ผักกาดหอม
๓๑ ธันวาคม วันสุดท้ายของปีแล้วครับ
รอบปีมานี้เกิดเรื่องราวต่างๆ มากมาย ทั้งดี และ ไม่ดี
ที่แน่ๆ “สุทธิพงษ์ จุลเจริญ” ปลัดกระทรวงมหาดไทย ถูกหวยรางวัลใหญ่รับปีกระต่ายไปจังๆ แบบไม่ต้องกลับเลข
มันก็เป็นซะแบบนี้ไง ข้าราชการถึงถูกมองว่าล้าหลัง
มีความคิดเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี
เพราะคนไม่กี่คน ทำให้ถูกเหมารวมมาเยอะแล้ว ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีข้าราชการดีๆ ให้เกียรติผู้อื่นตั้งมากมาย
แต่เมื่อข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนเดียวมีปัญหา มันก็ทำให้ดูเหมือนมีปัญหากันหมด
ก็คล้ายๆ ที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล เอาแต่ด่าทหาร เป็นเผด็จการ เป็นทรราช นั่นแหละครับ จนทุกวันนี้ มวลชนพรรคก้าวไกลเกลียดยันพลทหาร
มันไม่มีเหตุผล
กลับมาที่ปลัดมหาดไทย
เรื่องของเรื่องคือ ปลัดสุทธิพงษ์ เป็นประธานประชุมข้าราชการกระทรวงมหาดไทย มีการถ่ายทอดระบบซูมไปยังหลายจังหวัด
ช่วงหนึ่งได้เปิดให้ข้าราชการรายหนึ่งรายงานเกี่ยวกับพัฒนาสินค้าของราชทัณฑ์ โดยมีรายละเอียดคำต่อคำดังนี้…
ข้าราชการชั้นผู้น้อย “การลงพื้นที่เกษตรกรที่ปลูกผักผลไม้ โดยเริ่มหาพื้นที่ เก็บเกี่ยว นำส่ง”
หลังข้าราชการผู้นี้พูดจบ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวขึ้นว่า “อุปสงค์เท่ากับอุปทาน ภาษาเศรษฐศาสตร์เขาคืออะไรรู้ปะ มีศัพท์ว่าไงนะ”
ข้าราชการชั้นผู้น้อย “ดีมานด์ ซัพพลายครับท่าน”
ปลัดมหาดไทย หัวเราะ “โธ่เอ๊ย จบอะไรมาวะ”
ข้าราชการชั้นผู้น้อย “จบรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ครับ”
ปลัดมหาดไทย “ทำไมโง่อย่างนั้นวะ คุณรุ่นอะไร”
ข้าราชการชั้นผู้น้อย “รัฐศาสตร์ความสัมพันธ์ประเทศครับ”
ปลัดมหาดไทย “โง่เป็นควายเลยไอ้เหี้ยเอ๊ย”
ปลัดมหาดไทย ได้ทีถามต่อ “เข้าปีไร”
ข้าราชการชั้นผู้น้อย “ปริญญาโทครับท่านครับ”
ปลัดมหาดไทย “อ๋อๆๆ กูว่าแล้ว เพราะคนที่เรียนรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เขาเรียนเศรษฐศาสตร์สองตัว อุปสงค์เท่ากับอุปทานเรียกว่า ตลาดสัมบูรณ์ คุณเอาความต้องการราชทัณฑ์และมาบอกว่าเท่ากับซัพพลายของภาคเกษตร มันไม่ใช่ มันไม่ใช่ ถ้าใช่ คุณต้องพาสินค้าเกษตรออกนอกทำไมเล่า คุณมีตลาดสัมบูรณ์แล้ว คุณต้องช่วยอะไรเล่า จบปริญญาตรีที่ไหนล่ะ”
ข้าราชการชั้นผู้น้อย “มหาวิทยาลัยสยามครับท่านครับ”
ปลัดมหาดไทย “กูว่าแล้ว แล้วคุณไปเรียนรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ปริญญาโท ภาคผู้บริหารหรือภาคปกติ”
ข้าราชการชั้นผู้น้อย “โครงการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ”
ปลัดมหาดไทย “แปลว่าไรวะ”
ข้าราชการชั้นผู้น้อย “เป็นหลักสูตรหลังเลิกเรียนครับท่านครับ”
ปลัดมหาดไทย “เฮ้ย! ขจร คุณไปคุยคณบดีนะมึง เอี้ย โธ่ มหาวิทยาลัยเดี๋ยวนี้ชอบหาตังค์ เปิดหลักสูตรไรไม่รู้มั่วไปหมด คำถามคือคุณภาพ มาตอบเป็นโจ๊ก เฮ้อ!”
คิดว่าคนส่วนใหญ่ฟังแล้วไม่น่าจะชอบ
นี่ไม่ใช่การพูดคุยกันตัวต่อตัวในที่ลับ
แต่พูดในห้องประชุม และออนไลน์ด้วย ผู้เข้าร่วมประชุมเป็นร้อย
ทั้งทัศนคติ ภาษา และท่าที ดูไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่เลย
การบูลลีผู้อื่นในที่สาธารณะ
การเหยียดสถาบันการศึกษา
รวมทั้งภาษาที่ใช้ หากมีคนตั้งคำถาม “ปลัดสุทธิพงษ์” ว่าจบมาจากไหนจะตอบว่าไง
ผมตอบให้ก็ได้เพราะในโซเชียลเขานำมาแชร์กันเกลื่อน
“ปลัดสุทธิพงษ์” จบการศึกษาปริญญาตรี และปริญญาโท รัฐศาสตรบัณฑิต และรัฐศาสตรมหาบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาภาวะผู้นำเชิงยุทธศาสตร์ความเป็นเลิศ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต รัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
และ รัฐประศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
การอบรม หลักสูตรปลัดอำเภอ รุ่นที่ ๙๒ หลักสูตร นอ.รุ่นที่ ๔๘, หลักสูตร นบส.รุ่นที่ ๖๗, หลักสูตร วปอ.รุ่นที่ ๕๕, หลักสูตรจิตอาสา ๙๐๔, หลักสูตรพื้นฐานรุ่นที่ ๑/๖๒, หลักสูตรฝึกทบทวนจิตอาสา ๙๐๔ (Upgrade) รุ่นที่ ๑/๖๓
สถานการศึกษา หลักสูตรอบรม บ่มเพาะให้ “ปลัดสุทธิพงษ์” มีทัศนคติแบบนี้หรือ?
มันไม่ใช่
แม้มหาวิทยาลัยต่างๆ จะเปิดหลักสูตรอะไรขึ้นมามากมาย แต่ไม่น่าจะมีหลักสูตรไหนสอนให้บูลลีผู้อื่น หรือดูถูกสถาบันการศึกษา
มันอยู่ที่คนครับ!
ฉะนั้นเลิกทีเถอะครับ บรรดาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งหลาย อย่าคิดว่าเมื่อขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้ว เบื้องล่างจะเหยียบใครก็ได้
จริยธรรมข้าราชการพลเรือน มี ๑๐ ข้อ
๑.ต้องยึดมั่นในจริยธรรมและยืนหยัดกระทำในสิ่งที่ถูกต้องและเป็นธรรม
๒.ต้องมีจิตสำนึกที่ดีและความรับผิดชอบต่อหน้าที่ เสียสละ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรวดเร็ว โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้
๓.ต้องแยกเรื่องส่วนตัวออกจากตำแหน่งหน้าที่ และยึดถือประโยชน์ส่วนรวม ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน
๔.ต้องละเว้นจากการแสวงประโยชน์ที่มิชอบโดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่และไม่กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม
๕.ต้องเคารพและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา
๖.ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงธรรมเป็นกลางทางการเมือง ให้บริการแก่ประชาชน โดยมีอัธยาศัยที่ดี และไม่เลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม
๗.ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของทางราชการอย่างเคร่งครัดและรวดเร็ว ไม่ถ่วงเวลาให้เนิ่นช้าและให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนอย่างครบถ้วน ถูกต้อง ทันการณ์และไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง
๘.ต้องมุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน รักษาคุณภาพและมาตรฐานแห่งวิชาชีพโดยเคร่งครัด
๙.ต้องยึดมั่นในการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
๑๐.ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำรงตน รักษาชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของราชการโดยรวม
“ปลัดสุทธิพงษ์” ละเมิดไปกี่ข้อครับ?
ที่ท่าน แก้ข่าวในภายหลังว่า เป็นคนพูดจาสไตล์ลูกทุ่ง อาจมีการดุด่าลูกน้อง เพื่อเร่งรัดงานเพื่อพี่น้องประชาชน แต่ในชีวิตรับราชการมา ๓๔ ปีเศษแล้วไม่เคยด่าพี่น้องประชาชน มีแต่ยิ้มแย้มแจ่มใสทำตัวเหมือนลูกหลานญาติมิตร
จะบอกว่าปากร้ายแต่ใจดี
หากยังมีเวลาควรปรับทัศนคติใหม่เถอะครับ
เรียกลูกน้องไปด่าสองต่อสองนั่นเรื่องหนึ่ง
แต่ด่าในที่ประชุม ควรแล้วหรือสำหรับผู้ที่อบรมหลักสูตรจิตอาสา ๙๐๔ มา