เสียงสะท้อน -รุ่นใหม่ รทสช. อ้อ-ศิรินันท์ ศิริพานิช ปลดล็อกแก้กฎหมาย-สร้างความเท่าเทียม

หลายพรรคการเมือง คิกออฟทำกิจกรรมการเมืองกันอย่างคึกคักเพื่อเตรียมเข้าสู่การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะการเปิดตัว”ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั้งระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อ”รวมถึงการ”เปิดนโยบายพรรคที่จะใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง”

สำหรับพรรค”รวมไทยสร้างชาติ”(รทสช.) เป็นอีกหนึ่งพรรคการเมืองที่มีความเคลื่อนไหวออกมาเป็นระยะเช่นกัน โดยจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ รวมไทยสร้างชาติ เป็นพรรคการเมืองที่ให้พื้นที่การเมืองกับคนรุ่นใหม่-คนหน้าใหม่ทางการเมือง ได้แสดงความรู้ความสามารถในการเข้ามาทำงานกับพรรคอย่างเต็มที่ และหนึ่งในนักการเมืองหน้าใหม่-คนรุ่นใหม่ทางการเมืองที่น่าสนใจของรวมไทยสร้างชาติ

ก็คือ “ศิรินันท์ ศิริพานิช หรือ อ้อ” ที่มีโปรไฟล์การทำงาน การศึกษาและการทำกิจกรรมต่างๆ ทางสังคม-การเมือง-การศึกษาที่น่าสนใจและมีคุณภาพ โดยปัจจุบัน “อ้อ-ศิรินันท์”ได้รับความไว้วางใจจากพรรคให้รับหน้าที่ “ประธานคณะกรรมการเด็ก สตรี เยาวชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาสของพรรครวมไทยสร้างชาติ” อีกทั้ง ปัจจุบัน ก็ยังเป็น “ที่ปรึกษาด้านการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ สำนักงานผู้แทนการค้าไทย ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี”

สำหรับเส้นทางการเมืองที่เข้ามาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ รวมถึงวางเป้าหมายทางการเมืองไว้อย่างไร “อ้อ-ศิรินันท์”เล่าเรื่องนี้ให้เราฟัง โดยเริ่มต้นที่การพูดถึงประวัติส่วนตัวว่า เรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย สายวิชา วิทย์-คณิต โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ กรุงเทพฯ โดยสอบเอ็นทรานซ์ได้คะแนนภาษาอังกฤษหนึ่งร้อยเต็ม ในการสอบเข้าศึกษาต่อปริญญาตรีที่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งต่อมาเรียนจบได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ทุนภูมิพล เหรียญทอง

จากนั้นก็สอบเรียนต่อปริญญาโทโดยสอบทั้งที่ประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา โดยที่อังกฤษ สอบได้ที่ London School of Economics หรือ LSE ส่วนที่สหรัฐอเมริกา ก็สอบติดมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของโลกที่เรียกว่า  Ivy League หลายแห่ง (มหาวิทยาลัยที่รวมตัวกันเป็นไอวีลีก ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียง มีผู้เลือกเข้าเรียนมากที่สุดในสหรัฐฯ และในโลก เป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่ในลำดับต้นๆ ของการจัดอันดับทั้งในสหรัฐฯ และระดับโลก)

…แต่ได้ตัดสินใจศึกษาต่อปริญญาโท Master of Public Administration in Urban Policy and Sustainable Development ที่ Columbia University ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

…และด้วยความที่เป็นคนที่มีความสนใจทางด้านการเมืองตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี ซึ่งที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย มีโรงเรียนชื่อดัง ชื่อ School of International and Public Affairsเป็นโรงเรียนด้านการเมืองที่ดังที่สุดของ Ivy League เพราะ professor ของสถาบัน จะเป็น professor จากอาชีพจริง เช่น การเชิญ โคฟี แอนนัน อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ หรือมี  ประธานยูเนสโก -ประธานอังค์ถัด มาสอนนักศึกษา เป็นอาจารย์ประจำ เราเห็นว่า professor  ที่นี่ดี ก็น่าจะพัฒนาองค์ความรู้ของเราให้ดี ก็เลยไปศึกษา จนจบเกียรตินิยม

“ศิรินันท์-คนรุ่นใหม่พรรครวมไทยสร้างชาติ”กล่าวต่อไปว่า จากนั้นพอกลับมาจากนิวยอร์ก ก็เข้าทำงานในตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ถือเป็นโอกาสอันดีของตัวเราที่ตอนนั้นอายุยังเพิ่ง 24-25 ปี แต่ระหว่างทางกว่าจะมาถึงจุดนี้ ตัวอ้อ ก็ทำงานหลายอย่างเช่นการเป็นวิทยากรกิตติมศักดิ์ หรือการเป็น พิธีกรสองภาษา (อังกฤษ-ไทย) ในงาน Joint Foreign Chambers of Commerce Thailand(JFCCT)จัดโดยหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทยที่ตอนนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมาเป็นประธานเปิดงาน เมื่อช่วงปี 2558 ตอนนั้นก็มีแขกมาร่วมงานร่วม 7,000-8,000 คน เราก็มีโอกาสได้ใช้ทักษะของเราในการทำงาน

..นอจากนี้ ก็ยังเคยเป็นวิทยากรรับเชิญจากพระอาจารย์ว.วชิรเมธีบรรยายให้สามเณรจำนวน 200 รูป ใน“โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน 9 วันที่ฉันตื่น” ปีที่5 ณ ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน จังหวัดเชียงราย ที่จัดขึ้นช่วงปี 2558 รวมถึงก็ทำงานอีกหลายด้านเช่น เป็นอาจารย์สอนนักศึกษาระดับปริญญาตรี-โท-เอก หลายสถาบันการศึกษา เป็นกรรมการศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยโคลัมเบียและคณะทำงานคัดเลือก Potential Thai Candidates เพื่อศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในช่วงปี 2552-2564 เป็นต้น

สำหรับปัจจุบันที่เข้ามาทำงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เป็น ประธานคณะกรรมการเด็ก สตรี เยาวชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาสของพรรครวมไทยสร้างชาติ และตั้งแต่ช่วง กุมภาพันธ์2565 จนถึง ปัจจุบัน ก็เป็น ที่ปรึกษาด้านการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ สำนักงานผู้แทนการค้าไทย ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

อ้อ-ศิรินันท์”กล่าวขยายความถึงการเข้าสู่ถนนการเมืองต่อไปว่า ตอนทำงานอยู่ที่ กรุงเทพมหานคร ในตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็เข้าไปเป็น ที่ปรึกษาหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง ด้านการพัฒนามหานคร (หลักสูตรมหานคร) เพราะเรามองว่า นิวยอร์กกับกรุงเทพมหานคร มีความคล้ายคลึงกัน ตอนนั้นเราเพิ่งเรียนจบมาใหม่ๆ อ้ออยากเริ่มต้นทำงานในเรื่องที่เราเคยเรียนมาก่อน เพื่อจะได้ใช้ความรู้ที่ได้ศึกษามาทำได้จริง ก็เลยเริ่มต้นที่กรุงเทพมหานคร เริ่มต้น เราก็ฝึกปรือหาประสบการณ์ทางการเมืองจากที่กรุงเทพมหานครมาก่อน ต่อมา ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา ก็ได้มีโอกาสไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล ได้ใช้ความรู้ด้านต่างประเทศ ด้านการลงทุน ไปช่วยสำนักผู้แทนการค้าไทย

“ศิรินันท์“กล่าวย้ำว่า  การที่ตัดสินใจเข้าสู่ถนนการเมืองในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เพราะเชื่อมั่นในอุดมการณ์พรรค และตัวท่านหัวหน้าพรรค คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ท่านเป็นอดีตผู้พิพากษา เป็นคนมีเหตุผล มีอุดมการณ์ มีหลักการที่ชัดเจน อย่างประเทศไทยปัจจุบันก็ดีอยู่แล้ว แต่ท่านอยากเข้ามาทำงาน แก้ไขกฎหมายให้ทุกอย่างดีขึ้น ในจุดที่เป็นปัญหาที่ทำให้สังคมยังไม่เท่าเทียม เศรษฐกิจยังไม่ดี ซึ่งปัญหาเหล่านี้ เราต้องแก้ตั้งแต่ต้นตอเพื่อให้กฎหมายเป็นกลไกที่เอื้อต่อการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน

….ทางหัวหน้าพรรค คุณพีระพันธุ์ได้ทาบทามให้มาร่วมทำงานการเมืองที่พรรครวมไทยสร้างชาติเพราะให้โอกาสกับคนรุ่นใหม่ๆ ได้เข้ามาทำงานตรงนี้ โดยหัวหน้าพรรคมองว่าตัวอ้อ มาจากภาคการศึกษาและภาคธุรกิจ จึงน่าจะเข้ามาช่วยงานพรรคได้ โดยหัวหน้าพรรค ให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้เข้ามาทำงานในพรรค โดยให้เข้ามาร่วมงานกับพรรคตั้งแต่แรกเริ่ม มานำเสนอว่าจะสามารถพัฒนาพรรคในส่วนใดได้บ้างและต้องเป็นเรื่องที่เหมาะกับตัวเราด้วย

“ศิรินันท์”กล่าวว่า ในการเข้ามาทำงานการเมืองครั้งนี้มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่อง”นโยบายด้านการศึกษา“เพราะประเทศไทยทุกวันนี้ แม้จะมีนโยบายเรื่องการศึกษาเรียนฟรี ที่เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่จริงๆ แล้ว ยังไม่ได้ฟรีอย่างแท้จริง อย่างเด็กๆที่เรียนในโรงเรียน ก็ยังมีค่าใช้จ่าย เรื่องค่าอาหารกลางวัน -ค่าชุดนักเรียน ที่ก็เป็นภาระของผู้ปกครองอย่างมาก โดยหากมีโอกาสได้เข้าไปทำงานด้านการศึกษาในระดับชาติ ก็อยากผลักดันในจุดนี้ ให้เรียนฟรีจริงๆ คือฟรีสำหรับผู้ปกครองทุกคน และถ้าเป็นไปได้อยากให้ฟรีถึงปริญญาเอกเลย เพราะหากเด็กมีศักยภาพแต่เขามีภาระต้องไปทำงาน แต่หากเขาสามารถกู้ยืมได้ กู้จากระบบราชการได้ จึงควรสนับสนุนให้เขาได้ศึกษาไปจนกระทั่งถึงระดับปริญญาเอกได้

นอกจากนี้ก็อยากผลักดันให้นักเรียนไทย ไปฝึกในสายอาชีพมากขึ้น เพราะนักเรียนไทย ในสายอาชีพ สามารถที่จะเข้าไปทำงานได้เร็ว ทำงานได้จริง ฟื้นฟูประเทศได้เร็ว ซึ่งสายอาชีพ ที่ต่างประเทศเขามีการผลักดันกันมาก และนักศึกษา นักเรียน เขาอยากทำกันมาก ไม่ว่าจะเป็นพยาบาล เป็นช่าง หรือเกษตรกร ที่รายได้ดีมากในต่างประเทศ เพราะเกษตรกรต้องมีความรู้ด้านเทคโนโลยี แรงงานไม่ต้องใช้เยอะ แต่ให้มีความรู้ในการใช้เครื่องมือ ก็ทำให้สามารถผลักดันให้มีอาชีพของตัวเอง ในสังคมและในชุมชนของตัวเองได้ โดยหากเรียนสายอาชีพ ก็สามารถทำเงินได้

-อะไรที่เรามองว่าเป็นปัญหาทางการเมืองที่หากมีโอกาสได้เข้าไปทำงาน ก็อยากเข้าไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ดีขึ้น?

อย่างที่กล่าวตอนต้นว่าทุกรัฐบาลต่างก็อยากใช้งบประมาณในการพัฒนาประเทศเช่น ทำนโยบายในเรื่องการสร้างการศึกษา เรื่องเศรษฐกิจ สังคม เรื่องสุขภาพประชาชน ก็มีการใช้งบประมาณกันไปจำนวนหนึ่ง หลายอย่างก็ดีขึ้นทีละนิด แต่เราอยากเห็นประเทศไทยเราดีขึ้นแบบก้าวกระโดด ไปแข่งในระดับโลกได้ ถามว่าทำไมยังไม่ดีแบบนั้น

พรรครวมไทยสร้างชาติวิเคราะห์แล้วเห็นว่า ทุกอย่างมันดีขึ้น แต่ยังไม่ดีพอ ก็เพราะว่าเรายังไม่ได้แก้ที่ต้นตอ เช่นเรายังไม่ได้แก้ไขกฎหมายบางข้อ กติกาบางอย่างที่แก้ไขเพื่อเอื้อให้กับการทำมาหากินของประชาชนอย่างแท้จริง ต้องมีการแก้ไขกฎหมายบางข้อ แก้กฎหมายเพื่อให้เอื้อเฟื้อต่อระดับฐานราก ให้ประชาชนได้เข้าถึงงบประมาณในส่วนต่างๆ ทางหัวหน้าพรรคให้ความสำคัญมากในเรื่องนี้คือเราต้องแก้ไขที่ต้นตอ เราต้องให้โอกาสคนที่มีต้นทุนชีวิตที่อาจมีน้อยกว่าคนอื่น เพื่อให้มีโอกาสที่เท่าเทียม เขาจะได้มีชีวิตที่มั่นคง และต่อยอดชีวิตของเขาได้

-มองการเมืองก่อนหน้าที่จะเข้ามาอย่างไรบ้าง?

มองว่าสมัยก่อนการเมือง คนตัวเล็กหรือผู้สมัครที่เป็นคนหน้าใหม่ คนรุ่นใหม่ ไม่สามารถโชว์ศักยภาพได้เต็มที่ เพราะอาจจะถูกพรรคการเมืองใหญ่บดบัง อันนี้ความเห็นส่วนตัวที่มอง ก็ทำให้คนก็จะไปเลือกผู้สมัครจากพรรคเช่น อาจจะมีพรรคการเมือง เบอร์หนึ่งเป็นพรรคที่ดัง คนก็เลือกก็ได้ เพราะมาจากพรรคเบอร์หนึ่งที่ดัง หรือเลือกเบอร์สองก็ได้ เพราะมาจากพรรคดัง แต่ปัจจุบัน ประชาชนใกล้ชิดการเมืองมากขึ้น ประชาชนรับรู้เรื่องการเมืองมากขึ้นจากช่องทางต่างๆ เช่นโซเชียลมีเดีย ประชาชนมี awareness ของตัวเอง เขาก็ทำการศึกษาข้อมูลต่างๆ เช่นข้อมูลผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แต่ละคนว่ามีความถนัดด้านไหน และมีนโยบายอะไรที่อยากผลักดัน

ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนรุ่นใหม่ คนหน้าใหม่ๆ ที่อยากเข้าวงการ ทำให้ได้ผลักดันตัวเอง ได้นำเสนอนโยบาย และปัจจุบัน คนก็เริ่มเลือกจากตัวบุคคล ไม่ได้ยึดติดกับพรรคการเมือง เพราะเขามีการรับรู้ที่แท้จริง

“คนรุ่นใหม่รวมไทยสร้างชาติ-ศิรินันท์”ให้มุมมองว่า สำหรับ “จุดแข็งทางการเมืองของพรรครวมไทยสร้างชาติ”อยากจะบอกว่า ทุกรัฐบาลมุ่งหวังอยากให้ปากท้องและความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น แต่ทุกรัฐบาลสนใจแต่ระดับมหภาค ระดับชาติเช่นอยากให้เศรษฐกิจดีขึ้น สังคมดีขึ้น สุขภาพดีขึ้น แต่พรรครวมไทยสร้างชาติ นอกจากอยากให้เศรษฐกิจและส่วนอื่นๆ ดีขึ้นแล้ว พรรคยังอยากให้คนไทยทุกคนมีโอกาสได้เท่าเทียมกัน พรรครวมไทยสร้างชาติ ถึงมุ่งเน้นการแก้ไขกฎหมาย กฎ กติกา ว่าจะทำอย่างไรให้สามารถเอื้อเฟื้อได้กับคนทุกกลุ่ม ให้คนทุกกลุ่มมีโอกาสที่เท่าเทียมกัน คนเก่งในประเทศไทยเรามีเยอะมาก แต่เราอยากกระตุ้นให้ คนเก่งทุกคนหันกลับมามอง คนที่มีโอกาสและมีต้นทุนน้อยกว่าเขา และใช้ความรู้ตรงนั้นมาช่วยกัน ให้คนอีกกลุ่มหนึ่งเท่าเทียมกับทุกๆคน ต้องการสังคมที่เป็นธรรม สังคมที่เท่าเทียม อันนี้คือจุดหลักของพรรครวมไทยสร้างชาติ

สำหรับทิศทางของพรรครวมไทยสร้างชาติในช่วงปัจจุบันมองว่า หากดูจากผลสำรวจหรือโพลที่มีการทำกันรวมถึงความรู้สึกส่วนตัวจากที่ได้สัมผัสมา เห็นว่ากระแสตอบรับพรรครวมไทยสร้างชาติค่อนข้างดี

โดยเฉพาะหลังจากพรรคชู พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพราะอ้อมองว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น การชูแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ เพราะพลเอกประยุทธ์ มีผลงานมากมาย ยกตัวอย่าง เช่นการสานสัมพันธ์กับประเทศซาอุดีอาระเบีย ที่ทำให้แรงงานไทย สามารถไปทำงานต่างประเทศได้มากขึ้น ทำให้การลงทุนในประเทศไทยจากนักลงทุนต่างประเทศก็เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการสร้างงาน สร้างเศรษฐกิจ สร้างโอกาส เพราะพอต่างประเทศเห็นซาอุดีอาระเบียตอบรับเรา ก็ทำให้นักลงทุนประเทศอื่นๆ ก็อยากเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น จะเห็นได้ชัดเลยว่าเศรษฐกิจดีขึ้น ซึ่งผลงานลักษณะดังกล่าว

พรรครวมไทยสร้างชาติอยากให้นายกรัฐมนตรีได้กลับมาสานงานต่อ เพราะนายกรัฐมนตรีมีผลงานมากมายและพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็อยากจะสานงานต่อ เลยอยากขอโอกาสให้นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ได้กลับมาบริหารประเทศต่อ นายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ และที่สำคัญคือนายกรัฐมนตรีเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์สุจริต อ้อเลยมั่นใจว่าท่านอยากทำงานเพื่อประชาชนจริงๆ

สำหรับการขับเคลื่อนของพรรคต่อจากนี้โดยเฉพาะเรื่อง“นโยบายพรรค“อยากให้รออีกสักระยะ หลังจากนี้ ทางพรรคจะมีการประกาศออกมา แต่สำหรับอ้อ มองว่าในส่วนของนโยบายที่เป็นนโยบายที่ดีของรัฐบาลปัจจุบัน ที่ได้ดำเนินการ โดยอ้อชอบนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มันเวิร์คมากเลย ที่ทำให้ประชาชนสามารถนำเงินไปใช้ได้จริงแต่ละเดือน เช่นนำไปใช้จ่ายซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ได้ 200-300 บาท ไปซื้อก๊าซหุงต้ม ที่เขาต้องใช้จริงๆ หรือนำไปขึ้นรถบขส. -รถไฟได้ เป็นเรื่องที่ควรต้องได้รับการสานต่อในเฟสต่อๆไป เช่น อาจเพิ่มมูลค่าบัตรหรือเพิ่มสิ่งที่สามารถนำบัตรไปซื้อได้

-การทำการเมืองของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือจะไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ แต่จะทำให้เป็นสถาบันการเมือง?

คิดว่าไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดก็ตาม ไม่มีใครอยากเป็นพรรคการเมืองเฉพาะกิจ เราสร้างพรรคขึ้นมา เราก็อยากให้เป็น”สถาบันการเมือง” ที่อยู่กับการเมืองในระยะยาว เป็นที่พึ่งของประชาชนได้

 เราชื่อว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งจริงๆ อยากบอกว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้อนรับทุกคน เราอยากชวนคนไทยทุกคนมาสร้างชาติด้วยกัน รวมคนทุกภาคส่วน ทุกวัย จะคนรุ่นใหม่ คนมีประสบการณ์ ขอให้มีความมุ่งมั่นที่อยากจะทำงานให้บ้านเมือง อย่างโลโก้พรรครวมไทยสร้างชาติ คือเรารวมตัวจากรากฐานชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตัวอ้อก็เชื่อเหมือนหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติที่ว่าหากรากฐานของสังคมมั่นคง ประเทศก็มั่นคง เราอยากรวมทุกฝ่าย ใครอยากมาร่วมงานกับพรรค หากเป็นคนทำงานจริง มีความมุ่งมั่นในการทำงานให้ประชาชน ก็ขอให้มาร่วมงานกันที่พรรครวมไทยสร้างชาติได้เลย

สำหรับการให้พื้นที่และบทบาททางการเมืองกับคนรุ่นใหม่ของพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ยืนยันได้ว่า พรรครวมไทยสร้างชาติให้โอกาสกับคนรุ่นใหม่ทางการเมืองอย่างมาก ทางหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคมั่นใจมากว่าคนรุ่นใหม่สามารถนำสิ่งที่ดีที่สุดในสิ่งที่ตัวเองเรียนรู้มา เพื่อที่จะมาร่วมทำงานกับคนที่มีประสบการณ์ เพราะรวมไทยสร้างชาติคือการรวมคน มาเป็นรวมพลัง เพื่อให้พรรคของเราดีขึ้นแล้วก็มาสร้างชาติด้วยกัน เช่นคนรุ่นใหม่ เขาก็จะนำความรู้และสิ่งที่เขาเก่งเช่น เรื่องการศึกษา เศรษฐกิจ การบริหารโรงเรียน การบริหารด้านการเกษตรเช่น การทำสวนยาง มาร่วมทำงานกับพรรคได้

ส่วนเรื่องการสื่อสารของพรรครวมไทยสร้างชาติกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ อ้อคิดว่าโซเชียลมีเดียสำคัญสำหรับยุคปัจจุบัน ซึ่งหากเราทำให้ดี มันก็ดีได้ เช่นปัจจุบัน ประชาชนสามารถเรียนรู้ทำความรู้จักกับผู้สมัครส.ส.ได้ ผ่านทางโซเชียลมีเดียและการลงพื้นที่ เขาสามารถเลือกได้เลยว่า ชอบผู้สมัครจากพรรคการเมืองใด อย่างบางคนหากเสนอนโยบายอะไร ก็ดูว่าเขาชอบหรือไม่ หากไม่ชอบ ก็อาจไปเลือกผู้สมัครจากอีกหนึ่งพรรคการเมืองได้ เขาศึกษาหาข้อมูลต่างๆ ได้จากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้ว่าอันไหนดีไม่ดี ไม่ใช่แค่จากแผ่นพับ แต่สามารถศึกษตัวตนที่แท้จริงของผู้สมัครได้

ทางพรรครวมไทยสร้างชาติ เน้นเรื่องนี้เช่นกันคือให้โชว์ความเด่น ความสามารถของว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่าแต่ละคนมีความสามารถด้านไหน คนใดเหมาะจะทำงานในเชิงนโยบายหรือเหมาะจะทำในระดับพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนได้มีสิทธิ์เลือก ประชาชนต้องมี choices เพราะประชาชนทุกคน ต่างก็อยากจะมี choices ทางการเมืองและชีวิต

ส่วนอนาคตทางการเมืองของตัวอ้อ หลังจากนี้ เนื่องจากทางพรรคมีคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานกับพรรคเยอะ ทางพรรคตอนนี้กำลังพิจารณาอยู่ว่าแต่ละคน เหมาะกับการทำงานระดับนโยบาย หรือระดับพื้นที่  แต่สำหรับเป้าหมายทางการเมือง ก็คิดว่าจะทำงานการเมืองระยะยาว เพราะต้องการนำความรู้และประสบการณ์ในด้านต่างๆที่มีและสั่งสมมา เพื่อมาแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในระดับนโยบายหรือในการทำงานแบบระบบเขตเลือกตั้ง ก็ทำได้หมด เพราะทุกคนในพรรคก็ช่วยกันเพื่อทำให้พรรคดีขึ้น เพราะอย่างคนรุ่นใหญ่ เขาก็รับฟังคนรุ่นใหม่ ส่วนคนรุ่นใหม่ ก็รับฟังคนรุ่นใหญ่ พรรคเรามีการผสมผสานที่ดี

รวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคการเมืองที่ติดดิน เข้าใจประชาชน  เป็นพรรคของประชาชน จากโลโก้พรรค บอกได้เลย เป็นเหมือนสีธงชาติ  คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราต้องการให้ประชาชนทุกคนมีความเท่าเทียม และรากฐานของพรรค สำคัญที่สุด เพราะหากรากฐานมั่นคง ประเทศชาติ ก็มั่นคง เราต้องการเป็นพรรคการเมืองที่เข้าถึงประชาชน ไม่จำเป็นต้องดูระดับชาติ ไม่จำเป็นต้องมีทีมเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่ทีมพื้นที่ก็ต้องแน่นด้วย เราต้องการรับคนจากทุกภาค ทุกฝ่าย ทุกวัย ทุกความคิด ทุกไอเดีย แต่ถ้าทุกคนคิดดี ทำดี ต้องการจะพัฒนาประเทศชาติ ก็อยากให้มาอยู่กับเรา เพราะว่า เราต้องการรวมทุกคนมาสร้างชาติร่วมกัน

“หากประชาชนเลือกรวมไทยสร้างชาติ ให้โอกาสเราเข้าไปบริหารประเทศ จะได้เห็นการแก้กฎ กติกาหลายๆอย่าง ที่ทำให้เอื้อต่อคนทุกกลุ่ม ทุกฐาน ให้ได้มีโอกาสที่เท่าเทียมกันจริงๆ เรื่องเศรษฐกิจ เราจะสานต่อนโยบายที่พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีได้ทำมาซึ่งทำได้ดีอยู่แล้ว ก็จะมีเฟสต่อๆ มาที่ทำให้ดีขึ้น ส่วนเรื่องการศึกษา ก็จะทำให้เป็นการศึกษาที่เอื้อเฟื้อกับคนทุกกลุ่มจริงๆ ไม่ต้องมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นอีก และอยากจะให้ทุกฐานของสังคมมั่นคงอยู่ได้ด้วยตัวเอง”

 

Written By
More from pp
นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว. แรงงาน สั่งการให้ประกันสังคมดูแลช่วยเหลือ ครอบครัวหนุ่มแรงงานชาวบุรีรัมย์กลับจากอิสราเอล โดนกักตัวโควิด-19 โดดโรงแรมดับที่พัทยา
จากเหตุการณ์หนุ่มแรงงานชาวบุรีรัมย์ที่กลับจากอิสราเอล และเข้ากักตัวตามมาตรการ ป้องกัน โควิด-19 ในสถานที่กักกันของรัฐ กระโดดตึกเสียชีวิตที่พัทยา เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา
Read More
0 replies on “เสียงสะท้อน -รุ่นใหม่ รทสช. อ้อ-ศิรินันท์ ศิริพานิช ปลดล็อกแก้กฎหมาย-สร้างความเท่าเทียม”