้ความจริง จะมีการขอความร่วมมือกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขมาตรวจสอบ ที่ผ่านมายืนยันว่า ข้าวที่ผ่านมา ๒๕ ล้านตัน ๒๕๐ ล้านกระสอบ ถูกขายไปแล้วมากกว่า ๒๔๐ ล้านกระสอบ ไม่เคยมีปัญหาแม้แต่ครั้งเดียว
แล้วที่ผ่านมาข้าวเกิน ๑๐ ปีก็มีคนซื้อ ฉะนั้นอย่าพูดเลยว่าเป็นข้าวเน่า อย่างไรก็ตามไม่ได้คิดจะฟ้องนักวิชาการหรือสื่อที่ออกมาทำให้เรื่องข้าว ๑๐ ปีของรัฐบาลเกิดความเสียหาย…”
“ไม่กลัวเพราะพูดความจริง รัฐบาลแถลงตามข้อเท็จจริง แต่ก็มีคนมโนสร้างเรื่องเพื่อกันไม่ให้ระบายข้าวนี้ออกไปและมีออปชันว่า สร้างเงื่อนไขข้าวเน่าขายให้คนบริโภคเห็นแก่เงินหรือเปล่า มีเชื้อรา สร้างข้อโต้แย้งทุกอย่าง ซึ่งอาจเป็นพฤติกรรมที่พยายามกลบเกลื่อนคำโกหก คำโกง มาตลอด ๑๐ ปี
และเห็นว่าเป็นการสร้างวาทกรรมทำลายกันในทางการเมือง และเปิดช่องให้ พรรคพวกได้ข้าวมาช้อนซื้อข้าวที่ดีอยู่ในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง เพื่อหาประโยชน์หรือไม่ ขอสื่อช่วยขุดคุ้ยตรวจสอบตรงนี้ด้วย…”
คำพูดพวกนี้น่าตกใจครับ!
ข้าว ๑๐ ปี รมยาไม่รู้กี่สิบรอบ สารตกค้างทั้งนั้น ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว โฆษกรัฐบาลมาทำให้การชิมข้าว ๑๐ ปี ของ “ภูมิธรรม” กลายเป็นเด็กๆ ไปเลย
“ข้าวเน่า” กลายเป็นวาทกรรมทางการเมืองไปซะงั้น
การตรวจสอบโกงข้าว ข้าวเน่า เวียนเทียนขายข้าว กลายเป็น คำโกหก ช่วง ๑๐ ปีที่ผ่านมา ไปอย่างหน้าตาเฉย
แล้วดันมีคนเชื่อนี่สิครับ!
เป็นไปตามที่คาดไว้จริงๆ ว่า จะมามุกเดียวกับ กองกำลังติดอาวุธชุดดำ ที่แดงตัวพ่อ และพรรคเพื่อไทยสร้างชุดข้อมูลใหม่ว่าไม่มี ไม่เคยเห็น
มาถึงวันนี้ก็เชื่อเป็นตุเป็นตะว่า ไม่มีจริงๆ
เช่นกัน สารตั้งต้นเรื่องข้าว ๑๐ ปีกินได้ เริ่มเห็นผลแล้ว
มีอย่างน้อย ๒ คนแล้ว ที่ออกมาตั้งคำถามแปลกๆ
“เหวง โตจิราการ” คนที่เคยประโคมว่าไม่เคยเห็นกองกำลังติดอาวุธชุดดำ โพสต์ข้อความในโซเชียลว่า “ทำไมไม่เอาพวกขายข้าวดีเป็นข้าวเน่ามาลงโทษ? ทำไมไม่ลงโทษพวกที่ตั้งใจไม่ขายข้าวดีปล่อยนานตั้งสิบปี นี่ต่างหากที่รัฐบาลต้องทำ”
อีกคนคือ “ประวิตร โรจนพฤกษ์” นักเคลื่อนไหวในคราบนักข่าว โพสต์ว่า
“ถามจริง รัฐบาลเผด็จการประยุทธ์ปล่อยข้าวค้างสต๊อก ๑๐ ปีมหาศาลเพราะโง่ ขายไม่เป็น หรือวางยายิ่งลักษณ์ และรัฐบาลปัจจุบัน สาธารณะต้องได้คำอธิบาย ใครรับผิดชอบ”
จะบ้ากันไปใหญ่
ข้าวไม่ได้ถูกเก็บไว้เฉยๆ นะครับ
มีการระบายมาตลอด
และปัญหาการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐไม่ใช่เพิ่งมาเกิด แต่ตลอด ๑๐ ปีที่ผ่านมานี้ มีมาตลอด
ยกตัวอย่าง กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงข้อเท็จจริงการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐ เมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ ก็มีปัญหาข้าวเน่าแล้วครับ
“…ข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลที่ผ่านมาที่มีผลการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวแล้ว ๑๗.๗๖ ล้านตัน เป็นข้าวที่ถูกต้องตามมาตรฐาน ประมาณ ๒.๒ ล้านตัน เป็นข้าวที่ไม่ตรงตามมาตรฐาน ๑๔.๗๔ ล้านตัน เป็นข้าวที่ผิดมาตรฐาน ๐.๗๓ ล้านตัน และผิดชนิด ๐.๐๙ ล้านตัน
ข้าวเหล่านี้มีทั้งที่ผิดไปจากมาตรฐานมาก และที่ผิดไปจากมาตรฐานน้อยสามารถปรับปรุงคุณภาพได้ และที่มีปัญหาในการปรับปรุงคุณภาพรวมทั้งที่ปรากฏชัดว่าไม่เหมาะแก่การบริโภค
ในช่วงแรกที่ปรากฏผลการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างข้าวว่ามีข้าวที่ผิดมาตรฐานจำนวนมากและ อคส./อ.ต.ก. ได้แจ้งความดำเนินคดีต่อผู้รับผิดชอบ ซึ่งมีโรงสีบางแห่งขอเสนอซื้อข้าวในโกดังของตนโดยไม่ต้องประมูลและมีเงื่อนไขต้องยุติการดำเนินคดีกับโรงสีเหล่านั้น ซึ่งทางราชการไม่อาจยอมรับข้อเสนอดังกล่าวได้
เนื่องจากในการระบายข้าวบางกรณีมีความจำเป็นต้องประมูลขายแบบยกคลังและเนื่องจากข้าวหอมมะลิในคลัง บจก.ประสิทธิ์ชัยอุบล มีที่ถูกมาตรฐานเพียง ๒ กอง อีก ๖ กอง เป็นข้าวที่ผิดมาตรฐาน
และข้าวที่ผิดมาตรฐานนั้นมี ๑ กอง มีผลวิเคราะห์ คือ สภาพข้าวโดยรวมเป็นข้าวที่เสื่อมคุณภาพ เป็นข้าวเน่า ข้าวขึ้นรา เกาะกันเป็นก้อน มีกลิ่นเหม็น และมีฝุ่น ไม่เหมาะแก่การบริโภคเป็นอย่างยิ่ง
ไม่สมควรให้มีการระบายเป็นการทั่วไป ควรระบายเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีการกำหนดเงื่อนไขที่เข้มงวดที่ผู้ชนะการประมูลจะต้องนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเท่านั้น ไม่อาจนำไปขายเพื่อการบริโภคของมนุษย์ได้ เพราะอาจจะมีผลกระทบต่อสุขอนามัยของมนุษย์ จึงได้นำออกประมูลเข้าสู่อุตสาหกรรม
ในการประมูลครั้งที่ ๒๓ และมีผู้เสนอซื้อในราคากิโลกรัมละ ๖.๑๐ บาท ซึ่งในการประมูลครั้งนี้แม้ว่า บจก.ประสิทธิ์ชัยอุบล มีสิทธิ์ประมูล แต่ก็ไม่ปรากฏว่าได้เข้ามาประมูลแต่อย่างใด…”
ครับ…นี่คือตัวอย่าง ข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวที่เต็มไปด้วย ข้าวไม่ได้มาตรฐาน ข้าวเน่า ข้าวขึ้นรา มีกลิ่นเหม็น
การทุจริตในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็นเรื่องจริง
มีคนติดคุกจริง
และหนีไปต่างประเทศจริง
ฉะนั้น หากจะเสกข้าว ๑๐ ปีให้กินได้ แล้วบอกว่า ไม่เคยมีข้าวเน่า แต่เป็นการสร้างวาทกรรมทางการเมือง เพื่อปิดบังอำพรางตลอด ๑๐ ปีที่ผ่านมา กรุณาหยุดเถอะครับ
ต่อให้ล้างร้อยน้ำพันน้ำ ไม่มีทางที่จะฟอกขาวได้
กวักมือเรียกคนที่หนีไป กลับมาติดคุก ดูจะง่ายกว่าเยอะ