เปลว สีเงิน
“ลุงป้อม” ตอนนี้ คึกใหญ่เลย
ใครอย่าไปปรามาสว่าแก่แล้วเชียวนะ เห็น “ตุ๊ต๊ะ-ตุ้มตุ้ย” อย่างนั้นเถอะ จะบอกให้
“ทีเด็ด” เหลือหลาย!
อย่าว่าแต่สาวแก่แม่ม่ายติดตรึมเลย ผู้ชาย “ไม้ป่าเดียวกัน” ก็ยังติด
ขนาด “คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ” ใครจะไปคิดว่าจะติดบ่วงเสน่ห์ลุงป้อมได้
ยัง “เสร็จ” เลย เห็นมั้ย!
นี่ถ้า “นางเตี้ยหลังม็อบ” มาอยู่พลังประชารัฐกับลุงป้อมอีกคนละก็ โทนาฟคงบอก…กูขายหมาล้างคอก ขี่อูฐอยู่ดูไบไปจนตายดีกว่า!
ยิ่งไปต่างจังหวัด แม่ยกทึ้งหน้า-ทึ้งหลัง ดึงไปฟัด สบัดจมูกใส่แก้มซ้าย-ขวา ท่ามกลางเสียงตะโกน
“ลุงป้อม..นายกฯ…ลุงป้อม…นายกฯ ด้วยแล้วละก็ ตายเป็นตาย”
ในเมื่อ “ใจบันดาลแรง” ซะขนาดนี้!
ตรงข้ามกับ “เพื่อไทย” จากบานเป็นเห็ดหน้าฝนกลางปี แต่ตอนนี้ เหี่ยว-หุบไปทั้งพรรค แล้วจะสู้ “ลุงป้อม” ไหวหรือ?
“แลนด์สไลด์”…..
เห็นทีจะ “สลบไสล” เพราะฤทธิ์ “ตู้ห่าว” ซะละมั้ง?
ก็บอกแล้ว “แผ่นดินไทย” น่ะ ไม่มีอาถรรพณ์หรอก
แต่มีพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระหลักเมือง พระสยามเทวาธิราช ท้าวสักกเทวราช ท้าวมหาพรหม ท้าวจาตุโลกบาล ท้าวเวชสุวรรณ เจ้าพ่อหอกลอง เจ้าพ่อเจตคุปต์ เจ้าพ่อพระกาฬไชยศรี ทำหน้าที่ปกปักรักษาแผ่นดิน
ใคร “คิดซื่อ-ถือสัตย์” ต่อชาติบ้านเมือง จะเจริญ รอด และรุ่ง
ใคร “คิดคด-กบฎชาติ” จะวิบัติ วอดวาย พลัดที่นาคาที่อยู่ ป่วยก็รักษาไม่หาย อยู่ก็ประหนึ่งตาย ครั้นวาย ก็ไปขุมอเวจี!
บอกให้ทุกคนรู้ไว้ ใครไม่เชื่อ ก็ลบหลู่ได้
แล้วติดตามดูผลไปเรื่อยๆ ถึงตอนนั้น จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่สำคัญเท่า
เหลือ “เหรียญบาท” ไว้สักอัน สำหรับใส่ปาก!
เรื่องตู้ห่าวหรือใครก็ตามที่พาดพิงไปถึง เราอย่าเพิ่งไปปักใจหรือปรักปรำอะไรเขานะ
เพราะตอนนี้ ยังถือว่า “บริสุทธิ์ผุดผ่อง” เพียงต้องสงสัยเท่านั้น
อย่างประเด็น ซื้อคฤหาสน์หมู่บ้าน “กอกกอก บูเลอร์วาร์ด” ของบริษัท เอสซี แอสเสท ที่ “ตระกูลชินวัตร” ถือหุ้นใหญ่และลูกเขยทักษิณเป็นผู้บริหารนั้น
ทั้งโครงการมี ๖๖ หลังๆ ละ ๓๕-๕๐ ล้านบาทขึ้นไป แต่ “ตู้ห่าว” ซื้อด้วยเงินสดคนเดียว ๕๐ หลัง
อย่าไปว่าเขา “ขายชาติ-ขายแผ่นดิน” เลย
เขา “ขายบ้านและที่ดิน “เหมือนหมู่บ้านจัดสรรทั่วไปน่ะ!
อย่าไปโยง “ตู้ห่าว” เป็นหลานเขย “พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก” อดีตรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ยุคยิ่งลักษณ์
และเรื่องการแปลงสัญชาติเป็นไทยของ “ตู้ห่าว” ในยุคยิ่งลักษณ์ ที่ “นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย
ไปเกี่ยวเรื่องการซื้อบ้านของ “ตระกูลชินวัตร” ชนิด “ยกโครงการ” ประมาณ ๒๕,๐๐๐ ล้าน นั่นเลย!
ยิ่งแพทองธาร “อุ๊งอิ๊ง” เขาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทเอสซี แอสเสท อยู่ด้วย ไปพูดอะไรกันอย่างนั้น เดี๋ยวเขาจะว่า ไปอิจฉาเขา
เพราะเขาเป็น “หัวหน้าครอบครัวใหญ่” ของพรรคเพื่อไทย พ่อเขาวางตัวในตำแหน่ง “นายกฯ” ไว้แล้ว
โยงตู้ห่าวมาพันธุรกิจอุ๊งอิ๊งแบบนี้ แล้วจะแลนด์สไลด์ได้ไง ในเมื่อชาวประชาฟ้าดินรู้ไต๋หมดแล้ว ที่จะแลนด์สไลด์ มันจะแลนด์สลบไปน่ะซี
เดี๋ยวเขาก็จะไปโทษ “ลุงตู่” อีกจนได้ ว่าเตะตัดขาเขา
บาป “ทั้งขึ้น-ทั้งล่อง”
ยิ่งอุ๊งอิ๊งท้องอ่อนๆ อยู่ด้วย เกิดเครียดขึ้นมา มันจะส่งผลถึงเด็กในท้อง ไม่ดี..ไม่ดี “ยัง กัมมัง กริสสามิ” ให้เป็นไปตามนั้นเถอะ
เรื่องตู้ห่าวซื้อแทบยกหมู่บ้าน เห็นเอสซี แอสเสท เขาออกเอกสารชี้แจงวันก่อน
แต่ไม่ใช่จาก “นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” ลูกเขยทักษิณ ที่เป็นประธานบริหาร หากแต่ให้เลขาฯ บริษัทเป็นผู้ชี้แจงว่า
“ตามที่มีการเสนอข่าวของสื่อมวลชนเรื่องกลุ่มทุนจีนสีเทากว้านซื้อบ้านในโครงการของบริษัทนั้น บริษัทใคร่ขอเรียนข้อเท็จจริงว่า
1.บริษัทประกอบธุรกิจด้วยความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี โดยยึดหลักไม่กระทำผิดกฎหมาย บ้านทุกหลังในทุกโครงการขายให้เฉพาะคนไทยและนิติบุคคลไทยเท่านั้น
2.ในการซื้อขายบ้านพร้อมที่ดิน บริษัทกำหนดให้ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินผ่านธนาคารเท่านั้น
3.ผู้ถือหุ้นบริษัทไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องใดๆ กับการซื้อขายบ้านของบริษัทในทุกกรณี
จึงเรียนมาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
อ่านคำชี้แจงแล้ว มัน “หลวมๆ” ไปหน่อยนะ ที่บอกว่า “ในทุกโครงการขายให้เฉพาะคนไทยและนิติบุคคลไทยเท่านั้น”
ก็ไม่เถียงนะ…
เพราะ “ตู้ห่าว” แปลงสัญชาติเป็นไทยแล้ว ฟังที่ตำรวจแถลง ซื้อในนามบุคคล ไม่ใช่ในนามบริษัท
ก็แปลว่า “ตู้ห่าว” เป็นเจ้าของทั้ง ๕๐ หลัง ก็แปลกใจนิดเดียว ถ้าไม่ซื้อไปขายต่อ แล้วตู้ห่าวจะอยู่คนเดียวเนี่ยนะทั้ง ๕๐ หลัง?
ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพื่ออุ๊งอิ๊งจะได้แลนด์สไลด์แบบหายห่วง เอสซี แอสเสท ควรเอา “สัญญาซื้อ-ขาย” บ้านทั้ง ๕๐ หลังมายืนยันประกอบคำชี้แจงด้วยก็จะดี
ว่า ทั้ง ๕๐ หลัง ขายให้คนไทย ชื่อตู้ห่าวคนเดียว!
ส่วนที่ว่า…
“ในการซื้อขายบ้านพร้อมที่ดิน บริษัทกำหนดให้ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินผ่านธนาคารเท่านั้น”
ข้อนี้ เป็น “ความจริงครึ่งเดียว” ครับ!
ชำระผ่านธนาคาร นั่นเฉพาะ “ผู้ซื้อเงินผ่อน” เท่านั้น เมื่อจ่ายดาวน์กับโครงการจบแล้ว ตามระบบ ผู้ซื้อต้องไปกู้แบงก์
มาจ่ายกับเจ้าของโครงการ
จากนั้น ก็ไปผ่อนต่อกับแบงก์ ผ่อนครบเมื่อไหร่ ก็ไปไถ่เอาโฉนดจากแบงก์
แต่กรณีตู้ห่าว “ซื้อเงินสด”!
ความจริง ทุกโครงการ ไม่มีโครงการไหน สร้างเสร็จแล้วจึงเปิดขายหรอก เขาเปิดให้จองตั้งแต่เป็นพิมพ์เขียว
นั่นคือ ซื้อที่เดียว ๕๐ หลัง จากทั้งหมด ๖๖ หลัง ก็หมายความว่า ตู้ห่าวต้องมาวางดาวน์ไว้แล้ว
ถ้าไม่วางเลย แต่ยอมสร้างไปก่อนด้วยมูลค่า ๒,๕๐๐ ล้าน มีบริษัทไหนทำอย่างนี้บ้าง อยากรู้จัง
ถ้ามี ก็แสดงว่ามี…มี something แน่!
เอาละ สมมติว่าไว้เนื้อเชื่อใจกัน เพราะมีสัมพันธ์กันมายาวนาน ฉะนั้น ไว้จ่ายกันทีเดียวตอนสร้างเสร็จไปเลย
ในเมื่อ “ซื้อด้วยเงินสด” ทั้ง ๕๐ หลังจากบริษัทเอสซี แอสเสท การจ่าย จึงต้องจ่ายกับเอสซี แอสเสท และทำสัญญาซื้อขายโดยตรงกับเอสซี เแอสเสท
เพราะบ้านและที่ดินทั้ง ๕๐ หลังนั้น ยังมีชื่อบริษัทเอสซี แอสเสท เป็นเจ้าของ ยังไม่ได้โอนเข้าแบงก์ในระบบ “ผ่อนส่ง”
เมื่อทำสัญญาซื้อขายกันแล้ว….
บริษัทก็จะโอนโฉนดไปเป็นชื่อนายตู้ห่าว ทางเขตที่ตั้งโครงการ จะออก “สมุดทะเบียนบ้าน” ให้นายตู้ห่าวด้วย
ดังนั้น ที่ชี้แจงว่า “ในการซื้อขายบ้านพร้อมที่ดิน บริษัทกำหนดให้ผู้ซื้อจะต้องชำระเงินผ่านธนาคารเท่านั้น”
ในกรณีตู้ห่าว “ไม่ตรงข้อเท็จจริง”!
ข้อควรพิสูจน์ คือ….
๑.จริงหรือ ที่หอบเงินสด ๒,๕๐๐ ล้านมาจ่าย?
๒.ถ้าจริง มาจากแบงก์ไหน แจ้งกระทรวงคลังหรือไม่?
๓.ถ้าเป็นการโอนเงิน หรือแคชเชียร์เช็ค บริษัทจะต้องระบุหมายเลข วัน/เดือน/ปี ของเอกสารไว้ในสัญญาซื้อขายด้วย
๔.ต้องมีเอกสารเสียภาษีการโอนจากยอดเงิน ๒,๕๐๐ ล้านบาทด้วย
ดังนั้น ในคำชี้แจงข้อ ๒ นี้ ก็รับฟังคำชี้แจง แต่สงวนสิทธิที่จะ “ไม่เชื่อ” ไว้ก่อน!
แต่เชื่อว่า คำชี้แจงนี้ เป็นประโยชน์ต่อทางตำรวจ ที่จะตรวจสอบ “สัญญาซื้อขาย” ที่มีอยู่ทั้งฝ่ายบริษัทและตู้ห่าว
เป็นการพิสูจน์ทั้งเอกสาร ทั้งเส้นทางการเงิน!!!
ส่วนคำชี้แจงข้อสุดท้ายของเอสซี แอสเสท ที่ว่า….
“ผู้ถือหุ้นบริษัท ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องใดๆ กับการซื้อขายบ้านของบริษัทในทุกกรณี”
ก็ไม่มีใครไปว่าผู้ถือหุ้น ทั้งแพทองธาร-พิณทองทา ชินวัตร, บรรพจน์ ดามาพงศ์ และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ เข้าไปเกี่ยวข้องนี่ครับ
“กินปูนร้อนท้อง” ไปเองมั้ง?
เห็นแต่ข่าว “ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” สามีพิณทองทา ในฐานะประธานบริหารเอสซี แอสเสท
เคยแสดงวิสัยทัศน์ด้านการขายไว้ “ฐานเศรษฐกิจ “เขารายงาน เมื่อ ตค.๖๔ ตอนหนึ่งว่า…….
“ตั้งแต่ ๑ พย.เดินหน้าสร้างช่องทางการขายให้กับกลุ่มต่างชาติใหม่ๆ ผ่านพันธมิตรระดับโกลเบิล
ทั้งใน จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน และฮ่องกง โดยเฉพาะความต้องการที่จะขยายฐานลูกค้าคนจีนใน 4 เมืองใหญ่ เช่น เซียงไฮ้ ปักกิ่ง เป็นต้น”
ก็ไหนว่า “บ้านทุกหลังในทุกโครงการขายให้เฉพาะคนไทยและนิติบุคคลไทยเท่านั้น” ไงล่ะ?!
ตกลงใครกันแน่ที่ว่า “ขายชาติ-ขายแผ่นดิน” นั่นน่ะ
ระหว่าง “ประยุทธ์” กับ “ตระกูลชิน”?
เปลว สีเงิน
๖ ธันวาคม ๒๕๖๕