เปลว สีเงิน
การเมือง “เรื่องพรรค” เวลานี้
ก็เหมือนเด็กๆ ไม่เคยสนใจอะไร นอกจากเล่นเจี๊ยวจ๊าว สนุกไปวันๆ ตามหลังวัด กับแบมือขอ
ในขณะที่…..
ผู้ใหญ่ ก้มหน้า-ก้มตา คร่ำเคร่ง สร้างฐานะครอบครัว คือบ้านเมือง ให้เข้มแขง มีอยู่-มีกิน
เห็นแล้ว ก็น่าเหนื่อยหน่ายนะ สำหรับคนมีความคิดและมุมมองในทางสร้างชาติ
อีก ๕-๖ วัน การประชุม APEC ที่ปีนี้ไทยเป็นเจ้าภาพก็จะเริ่มขึ้นที่ “ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์”
มีผู้นำ ๒๑ เศรษฐกิจและแขกพิเศษที่นายกฯประเชิญมาอีก ๓ ประเทศ คือ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส, นายกฯ ซาอุดีอาระเบีย และ นายกฯ กัมพูชา เข้าร่วม
ตอนนี้ “คณะทำงาน” ของแต่ละผู้นำ ๒๑ เขตเศรษฐกิจ ทะยอยเดินทางเข้ามาล่วงหน้า พักอยู่ตามโรงแรมต่างๆ
ไม่ปาเข้าไป ๓-๔ พันคนแล้วเรอะนั่น?!
ถึงวันประชุม ทั้งนักข่าวทั่วโลก ทั้งคณะผู้นำทั้งหมด ไม่หนี “หมื่นคน” ที่อยู่ในกรุงเทพฯ
ที่ถามกันว่า “ประชุม APEC” ไทยได้อะไร คงไม่ต้องให้ผมลงรายละเอียดนะ
เอาแค่ “หมื่นคน” ที่เข้ามา ถามพ่อค้า-แม่ขายไส้กรอกอีสานปิ้งตามริมถนน เขาก็บอกได้
เห็นบางคน-บางสื่อ ใช้ความงั่ง กูจะหาเหตุด่ารัฐบาลให้ได้ ก็ตั้งประเด็นว่า “ได้คุ้มเสียมั้ยเนี่ย กับการทำให้รถติด”?
รถติด เดี๋ยวก็หาย พี่เอ้ย…..
แต่ “ติดสันดานแซะ” นี่ซี มันหายยาก!
บ้านเมืองไทยตอนนี้ สนามบินสุวรรณภูมิ “ขาเข้า” นักท่องเที่ยวไหลเข้ามาแทบจะเหยียบกันตาย
ในรอบครึ่งเดือน เงินนอกทะลักเข้ามาซื้อทั้งพันธบัตรทั้งหุ้นในไทย รวมแล้วกว่าแสนล้าน
บวกกับดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า ทำให้เงินบาทไทยแข็งในรอบ ๓ เดือนที่ ๓๖ บาท
เพราะอะไร ต่างชาติถึงนำเงินเข้ามาลงทุนในไทย?
หลักเศรษฐศาสตร์ ป.๔ บอกว่า……..
สะท้อนถึงต่างชาติมั่นใจในเสถียรภาพ, ศักยภาพประเทศ-เศรษฐกิจไทย ง่ายๆ แค่นี้แหละ ไม่ต้องคิดมาก
แล้วใครล่ะ บริหารประเทศให้ชาวโลกเชื่อมั่นได้ขนาดนี้?
ใครรู้ ช่วยไปบอกพวกพรรครกชาติ และพวกอาจารย์สายชังชาติเขาหน่อยนะ
ตกลงแน่นอนแล้วว่า ประชุม APEC ๑๗-๑๘-๑๙ พฤศจิกา.นี้ ประธานาธิบดีสหรัฐ “โจ ไบเดน” ไม่มา
มอบให้ “นางกมลา แฮร์ริส” รองประธานาธิบดีมาแทน
ทางรัสเซีย “ประธานาธิบดีปูติน” ก็ไม่สะดวกที่จะเดินทางมาร่วมประชุมทั้ง G 20 ที่อินโดนีเซีย และ APEC ที่กรุงเทพฯ
G 20 ที่บาหลี มอบให้รัฐมนตรีต่างประเทศ “Sergey Lavrov” เป็นตัวแทน
APEC ที่ไทย มอบรองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง “Andrei Belousov” นำคณะเดินทางมาร่วมประชุมแทน
สำหรับประธานาธิบดีปูติน การที่ท่านมาร่วมประชุมไม่ได้นั้น นับเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าใจในเหตุผลได้
ส่วนประธานาธิบดีจีน “สี จิ้น ผิง” แน่นอนแล้ว
จบประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G 20 ที่อินโดฯ ท่านจะเดินทางมาร่วมประชุม APEC ที่ไทย
ไหนๆ เอ่ยถึงรัสเซียกับจีน….
ก็อยากบอกให้ทราบทั่วกัน เพราะเรื่องนี้ นับเป็นก้าวย่างสำคัญของไทย ในการเข้าร่วม “สังคมโลกใหม่”
ด้านเศรษฐกิจ-การค้า (การเมืองไม่เกี่ยว) ที่มีนัยสำคัญต่ออนาคตประเทศยิ่งยวด
จำกันได้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ…….
เมื่อ ๖ เดือนก่อน “มิย.๖๕” ในการประชุมระหว่างกลุ่ม BRICS ที่จีนเป็นเจ้าภาพ ประธานาธิบดี “สี จิ้น ผิง” ได้เชิญไทยเข้าร่วมประชุมด้วย
“พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” กล่าวขอบคุณพร้อมข้อเสนอผ่านวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ ต่อที่ประชุม ๕ เสือ “กลุ่ม BRICS” ในวันนั้น ประกอบด้วย
รัสเซีย-ประธานาบดีปูติน, จีน-ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง, บราซิล-ประธานาธิบดีราซิฌาอีร์ โบลโซนารู,
อินเดีย-นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมที และ แอฟริกาใต้-ประธานาธิบดี ไซริล รามาโฟซา
๕ ประเทศ ประชากรคิดหยาบๆ เกือบครึ่งโลก มี GDP รวม ๑ ใน ๔ ของโลก และมีตัวเลขการค้า คิดเป็นสัดส่วน ๑๖% ของการค้าโลก
สหรัฐฯ-ยุโรป มีกลุ่ม G 7
กลุ่ม BRICS นี่แหละ จะขึ้นทาบรัสมี G 7!
ตอนนี้ ช่วงโลกเปลี่ยนขั้ว ความเคลื่อนไหวที่เราต้องรู้ คือ…..
“รัสเซีย” ประกาศรายชื่อ ๑๒ ประเทศ ที่ได้รับเชิญให้สมัครเข้าร่วมกลุ่ม BRICS เพิ่มเติมจาก ๕ สมาชิกร่วมก่อตั้ง รัสเซีย, จีน, อินเดีย,บราซิล และแอฟริกาใต้ แล้ว
ไทยเป็น ๑ ใน ๑๒ ประเทศ ที่ได้รับเชิญ!
๑๒ ประเทศ ก็ประกอบด้วย อียิปต์, ซาอุดิอาระเบีย,
ตุรเคีย, อัลจีเรีย, อัฟกานิสถาน, คาซัคสถาน
นิคารากัว, ไนจีเรีย, เซเนกัล, ยูไนเต็ดอาหรับเอมิเรตส์, อินโดนีเซีย และ ไทย
กลุ่ม BRICS+ นี้…..
ประชากรรวมกันไม่น้อยกว่า ๕๐% ของจำนวนประชากรโลกทั้งหมด
จะควบคุมแหล่งผลิตก๊าซประมาณ ๖๐% ของโลก
เป็นกลุ่มเศรษฐกิจที่มีสัดส่วน GDP รวมกันราว ๓๐%
เอาละ….
จบเรื่องสาระควรรู้ ก็มาเรื่องไม่เป็นสาระแต่ควรรู้บ้าง
ช่วงนี้ นายประยุทธ์ไปประชุม “อาเซียน ซัมมิท” ที่พนมเปญ “พลเอกประวิตร” ทำหน้าที่นายกฯ แทน
“พลเอกประวิตร” นี่ ทำหน้าที่นายกฯ เมื่อใด เห็นชัดว่าท่านแข็งแรง กระฉับกระเฉง หน้าตาอิ่มเอิบ จากที่ถามอะไรก็…ไม่รู้..ไม่รู้
พออยู่ในบทนายกฯ ท่านรู้และให้สัมภาษณ์โต้ตอบนักข่าวได้เป็นคุ้ง-เป็นแควทันควัน แถมได้เนื้อ-ได้หนัง ซะด้วย
ถ้าผมเป็นพลเอกประวิตร สัมมนาพรรคพลังประชารัฐเมื่อวาน สมาชิกมากันพรึ่บ เหมือนดวงเดือน เคลื่อนไปทางไหน สส.ในพรรค ก็เป็นดาวล้อมเดือนตามไป
รัศมี “ว่าที่นายกฯ” ตัวจริง เจิดจ้ามาก!
นักข่าวก็มีอยู่ ๒ ประเด็นเท่านั้น ที่ต้องไล่ถาม คือเรื่อง สส.ย้ายไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ กับเรื่องนายกฯ ประยุทธ์จะยังอยู่พลังประชารัฐ………
หรือ “แยกกันตี” ปล่อยให้พี่ใหญ่ครองเมืองเกงจิ๋วแสดงบท “ว่าที่นายกฯ” ให้เต็มที่ ส่วนน้องเล็ก หลีกทางไปอยู่เมืองกังเหลง
เท่าที่ผมฟังลุงป้อมตอบนักข่าว จับได้ ๓ ประเด็น ก็หมดข้อข้องใจว่า เลือกตั้งปี ๖๖ ถ้าพลเอกประยุทธ์ไม่ตัดช่องน้อยแต่พอตัว
๙๐% ไปจำศีลอยู่เมืองกังเหลง คือรวมไทยสร้างชาติ
๑๐% ยังอยู่เมืองเกงจิ๋วกับลุงป้อม ที่พลังประชารัฐ
๓ ประเด็นที่เป็นกุญไขสู่คำสรุปนี้ ดอกแรก ก็มาจากคำตอบของลุงป้อม ที่นักข่าวถามว่า
“ครั้งหน้า จะเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคพปชร.หรือไม่?”
ลุงป้อมตอบว่า “ก็แล้วแต่สมาชิกพรรค”
คำว่า “แล้วแต่” ตามพจนานุกรมการเมือง แปลว่า อยากได้, อยากเป็น, อยากมี
กุญแจดอกที่สอง นักข่าวถามว่า “พลเอกประยุทธ์จะไปอยู่พรรคอื่น พูดคุยกันหรือยัง?”
ลุงป้อมตอบว่า………
“อันนี้ต้องไปถามตัวท่านนายกฯประยุทธ์ดูนะครับว่าท่านจะไปหรือไม่ไป ของเราไม่มีปัญหา”
คำว่า “ให้ไปถามเจ้าตัวเขาเอง” พจนานุกรมการเมือง ให้ความหมายว่า “ก็แล้วแต่มึง, เอาตามที่ชอบก็แล้วกัน, และ ฉันโนสน-โนแคร์
ดอกที่สาม-ดอกสุดท้าย ถ้าเป็นภาษาแทงสนุ้ก-แทงผี เขาเรียกว่า “แบเบอร์”
นักข่าวถาม “ถ้าลุงตู่ยังอยู่ การเป็น “ว่าที่นายกฯ” ของพรรค ต้องคุยให้ชัดเจนหรือไม่ว่า ใครจะอยู่อันดับไหน ระหว่าง ลุงตู่ กับ ลุงป้อม?”
ลุงป้อมตอบทันควัน….
“ความจริงลุงตู่ก็ไม่ได้อยู่ในพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว เพราะครั้งที่แล้วเสนอให้มาเป็น เราสนับสนุนให้ลุงตู่มาเป็น”
“จบข่าว”!
มันเป็น “ยุทธศาสตร์การทัพ” ของพี่ๆ น้องๆ เค้า แบเบอร์ขนาดนี้ ยังต้องไปเซ้าซี้ถามอีกหรือ?
ไปสนใจถามพรรคก้าวไกลดีกว่า ที่เขาบอกว่า จะเสนอให้ “ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” น่ะ
ให้รีบๆ เลย….
มาตรา ๑๕๘ ว่าด้วย “๘ ปีนายกฯ” นั่น
จะได้ฉีกทิ้ง “เขียนใหม่” ไงล่ะ!!!
เปลว สีเงิน
๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๕