นักข่าว..แค่หมากตัวเดียว?-สันต์ สะตอแมน

สันต์ สะตอแมน

            เห็นข่าวนักข่าวถูกไล่-ถูกพัก(งาน)แล้วให้ใจหดหู่..

            แต่..ก็ไม่รู้จะปลอบประโลมแบบไหนอย่างไร เพราะการไปร่วมทัพกับ “หมอปลา” เพื่อออกไล่ล่าอลัชชีตามวัดวานั้น

หนึ่ง..จะต้องได้รับคำสั่ง หรืออนุญาตจากทางบรรณาธิการข่าวก่อนหรือเปล่า สอง..การทำงานร่วมกับยูทูปเบอร์ มือปราบสัมภเวสี จะมีการดูแลค่าเดินทาง-ค่าอาหารด้วยหรือไม่ ก็ไม่รู้อีก?

และเมื่อไม่รู้เสียแล้ว ก็ไม่อยากจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรไป กระนั้นพลันได้เห็นข้อความของ Titiporn Jutimanom ที่โพสต์ ก็ดูจะตรงใจตัวเอง (คิด) อยู่

จึงขออนุญาต “น้องบอย” ลอกมาให้ผู้อ่านได้อ่านดู.. “ลงโทษนักข่าว นักข่าวเป็นแค่หมากตัวเดียว นักข่าวคือแพะหรือไม่ จะบอกว่าฆ่าตัดตอนก็ได้

คำถาม..หัวหน้า กองบรรณาธิการ มีนโยบายอย่างไรหรือไม่ก่อนหน้า…กระตุ้นให้นักข่าวทำเยี่ยงนี้

เมื่อข่าวถึงบ.ก.ถึงสถานี ปล่อยออกอากาศได้อย่างไร ไม่สอบถาม ไม่ไต่สวนที่มา ไม่ทำหน้าที่ gatekeeper บรรณาธิการทุกระดับให้ออกอากาศได้อย่างไร ถึงทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

นี่คือ บทสรุปของการแข่งขันในยุคที่แรง เร็ว ก่อนใคร เป็นที่ต้องการเพื่อตอบธุรกิจเหนือคำว่า “คุณค่า””

ครับ..คนโดนพักยังมีโอกาสที่จะได้ทำงานอยู่ต่อไป ส่วนน้องผู้หญิงที่ “โดนไล่” ก็เห็นจะต้องคอยรับเงินเยียวยาจาก “หมอปลา” ไปพลางๆ จนกว่าจะมีงานใหม่ทำ

แต่นั่นแหละ..“โดนไล่” ดูจะเป็นตราประทับที่อาจทำให้ต้องเป็นอุปสรรคอยู่มากกับการที่จะทำงานในสายอาชีพนี้ อย่างไรเสียก็ขอให้สู้ต่อไป.. “ผิดเป็นครู” ผมย้ำได้เท่านี้แหละ!

ส่วนนี่ ผิด-ถูก จริง-ไม่จริงอยากให้ลองอ่านและพิจารณาดู แต่บอกก่อนว่า ผมได้มาจากเพื่อนที่ส่งไปให้อีกที..

ถามแล้วเพื่อนบอกไม่รู้ใครเป็นคนเขียน ยังไงเสียก็ใคร่ขออนุญาตไว้ณตรงนี้ละกัน!

ประโยคที่ว่า “ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น​ ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น” คนส่วนมาก รวมทั้งเราด้วย ก็จะเข้าใจว่า พระท่านบอกให้ปลงว่า..

ไปไม่กลับ ก็ = ตาย หลับไม่ตื่น ก็ = ตาย  ฟื้นไม่มี ก็ = ตาย หนีไม่พ้น ก็ = ตาย ใช่ไหม?

แต่พระท่านแสดงธรรมว่า เราท่านทั้งหลายเข้าใจความหมายผิดหมดเลย เราควรจะทำความเข้าใจเสียใหม่ ให้ถูกต้อง จะได้ไปสอนลูกหลานให้เข้าใจ ดังนี้

ไปไม่กลับ” หมายถึง กาลเวลา‘ ที่หมุนผ่านไป ไม่มีวันหวนกลับ อดีตล่วงไปแล้ว เหลือแต่ปัจจุบัน ควรใช้เวลาสร้างแต่ความดีให้คุ้มค่า

หลับไม่ตื่น” หมายถึง คนที่ยังหลงอยู่กับ โมหะ‘ ความหลงใน กิเลส‘ สร้างแต่บาปกรรม ไม่ยอมทำความดี เหมือนคนที่หลับใหล ไม่ยอมตื่นรับรู้ตามความจริง

ฟื้นไม่มี” หมายถึง สังขารของเราที่ร่วงโรยไป‘ ในแต่ละวัน ไม่สามารถย้อนคืนความหนุ่มความสาวได้

หนีไม่พ้น” หมายถึง กรรม‘ ที่เราสร้างมาในแต่ละวัน ไม่มีวันที่เราจะหนีกรรมนั้นพ้น

สรุปว่า ท่านบอกให้เรา ไม่ประมาทใน กาลเวลา ไม่ประมาทใน กิเลส ไม่ประมาทใน “สังขารที่ล่วงไป” ไม่ประมาทใน “การสร้างบุญสร้างกุศล”

อืมม..ก็เป็นความรู้ใหม่ (สำหรับผม) ที่ไม่เคยได้ฟังหรืออ่านที่ไหนมาก่อน ต้องขอขอบคุณ และก็ถือโอกาส “ขอบคุณ” คุณอภิชาติ ดำดี นักพูด-นักกลอน ไปด้วยเสียทีเดียว ที่ได้กรุณาติดแฮชแท็กซ์..

#ยุคสมัยที่นักข่าวทำงานด้วยความรู้สึกมากกว่าความรู้

#ยุคสมัยที่การนำเสนอข่าวเน้นดราม่า ทำข่าวให้เป็นละครยิ่งกว่าละครหลังข่าว

#ยุคสมัยที่คอนเท้นท์เรทติ้งยอดวิวอยู่เหนือความเป็นมนุษย์และจรรยาบรรณวิชาชีพ

#ยุคสมัยที่สื่อกระแสหลักเป็นเพียงลูกคู่ของอินฟลูเอ็นเซอร์และเน็ตไอดอล

นี่..เป็นข้อเท็จจริงจากมุมมองของคุณอภิชาติ ซึ่งผมก็เชื่อว่าคงจะตรงใจใครต่อใครหลายๆ คนร่วมทั้งผม แต่จะช่วยสะกิดให้นักข่าวสมัยนี้ได้รู้สึกตัวบ้างรึเปล่าไม่ทราบได้

ก็..ไม่ได้จะฝากหรือย้ำเตือน แต่ถ้าจะนำไปคิด-ไปตรึกตรอง ทบทวนตัวเองดูได้ก็จะเป็นคุณกับตัวเอง..

#ยุคสมัยที่สื่อกระแสหลักเป็นเพียงลูกคู่ของอินฟลูเอ็นเซอร์และเน็ตไอดอล

ทั้งเจ็บจี๊ด ทั้งสะใจเลยครับ..พี่ดำ?



Written By
More from pp
“นิพนธ์” หารือร่วม สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน เร่งจัดตั้ง ศูนย์สั่งการฯแพทย์ฉุกเฉิน ในท้องถิ่นขนาดใหญ่ ตามมติ คกก.กระจายอำนาจ
เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 63 ที่กระทรวงมหาดไทย ร.อ.นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ พร้อมคณะ เข้าพบ นายนิพนธ์ บุญญามณี...
Read More
0 replies on “นักข่าว..แค่หมากตัวเดียว?-สันต์ สะตอแมน”