สันต์ สะตอแมน
คั่งแค้นล่ะ..ดูออก!
ไม่งั้น นายโทนี่ไม่พ่นประโยค “ขายบ้านแถมสัญชาติ คนพูดน่าจะไม่ใช่คน น่าจะเป็นควาย” ลั่นคลับเห่าหรอก!
เออ..ทีอย่างนี้รีบโต้-รีบสวนเชียว แต่กับคุณจตุพร พรหมพันธุ์ ที่นั่งแฉเช้า-แฉค่ำ ประกาศ “ท้ารบ” อยู่ทุกวัน กลับเงียบเป็นเป่าสาก..
กระทั่ง “ฝูงหมา” ในคอกก็เห่าไม่ออกเลยสักตัว!
และเมื่อโต้มา คุณชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ หอกข้างกายนายกฯ ลุงตู่ก็ทำหน้าที่ทันควัน.. “วลีขายบ้านแถมสัญชาตินั้น เป็นวลีที่นายกฯประยุทธ์ สรุปความกรณีตู้ห่าว
กลุ่มทุนจีนสีเทา กว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซื้อบ้านจากบริษัทที่รู้กันดีว่าใครเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และมีความเกี่ยวข้องกับครอบครัวใดบ้าง
และรัฐบาลชุดไหน รัฐมนตรีมหาดไทยคนใด ที่เป็นผู้อนุญาตให้สัญชาติไทยกับตู้หาว ซึ่งวันนี้สังคมก็ได้ประจักษ์ชัดแล้วว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร..
ที่นายทักษิณ ออกมาแก้ต่างเรื่องนี้ ภาษาชาวบ้านเรียกว่า กินปูนร้อนท้อง แก้ตัวไปแบบน้ำขุ่นๆ พอหาเหตุผลข้อเท็จจริงมาตอบโต้ไม่ได้ สันดาน วิธีการเดิมๆ ของนายทักษิณ ก็ถูกนำมาใช้
นั่นคือด้อยค่าคนอื่น ว่าเป็นควาย เป็นหมา นิสัยสันดานแบบนี้ ถูกแล้วที่นายจตุพรพูดว่า หมายังมีคุณสมบัติที่ซื่อสัตย์ คนอย่างท่านเป็น หมา ยังไม่ได้เลย วลีนี้น่าจะฟังนายจตุพรบ้าง”
เฮ้ออ..อยู่ดีไม่ว่าดี โดนถอนหอกเอาจนได้ แล้วนี่จะอย่างไงต่อ หรือถ้ายังคิดอะไรไม่ออก ก็อยากจะบอก ให้หันไประบายอารมณ์ใส่คนใกล้ตัวแก้ขัดก่อนเป็นไร?
ได้อ่าน-ได้ฟังแล้วใช่ไหม ที่คุณจตุพร พรหมพันธุ์ ว่า.. “ประเทศต้องการมีนายกฯ ที่มีภาวะผู้นำในการแก้ปัญหา ขณะที่พรรคเพื่อไทยนำอุ๊งอิ๊งไปหาเสียงตามที่ต่างๆ นั้น
มักมีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ประกบขนาบข้างซ้ายขวาเป็นพี่เลี้ยง เมื่อถูกนักข่าวถาม พี่เลี้ยงก็คอยชิงพรวดตอบคำถามก่อนเสมอ
ซึ่งไปกลบบทบาทภาวะผู้นำของอุ๊งอิ๊งลงสิ้นเชิง ทั้งที่สามารถตอบคำถามง่ายๆ นั้นได้ และที่สำคัญคนอยากฟังแคนดิเดตนายกฯ ตอบโชว์วิสัยทัศน์ผู้นำ
จริงอยู่ ณัฐวุฒิและ นพ.ชลน่าน พูดดีกว่าอุ๊งอิ๊งแน่นอน แต่สองคนนั้น ทำให้เสียความเป็นผู้นำ คนจะมองว่า แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยเป็นแค่ลูกแหง่ ที่มีพี่เลี้ยงคอยดูแล..”
เนี่ย..ต้องถือเป็นคำแนะนำที่ตรงไป-ตรงมา แต่หากนายโทนี่มองว่าคุณณัฐวุฒิ-นพ.ชลน่านทำถูกแล้ว ไม่ได้ “ทำเสียภาวะผู้นำ” ของอุ๊งอิ๊ง ก็ปล่อยเลยตามเลยไป..
เพราะขืนไม่มีสองคนนั้นคอยประกบซ้าย-ขวา อุ๊งอิ๊งก็ยิ่งจะไร้ภาวะผู้นำหนักเข้าไปอีกใช่ป่ะ?
อย่างไรก็ช่าง ขอให้นายโทนี่สบายใจเถิด ด้วยรศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ วิเคราะห์..
“ล่าสุดประเมินแล้วคะแนนของพรรคฝ่ายค้านรวมแล้วอยู่ที 300+,300- ส่วนพรรครัฐบาลอยู่ที่ 180+, 180- ซึ่งสมการที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือเพื่อไทยจับกับพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาล
โดยเงื่อนไข ก็คือเพื่อไทยได้เสียง 220-230 ที่นั่ง และพลังประชารัฐได้ 40-50 ที่นั่ง รวมกันได้ 280-290 เสียง และดึงพรรคเล็กอีก 1-2 พรรคเข้ามาเพื่อให้คะแนนถึง 300
และอาศัยคะแนนของ ส.ว.อีก 80 เสียง สูตรนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุด
โอกาสที่รวมไทยสร้างชาติจะได้ถึง 25 เสียงนั้นเป็นไปได้ยาก คือกระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ก็อาจจะมีอยู่บ้างในภาคใต้บางจังหวัดและในกรุงเทพฯ
แต่ไม่พอที่จะทำให้ได้ถึง 25 เสียง..”
ครับ..แล้วเสื้อแดง-นปช.ล่ะ ว่าไง?