นิสัยเดิมจบแบบเดิม-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

มาดูความเคลื่อนไหวแวดวงนักการเมืองกันหน่อย

มีให้สะดุ้งครับ!

การเมืองสมัยนี้ต้องแยกฝ่ายให้ดี ไม่งั้นหลงเอาง่ายๆ

แต่ก็พอสรุปได้ตามหน้าตาที่เห็น

อย่าง “ธรรมนัส พรหมเผ่า” เขาก็ชัดเจน เดินตามก้น “ลุงป้อม” ไม่มีวันลาจาก

“…ผมในฐานะที่เป็นแกนนำพรรคเศรษฐกิจไทยเราก็ยังรักบ้านเดิมอยู่ แต่ถ้า ท่านประวิตรสั่งอย่างไร ก็พร้อมจะทำตาม อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผมจะลงสมัครรับเลือกตั้งเองหรือไม่ ต้องฟังเสียงของประชาชน

ส่วนจะลงสมัครในนามพรรคใดนัก ขึ้นอยู่กับท่านประวิตร และคงไม่กี่วันน่าจะได้ความชัดเจน ก่อนวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ น่าจะชัดเจน…”

ไม่ต้องตีความอะไรให้มากมาย ไม่ต้องรอถึงวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ครับ… พูดแค่นี้ก็ชัดแล้ว

ทุกอย่างอยู่ที่ “ลุงป้อม”

กรณีนี้ไม่มีอะไรต้องแปลกใจ หลัง “ลุงตู่” เดินออกจากพลังประชารัฐ มันต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว

เติมคนเข้า!

ก็ร่วมๆ ๒๐ คน

รอบหน้าจะกลับเข้าสภากี่คน ก็แล้วแต่ประชาชน

แต่เด็ดสะระตี่ แสบๆคันๆ ไม่มีใครเกิน “จตุพร พรหมพันธุ์” อีกแล้ว

หัวแถวพรรคเพื่อไทยต้องฟังไว้

“…อย่าเหลิงและลำพองกับชัยชนะเลือกตั้ง เหมือนในอดีต ที่ได้เป็นรัฐบาลยังถูกยึดอำนาจ เพราะหลงตัวว่ายิ่งใหญ่ จนละเลงอำนาจประชาชนไปให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัยเป็น ผบ.ทบ.คุ้มครอง แต่สุดท้ายจึงปราบจนเหี้ยน…”

เป็นคำเตือนที่น่าสนใจจริงๆ

สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีคนคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ คนๆนั้นเป็นใครกัน

“จตุพร” บอกว่า…

“…แม้ประชาชนให้โอกาส แต่การตรวจสอบทั้งหลายนั้น ถึงเพื่อไทยจะได้เสียงสูงสุด ๑๙ ล้านเสียงก็ตาม ก็มาตายกับการตรวจสอบของคน ๙ คนจากองค์กรอิสระ ทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง ป.ป.ช. ยังไม่นับ กกต.จะมีนโยบายต่อไปอย่างไร

ดังนั้น สิ่งที่หลงระเริง หากมีความเชื่อแบบเดิมๆ คิดว่าได้เปรียบเหลือล้น ผลสุดท้ายก็ไม่เคยเอาตัวรอดได้สักครั้งเดียว

แล้วยังพาประเทศไปฉิบหาย ๘-๙ ปีมานี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากตัวเองด้วย…”

อ่านไปแค่นี้พอฟันธงได้ว่าเป็นเพราะเรื่อง “โกง”

ก็เป็นไปตามนั้นเพราะ “จตุพร” วิเคราะห์แล้วทุบโต๊ะเปรี้ยง!

“…ถ้าไม่เปิดประตูเริ่มต้น ร่างพ.ร.บ.การนิรโทษกรรมสุดซอยแล้ว อีกทั้งโครงการจำนำข้าวถ้าทำกันอย่างตรงไปตรงมา การยึดอำนาจก็ไม่คงเกิดขึ้นเช่นกัน เพราะเมื่อ ป.ป.ช.เตือนมาก็ควรยุติ

ซึ่งครั้งนั้นผมได้ทักทวงไว้แล้ว แต่กลับเหลิงอำนาจไปมอบประโยชน์ให้เจ้าเดียวส่งออกข้าว

และยังตั้งลูกเขยเสี่ยส่งออกข้าวเป็นเลขารัฐมนตรี มันจึงพัง เพราะเอาคนที่มีพฤติกรรมเจ้าของธุรกิจส่งออกมานั่งอยู่ในกระทรวง ท้ายที่สุดจึงกลายเป็นปัญหา…”

ก็จริงตามที่ “จตุพร” ว่ามา หากรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” ไม่โกง ก็ไม่มีเหตุให้ทหารทำการรัฐประหาร

รัฐประหารสมัยนี้ไม่ได้ทำกันง่ายๆนะครับ

หากไม่มีเงื่อนไขที่สุกงอมพอ แล้วทำรัฐประหาร รับประกันได้ ถูกรุมกระทืบ!

แต่เพราะฝ่ายการเมืองมักสร้างเงื่อนไขเสมอ ด้วยการปล่อยให้คอร์รัปชั่นเบ่งบาน

ฉะนั้นด่าทหารอย่างเดียว ไม่มีทางทำให้รัฐประหารหมดไปครับ นักการเมืองต้องปรับปรุงตัวเองด้วย เลิกโกงกินกันเสียที

วันนี้ “จตุพร” เป็นพวกไหน กลุ่มไหนไม่ทราบครับ แต่เปิดหน้าถล่มนักโทษแดนไกลเต็มพิกัด

“…การชนะเลือกตั้งของคุณ (ผู้นำจิตวิญญาณแดนไกล) ตั้งแต่ปี ๒๕๔๔ เรื่อยมา ได้ทำให้ประเทศเสียโอกาสขนาดไหน

และครั้งนี้ก็จะชนะอีก

แต่ถ้าวิธีคิดและพฤติกรรมไม่เปลี่ยน หรือไม่ทำอย่างที่เคยทำแล้ว คนน้ำหน้าอย่างประยุทธ์ไม่มีสิทธิ์อยู่แล้ว กระทั่งประยุทธ์สามารถสร้างความเชื่อให้ประชาชนจนพรรคการเมืองพร้อมทิ้งประชาชนมาอุ้มชูประยุทธ์ให้การคุ้มครอง ในที่สุดเพื่อไทยก็ถูกยึดอำนาจ

ในวันยึดอำนาจนั้น ถนนอักษะ (บริเวณ นปช.ชุมนุม) เหลือไม่ถึง ๑๐๐ คน เพราะมีคนไปปิดก๊อก และผมรู้ว่า วันยึดอำนาจใครไปอยู่ด้วย…”

“จตุพร” กับ “ทักษิณ” มีความขัดแย้งที่ไม่ธรรมดามานาน

“ทักษิณ” ไม่เคยใช้งาน “จตุพร” อีกเลยหลังเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง

ต่างจาก “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ได้ดิบได้ดีเป็นรัฐมนตรี

และเดี๋ยวนี้ใหญ่โตเป็นถึงผอ.พรรคเพื่อไทย

คนนอกน้อยคนที่จะรู้ข้อเท็จจริงครับว่า ทั้งคู่เหยียบตาปลาเรื่องอะไรกัน

ที่แน่ๆวันนี้ในทางการเมืองทั้งคู่อยู่คนละฝ่าย

สิ่งที่คนเสื้อแดงควรฟังจากปาก “จตุพร” ที่เคยอุทิศตนยอมตายเพื่อ “ทักษิณ” คือ สิ่งที่ “ทักษิณ” ทำกับคนเสื้อแดง

“…สิ่งสำคัญ ระบุว่า ถ้าคุณ (ผู้นำทางจิตวิญญาณเพื่อไทย) เป็นคนใช้ได้ น้ำหน้าอย่างประยุทธ์ ไม่มีสิทธิ์สะเออะมาเป็นนายกฯ ได้เกือบ ๙ ปี พวกนี้จะมายึดอำนาจได้อย่างไร เนื่องจากมีเหตุว่า พอวันที่ได้อำนาจมาจากประชาชน แล้วก็คิดว่าอำนาจประชาชนเป็นของตาย ก็ไปชะเง้อมองประยุทธ์จะให้การคุ้มครอง

ดูสิเปลี่ยนผู้คุ้มครองใหม่จากประชาชนมาไปเป็นประยุทธ์ จึงถูกประยุทธ์ปราบจนเหี้ยนไปเลย

ทุกวันนี้เขา ยังคิดว่า เป็นคนถูก ยังคิดว่าตัวเองใหญ่ ใครอยากเข้าพรรคต้องไปขอโทษ

ผมอยากจะบอกสักคำว่า ในโลกการเมืองไม่มีใครใหญ่จริงหรอก สิ่งสำคัญที่จะบอกคือ คุณชนะ (เลือกตั้ง) อยู่แล้ว ถ้าทำตัวเหมือนเดิมก็จะจบแบบเดิมอีก

ส่วนชนะแล้วเป็นผู้ปกครองหรือเปล่าไม่รู้ แต่ถ้าเป็นผู้ปกครองทำนิสัยแบบเดิมก็จะจบแบบเดิม และคนที่หนักที่สุดจากต้นเหตุของคุณก็คือประชาชน

คุณเอาชีวิตเลือดเนื้อประชาชนไปละเลงเล่นได้อย่างไร เอาชัยชนะที่แลกมาทั้งชีวิต แต่ท้ายที่สุดใครก็ไม่รู้หน้านวลทั้งหลายก็มากอบโกยเอา

แล้วไม่รักษาประชาธิปไตยเอาไว้ได้ วันนี้ก็มาอีหรอบเดิม…”

ครับ…พอมีใครให้คำตอบได้บ้างครับว่าทำไม รัฐบาลประยุทธ์ถึงได้อยู่มา ๘ ปี เข้าปีที่ ๙ ทั้งๆที่ฝ่ายตรงข้ามโจมตีอย่างหนักว่าเป็นเผด็จการและโกงกิน

ขณะเดียวกันรัฐบาลทักษิณ ที่เคยตั้งรัฐบาลพรรคเดียว จนถูกตราหน้าว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา ที่ไม่มีใครสามารถต่อกรได้ ถึงได้มีอายุแค่ ๕ ปีกว่า

ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผู้ใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง ควรจะรู้ หรือต้องรับรู้

วันนี้พรรคเพื่อไทยยังถูกกดปุ่มจากแดนไกล

คนที่ “จตุพร” บอกว่าเอาชีวิตเลือดเนื้อประชาชนไปละเลงเล่น

ก็ระวังไว้ครับ อาจมาอีหรอบเดิม

Written By
More from pp
“พวงเพ็ชร” จับมือ กทม. และภาคี เอาจริง! บูรณาการหน่วยงานปรับภาพลักษณ์ท่องเที่ยว กำจัดมิจฉาชีพหลอกลวง และจัดระเบียบการเดินทางย่านราชประสงค์
29 กุมภาพันธ์ 2567 ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม หารือหน่วยงานภาคีเครือข่าย บูรณาการการทำงานด้านการท่องเที่ยวระหว่างภาครัฐและเอกชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมี พญ.วันทนีย์ วัฒนะ...
Read More
0 replies on “นิสัยเดิมจบแบบเดิม-ผักกาดหอม”