ผักกาดหอม
เหมือนจะพร้อม แต่ไม่พร้อม
พูดถึงพรรคเพื่อไทยครับ
ที่จริงพรรคเพื่อไทยจัดทัพสู้ศึกเลือกตั้งอย่างแข็งขันมานานหลายเดือน จนดูเหมือนมีความพร้อมมากที่สุด
ในวันที่พรรคเพื่อไทยประกาศว่า ยุบวันนี้ พรุ่งนี้พร้อมเลือกตั้ง วันนั้นพรรคพลังประชารัฐยังลูกผีลูกคน “ลุงตู่” ยังไม่รู้อยู่หรือไป
จนวันนี้ “ลุุงตู่” ประกาศตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วน “ลุงป้อม” จะเป็นนายกฯ ในนามพรรคพลังประชารัฐ
แต่พรรคเพื่อไทยยังดิ้นขลุกขลัก ไม่ชัดเจนว่า “อุ๊งอิ๊ง” กำหนดคลอดช่วงเลือกตั้งจนไปถึงวันตั้งรัฐบาล จะเอาไงกันแน่
จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยด้วยหรือเปล่า ยังไม่รู้
จนถึงวานนี้ (๙ มีนาคม) ก็ยังไม่ชัดว่าจะมีชื่อ “อุ๊งอิ๊ง” หรือเปล่า
“ชลน่าน ศรีแก้ว” ยืนยันแค่ว่า แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยมี ๓ คน
“…ตอนนี้ใกล้ยุบสภาแล้ว เราตั้งใจจะประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ช้าที่สุดก่อนปิดรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยกตัวอย่าง ถ้ามีการยุบสภาวันที่ ๒๒ มีนาคม มีการเปิดรับสมัครและให้เวลาในการสมัคร หากปิดรับสมัครวันที่ ๒๘ มีนาคม อย่างช้าสุดเราก็จะประกาศไม่เกิน ๒๘ มีนาคม
สำหรับกระบวนการสรรหาแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคนั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ และเรามีรายชื่อมากกว่า ๓ คน
กลายเป็นว่า พรรคเพื่อไทย ยังไม่พร้อมไปซะงั้น
สาเหตุหลักๆ น่าจะมาจากการส่งสัญญาณจากดูไบ
สัญญาณยังไม่มา
ยังทำอะไรไม่ได้
แต่เบื้องต้นเริ่มมีการขยับที่เป็นเรื่องเป็นราว
“เศรษฐา ทวีสิน” ลางานจากแสนสิริ เพื่อนั่งทำงานในฐานะ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เต็มตัว
หนังสือลา น่าสนใจครับ
“…ในวันนี้ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งเป็นโอกาสที่จะได้ช่วยผลักดันประเทศไทยให้ดีขึ้นในเชิงโครงสร้างและนโยบาย ซึ่งมีความตั้งใจที่จะนำประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ มาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยให้มุ่งไปข้างหน้า เร่งพัฒนาให้ประเทศไทยกลับมายิ่งใหญ่ในสายตาประชาคมโลก และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สังคม และโอกาส ซึ่งปรากฏมากขึ้นเหลือเกินในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา มุ่งมั่นที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นสถานที่ที่น่าอยู่ยิ่งขึ้นไปอีกสำหรับคนไทยทุกคน รวมถึงแขกที่มาเยือนจากทั่วโลก
เพื่อทุ่มเทให้กับหน้าที่ใหม่นี้ จึงตัดสินใจที่จะลางานชั่วคราวโดยไม่ขอรับค่าตอบแทน เพื่อไปลงมือทำงานพัฒนาประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้น และสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เหมือนที่ได้นำเพื่อนพนักงานทุกท่าน ช่วยเหลือสังคมผ่านแสนสิริมาโดยตลอด เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าผู้บริหารและเพื่อนพนักงานจะให้การสนับสนุนความตั้งใจในครั้งนี้…”
ครับ…ก็เป็นการขยายความก่อนหน้านี้ ที่ “เศรษฐา” บอกว่า ๘ ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจถดถอย สังคมมีความเหลื่อมล้ำสูง
ถามว่า “เศรษฐา” เก่งหรือเปล่า?
คำตอบคือ เก่งมาก!
ยิ่งมองลึกเข้าไปจะพบว่า “เศรษฐา” ล้ำลึกกว่าที่คิด
“การที่ผมเป็นนักธุรกิจ บริหารองค์กรขนาดใหญ่มา ผมเชื่อว่ามันมีวิธีการที่เราจะต้องแสดงความเป็นผู้นำ ทั้งการตัดสินใจ เอื้อเพื่อนฝูงพี่น้องร่วมรุ่น ต้องมีไม่มี และถ้าเราสามารถหลุดมาจากบริบทตรงนี้ได้ ผมเชื่อว่าจะทำให้หลักการคิดที่จะเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง มันจะทำให้เราตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้ง่ายขึ้น และทำให้เรามีประสิทธิภาพการทำงานที่มากยิ่งขึ้น
ถ้าไม่เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ผมว่าอย่ามาเล่นการเมืองเลยดีกว่า และพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ไทยรักไทย ก็เอาประชาชนเป็นที่ตั้งมาโดยตลอด”
“ในอดีตผมไม่เคยบริหารจัดการประเทศ แต่องค์กรใหญ่ๆ อย่างแสนสิริเนี่ย เราเองก็มีเสาหลักที่ดูแลกันอยู่ ทั้งผู้ถือหุ้น พนักงาน ลูกค้า และสังคม หน้าที่ของ CEO ก็ต้องบาลานซ์เสาหลักเหล่านี้ โดยที่เอาลูกค้าเป็นที่ตั้ง ซึ่งลูกค้าเปรียบเสมือนประชาชน เพราะเราก็ต้องดูแล เพราะเราขายของ ดังนั้น ปรัชญานี้ไม่ได้เปลี่ยน แต่ว่าการที่จะเคลื่อนไปสู่จุดมุ่งหมายมันไม่เหมือนกัน มันมีความยากของมัน ซึ่งท่านนายกฯ ก็กรุณาให้คำเตือนมาแล้ว”
ถูกเผงเลยครับ ลูกค้าเปรียบเสมือนประชาชน แสนสิริ ถึงได้ผุดโครงการในทำเลทองมากมาย
แล้วทำเลทองมาจากไหน
หลักๆ ก็เส้นทางที่รถไฟฟ้าผ่าน
เว็บไซต์ มีบทความ อัปเดตเส้นทาง BTS MRT ปี ๒๕๖๖ พร้อมเจาะทำเลน่าอยู่ น่าลงทุน
รู้หรือเปล่าครับว่าทำเลไหนบ้าง
ตามนี้เลยครับ
โครงการบ้านทาวน์โฮม ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู
๑.เศรษฐสิริ พหล-วัชรพล ราคาเริ่มต้น ๒๓.๕๙ ล้าน
๒.สิริเพลส วงแหวน-ลำลูกกา ราคาเริ่มต้น ๒.๓๙ ล้าน
โครงการทาวน์โฮม คอนโดฯ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง
สิริเพลส บางนา-เทพารักษ์ ราคาเริ่มต้น ๒.๓๙ ล้าน
เดอะ ไลน์ ไวบ์ ราคาเริ่มต้น ๓.๒๙ ล้าน
โฆษณาให้ฟรีๆ เลยครับ
เฉพาะโครงการตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพู น่าจะฉุดให้ผลประกอบการแสนสิริในปีนี้พุ่งกว่าปีก่อนแน่นอน
รถไฟฟ้า ๒ สายนี้เกิดในสมัยไหนครับ
รัฐบาลยิ่งลักษณ์หรือเปล่า
หรือรัฐบาลทักษิณ
๘ ปีรัฐบาลประยุทธ์ ประเทศเสียเวลาเปล่า เพราะเศรษฐกิจแย่ ความเหลื่อมล้ำสูง คนจนเพิ่มขึ้น นักลงทุนเสียโอกาส
จริงหรือเปล่า?
นี่คือตัวอย่างที่เห็นชัดๆ ว่า บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่อย่างแสนสิริ ก็ได้ประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลลุงตู่
เห็นหรือยังครับว่า “เศรษฐา” เก่งแค่ไหน
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่เป็นประวัติการณ์ คนจนเพิ่มขึ้นมหาศาล ความเหลื่อมล้ำไม่ต้องพูดถึง นักลงทุนเบือนหน้าหนี
แต่ “เศรษฐา” สามารถทำให้แสนสิริฟันกำไรอย่างงามได้ โดยใช้ผลงานของรัฐบาลลุงตู่เป็นจุดขาย
เชื่อยังครับ