เปลว สีเงิน
นายกฯ น่ะ…….
เหมือนคนลอยคอในทะเล ไม่เห็นฝั่ง
แต่วันนี้ “ขึ้นฝั่ง” แล้ว!
จากประสบการณ์ที่ทำให้รอด จึงเห็น ๒ อย่างบนความเปลี่ยนแปลงในตัวท่านชัดเจน
๑.พลัง
๒.ศรัทธา
-พลัง เห็นผ่านความองอาจในบทบาทด้วย “จิตมั่น” ผิดแต่ก่อน แสดงว่า ใจก้าวข้าม “ขวากหนาม-อุปสรรค” ในทางการเมืองแล้ว
“มาร” ที่ราวี คือ กีวีขัดเกือก!
-ด้านศรัทธา เห็นชัด ลอยคอในทะเล ๘ ปี ขึ้นฝั่งได้ สิ่งแรก ที่นายกฯ ทำคือ พนมมือเหนืออก…หน้าพระ
คือ “ประชาชน”
การลอยคอในทะเลการเมือง ทำให้รู้ว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์เดียว ที่ช่วยให้ท่านรอดถึงวันนี้ได้ คือ…
หลวงพ่อ “ประชาชน”!
นายกฯ จึง “ศรัทธา” ประชาชน เห็นชัด
ทันทีที่จบภารกิจใหญ่งานเอเปก สถานที่แรก ที่นายกฯ มุ่งไป คือการไปพบปะชาวบ้าน
รับฟัง แก้ปัญหาให้ชาวบ้าน ไปติดตามงาน ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบชาวบ้าน ทั้งในกรุง, ต่างจังหวัด และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
๒ อย่างนั้น บ่งบอกถึงว่า การเมืองข้างหน้าของนายกฯ
ไม่ใช่ตำแหน่ง “สู่อำนาจ” เพื่อ “สร้างอำนาจ”
แต่เป็นตำแหน่งเพื่อ ไปสานงานต่อ ขจัดทุกข์-สร้างสุขให้ประชาชน และกวาดล้างบ้านเมือง สู่ยุคเรืองวิไลจริงๆ กันซะที!
นี่คือสิ่งสังเกตจากผม ส่วนท่านจะเห็นอย่างไร
ก็ “เห็นเหมือน-เห็นต่าง” กันได้
เพราะยุคเผด็จการประยุทธ์ “สิทธิ-เสรีภาพ” นั้นเต็มใบยิ่งกว่าประชาธิปไตย ยุคใครเห็นต่างกู จะ “หาศพไม่เจอ” ซะอีก!
คำว่า “ประชาชน” ไม่ใช่คำมีไว้เพื่อ “พูดพล่อย”
ฉะนั้น เราจะเห็น ใครที่พล่อย…เอะอะอ้างประชาชน จะวิบัติในบั้นปลาย
แต่คนไหน “ศรัทธา-จริงใจ” ต่อประชาชน ทั้งปาก-ทั้งใจ-ทั้งทำ “เพื่อประชาชน” จริงๆ จะรอด และรุ่ง
ในประเด็นนี้ จะเห็นชัด……..
นอกจาก “นายกฯ ประยุทธ์” รอดเพราะประชาชนแล้ว ยังมีนักการเมืองอีก ๒-๓ คน
ที่ผมสังเกตผ่านงานที่เขาทำ จริงใจ ประจักษ์ผล ถึงประชาชน เป็นรูปธรรมจับต้องได้
วันนี้ เอาคนแรกก่อน คือ “คุณอนุทิน ชาญวีระกูล” รองนายกฯและรัฐมนตรีสาธารณสุข
ผลงานแม่ทัพ “ปราบโควิด” ทำให้คุณอนุทินได้รับรางวัล ๒ ประเภท
ประเภทแรก นอกจากเสียงชื่นชมสังคมไทยแล้ว เป็นเสียงชื่นชมจากสังคมโลก
“ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก-WHO เขียนด้วยลายมือตัวเอง ถึงคุณอนุทิน
ถึงขั้น ขึ้นต้นด้วยคำว่า “with much gratitude”
แสดงถึงซาบซึ้ง ประทับใจ ผลงาน “รัฐมนตรีอนุทิน” ชนิดล้นทะลักทรวง
หนังสือเป็นทางการ ส่วนหนึ่งความว่า…….
“ขอบคุณประเทศไทยในฐานะ “แชมป์เปี้ยน” ที่มีการเตรียมความพร้อมด้านระบบสาธารณสุข
ไปจนถึงการวางระบบดูแลสุขภาพประชาชนแบบถ้วนหน้าไว้อย่างยอดเยี่ยม
และนับตั้งแต่เดือนเมษายน ที่ผ่านมา ประเทศไทย ได้กลายมาเป็น “ประเทศนำร่อง” ด้านการวางระบบสุขภาพ ที่น่าชื่นชม
นี่คือ “หนึ่งในประเทศแรกๆ ของโลก”
และเป็น “ประเทศแรกของอาเซียน” ที่เปิดกว้างให้หน่วยงานสากลเข้ามาประเมิน
เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ในการยกระบบสาธารณสุขทั่วโลก…….”
รางวัลประเภทสอง ที่คุณอนุทินได้รับ ไม่ใช่โล่ หรือคำชม
แต่เป็นคำค่อนขอดด้วยริษยา และการขัดแข้ง-ขัดขา ที่เรียกว่า “สะกัดดาวรุ่ง” จากนักเลือกตั้งด้วยกัน!
แต่ไม่รู้เตะสะกัดกันอีท่าไหน…..
“บอลอนุทิน” กลิ้งไปเข้าประตูใจประชาชน ต่างยกคุณอนุทินขึ้นไปจ่อในตำแหน่ง
“นายกฯ คนต่อไป” ในอนาคต!
พรรคภูมิใจไทย เลยกลายเป็น “ศาลพระภูมิ” ที่นักการเมืองต่างพรรคมาเซ่นวักตั๊กแตน ถวายตัวเป็น “พ่อรำ-นางรำ” ประจำศาลกันคึ่ก
ผมก็ว่า “คุณอนุทิน” กับตำแหน่ง “นายกฯ” ไม่ใช่สิ่งเกินเลยที่จะเป็นไปไม่ได้ในปัจจุบันและอนาคต
สังเกตมาตลอด ก่อนเลือกตั้ง ปี ๖๒ กับเลือกตั้งได้เป็นรัฐมนตรีปีแรกๆ อนุทินวันนั้น กับอนุทินวันนี้
“คนละคน” กันเลย!
ตอนนั้น ยังดิบ ออกจะห่าม ด้วยซ้ำ
แต่ ๒ ปีหลังจนถึงวันนี้ ไม่น่าเชื่อ คุณอนุทินเป็น “ผลไม้บ่มสุก” ตามธรรมชาติ ผิวนอกสวย เนื้อในก็ หอม-หวาน รสอร่อย ถูกปาก-ถูกคอประชาชน
“ธรรมชาติ” ที่บ่มคุณอนุทินให้สุกเป็นผู้ใหญ่ สมตำแหน่ง สมวัย สมฐานะ คืออะไร…รู้มั้ย?
เหี้ยม โหด มัน ฮา หน้าไหว้-หลังหลอก กลอกกลิ้ง ไว้ใจใครไม่ได้ ในหมู่การเมือง นี้ธรรมชาติ ที่เรียก “ประสบการณ์”
ประสบการณ์ที่ทำให้คุณอนุทินได้รู้จักคนในชีวิตจริง คิด-ใคร่ครวญ จนทะลุมิติ “จิตจักรวาล” ของสัตว์การเมือง!
เมื่อก่อนนี้น่ะเรอะ มึงด่ากูคำ กูสวนกลับ ๑๐ คำ
มึงต่อยหน้ากูที กูต่อยกลับ ๑๐ ที กระทืบแถมอีกที
แต่เดี๋ยวนี้…….
จากคุณหนูอนุทิน ที่ทุกคนต้องเอาใจและพูดให้ถูกหู
กลายเป็น “ผู้หลัก-ผู้ใหญ่” ที่น่านับถือในวุฒิภาวะ
ขัดใจได้ ด่าได้ ใครชวนทะเลาะ ก็ไม่ทะเลาะด้วย ใครนักเลง ก็ยกมือไหว้ เรียกพี่…เรียกอา
คือไม่เป็นศัตรูกับใคร (ทางสาธารณะ) เดินการเมืองในเส้นทางสมานฉันท์-มิตรไมตรี
จากอนุทิน “เลือดร้อนจอมบู๊”
ทุกวันนี้ เป็นอนุทิน “จอมดาบหิมะ” ไม่บู๊ ไม่สู้ แต่เชือดแบบ “เย็นยะเยือก” เยี่ยงผู้ใหญ่!
ไม่มีงานไหนง่ายสำหรับคุณอนุทินเลย แต่ละเรื่องที่ต้องทำ ล้วน “รากเลือด” กว่าจะสำเร็จ ในทุกเรื่อง
ทั้งเรื่องโควิด เรื่องจัดหาวัคซีน เรื่องบริหารบุคลากรเพื่อเข้าถึงประชาชนเพื่อสาธารณสุขทั่วทั้งประเทศ
แล้วมาเรื่อง “กัญชง-กัญชา” การทำให้พ้นคำว่า “ยาเสพติด” เป็นพืชสมุนไพร เพื่อการวิจัยทางยา ใช้ทางการแพทย์
“เข็นครกขึ้นภูเขา” ว่ายากแล้ว
แต่นี่เท่ากับ “ยกภูเขาทั้งลูกใส่ครก” มันยากกว่า ชนิดไม่มีทางทำได้
เพราะตลาดยา คือขุมทองที่ “บริษัทยายักษ์ใหญ่” โลก ใช้กลไกองค์กรโลกตีตราเป็น”ยาเสพติด” ใส่ตุ่ม-ฝังดินไว้มาเกือบศตวรรษแล้ว
แต่คุณอนุทิน ในฐานะรมว.สาธารณสุข “ทำได้”!
แค่นำ “กัญชา-กัญชง” พ้นจากบัญชียาเสพติด แค่นี้ ถือว่า เป็นความสำเร็จ ระดับเปิดหน้า “เหมืองทองคำ” ประเทศ ขนาดนั้นเลย
รางวัลที่ได้รับ จึงเป็น “รางวัลประเภทสอง” ไง
คือ อิจฉา-ริษยา และการเตะตัดขา ในหมู่พรรค-นักเลือกตั้ง ด้วยกัน!
เพราะอย่างนั้น “พรบ.กัญชา-กัญชง” เพื่อควบคุมการนำไปใช้ที่ต้องมี ทั้งที่ผ่านสภาวาระแรกแล้ว
พอถึงวาระสอง ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ทั้งที่ยกมือผ่านวาระมาด้วยกัน กลับไปกินยา “ตราหมอจู้จี้” ซะงั้น
สารพัดอ้างเหตุเกี่ยงงอน ….
จะไม่ให้ผ่านก็ไม่ว่า หนักกว่านั้น จะให้ถอยหลังลงรู
นำกัญชากลับไปอยู่ในบัญชี “ยาเสพติด” ร้ายแรงอีก!
นี่เห็น “ราชกิจจานุเบกษา” ประกาศ”(๒๓ พย.๖๕)
ปรับปรุงกฎกระทรวง “เรื่องควบคุมการนำกัญชา” เฉพาะส่วน ไปใช้ให้รัดกุมขึ้นแล้ว ก็ไม่รู้ว่า พรบ.ที่จะเข้าสภาต้นธันวา.เขาจะเอาไงกัน
ผมก็เพียงยกตัวอย่างให้เห็น ว่าทุกงาน “ล้วนหิน”
แต่คุณอนุทินใช้ความแหลมคมบนวุฒิภาวะนักการเมืองมีชั้น ค่อยๆ แก้เกม
“ปะทะ” แต่ไม่ให้เรื่อง “ปะทุ”
ก็อยากบอกคุณอนุทินว่า “พูดแล้วทำ” เรื่องกัญชา มันเป็นเกม ระหว่าง “ท่านกับประชาชน”
ขณะนี้ มันบรรลุ “ตามสัญญา” แล้ว
ที่เหลือ คือ “พรบ.ควบคุมการใช้” จะ “ผ่าน-ไม่ผ่าน” ในวาระ ๒ มันกลายเป็นเกมเดิมพัน ระหว่าง “พรรค” ที่จะคว่ำ กับ “ประชาชน” ไปแล้ว!
แต่อื่นใดทั้งหมด ที่เป็น “จุดเด่น” ได้ใจชาวบ้าน คือ
คุณอนุทิน “แยกดี-แยกเลว” กับคนร่วมงานได้
ขณะที่ “ลุงตู่” ขาลง …….
แต่ “คุณอนุทิน” กลับ “ผูกขาติด” กับลุงตู่ ในขณะที่บางคน-บางพรรค เริ่มชิ่งหนี
“นักเลง” การเมืองอย่างนี้ “หายาก”!
เปลว สีเงิน
๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๕