การเมืองเรื่อง “กัญชา”-เปลว สีเงิน

www.plewseengern.com

เปลว สีเงิน

“กัญชา” นี่…..
เปลี่ยนชื่อเป็น “คิกคิก” หรือไม่ก็ “บานฉ่ำ” ซะเลยดีมั้ย?
จะได้เลิกเถียงกัน
ระหว่าง “ยาเสพติด” กับการเป็น “พืชสมุนไพร” ทางยาและทางเศรษฐกิจ!
น่าอายที่ “ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์” ร่วมรัฐบาลกันมาด้วยดี จู่ๆ ใกล้เลือกตั้ง กลับตบตีกันกลางตลาด อวดชาวบ้าน ชนิด “ต้องตายกันไปข้าง”

“กระท่อม-กัญชา” ภูมิใจไทย ขุดจากใต้ดิน พ้น “ยาเสพติด” ขึ้นมาเป็น “พืชสมุนไพรทางยา” บนดิน
สำเร็จไป “ครึ่งทาง”

ถึงตอนร่าง พรบ.กัญชา จะเข้าสภา ประชาธิปัตย์ “ประกาศคว่ำ” ชนิดเอาไงเอากัน!

“ฝ่ายค้าน” โดยเฉพาะ “เพื่อไทย” ต่างชอบใจ กับการเตะสะกัด “ดาวรุ่ง” ของประชาธิปัตย์

เพราะ “คุณอนุทิน ชาญวีรกูล” ภูมิใจไทย “มาแรง” ทั้งในอีสานและใต้ ด้วยคะแนนนิยม “พูดแล้วทำได้จริง”

โดยเฉพาะในเรื่อง “กัญชา-กระท่อม” พ้นยาเสพติด ถูกใจชาวตุ้งก่ามาก จนรัศมีนายกฯ “คนต่อไป” ในอนาคตจับ!

“ตุ้งก่า” คืออะไร รู้มั้ย?
ถ้าไม่รู้ไปหาวรรณคดีไทยเก่าๆ อ่าน หรือตามภาพฝาผนังวัด

ไม่งั้นไปซื้อหนังสือ “ปฎิวัติกัญชาสยาม” ที่เพื่อนผม “คุณนิพัทธ์พร เพ็งแก้ว” ค้นคว้าและรวบรวมบันทึกไว้ มาอ่านซะ

“กัญชา-กระท่อม” นี่ พูดไปก็ไม่ต่างอาหาร จะเป็นคุณหรือโทษ ขึ้นอยู่กับ “ความพอดี” ของผู้ใช้

อาหารนั้น ใช่ว่ากินแล้วไม่เกิดโรค ถ้าตะกละ-ตะกลามกินไม่เลือก กินตามใจชอบ กินตามอยากไม่รู้จักประมาณ และไม่คำนึงสังขารตัวเอง

อาหารก็เป็นโทษ เกิดโรค ถึงตายได้!
“กัญชา-กระท่อม” ก็ประมาณนั้น ถ้ารู้จักใช้ ใช้อย่างพอดี และใช้โดยรู้ว่าตัวเอง “ใช้ได้” หรือ “ไม่ได้” มันจะเป็นคุณมาก กว่าเป็นโทษ

แต่ถ้าใช้เพื่อการเสพติด ใช้โดยไม่ผ่านการแนะนำของแพทย์ มันก็อันตราย เกิดโรคได้
แต่ผมยังไม่เคยเห็นนะว่า เสพกัญชาแล้วตาย หรือไปอาละวาด เกะกะ-ระราน เที่ยวท้าตี-ท้าตายคนอื่น

เคยเห็นแต่ แค่จิ้งจกตกแป๊ะจากเพดาน ก็ตาลี-ตาลาน บอก…ไอ้เข้มากัดกู แล้วเถลือกไป คิกๆ อยู่มุมมณฑปวัด!
ชื่อ “ลุงเชย” จำได้ ………

ตอนผมเป็นเด็กวัด ชอบไปดูแกยำกัญชาก่อนใส่ตุ้งก่า คือ “บ้องกัญชา” นั่นแหละ แล้วจุดไม้ขีดแหย่ ดูด ซู๊ดดดๆๆๆ จนเสียงดังจ๊วบ ขี้ยาจากเงี่ยงบ้องหรือจ้าหลิ่มหล่นลงน้ำในบ้อง ลุงเชยก็เงยหน้าขึ้นแหงน

ปล่อยควันขาวๆ เป็นทางยาว ยังกะปล่องรถไฟไอน้ำตอนชักหวูด ปู๊นนนๆๆๆ ตางี้หวานเยิ้ม ยิ้มยำหัวเราะคิกๆ

เว้นแต่ ดื่มเหล้าแล้วไปเสพกัญชา….
ทีนี้แหละได้เรื่อง ทั้งยักษ์ ทั้งปรคนธรรพ์ คือหมอยา ตีกันในตัว ออกอาละวาด ตะโกนโหวกเหวก แบบคนบ้าผสมคนเมา กัดกะหมาก็เอา ไม่เป็นอันหลับ-อันนอน
ได้ประสบการณ์มาจาก “ลุงเชย” นั่นอีกเหมือนกัน แกเมาอาละวาดกลางดึก-กลางดื่น

ถึงขั้นไปขุดศพเด็กที่เขาเพิ่งฝังหน้าป่าช้า อุ้มมาที่พวกผม “เด็กวัด” นอน!!!

นี่ก็เล่าสนุกๆ แต่กัญชานี่ ใช่ว่าจะเสพได้ทุกคนนะ บางคนก็แพ้ อย่างผม ตอนหนุ่มคะนอง เอามายัดบุหรี่ แล้วสูบแบบ “กลืนควัน” แข่งใครจะเจ๋งกว่ากัน

ผมเมาคลาน ๘ ตีนเลย หัวหมุนคว้าง นอนแผ่ เห็นเพดานถล่มลงมาทับ ตะกายหนี จนเพื่อนๆ ต้องจับตัวไว้

๗ วัน ยังไม่หายปวดท้ายทอย จากนั้น “เข็ด” ไม่กล้าอีกเลย
แต่ถ้าแกงเนื้อ แกงไก่ หรือพริกตำใส่ก๋วยเตี๋ยวเนื้อผสมกัญชาละก็ แหกหม้อ-แหกไห ขอดชาม กินกันเลย มันเจริญอาหารและคอแห้งดีแท้!

สรุป มันอยู่ที่แต่ละคนนะ ที่ถูกโรคกับกัญชา ก็รักษาโรคให้เขาได้ ที่ไม่ถูกโรค เข้ากันไม่ได้เลยกับกัญชา

พวกเขาไปอังกฤษ ซื้อ “ชากัญชา” ชนิดซองๆ แช่น้ำร้อนดื่ม มาให้กล่องนึง แค่จิบ-สองจิบ มึนตึ๊บเลย

ให้คนอื่นเขาไป วันหลังเขามา ถาม…ยังมีอีกมั้ย ดื่มแล้วหลับปุ๋ย ฝันขึ้นไปเฝ้าพระอินทร์ ม้วนเดียวจบ สบาย!

เนี่ย….
มันก็อย่างนี้แหละ ผมเข้าใจทั้งภูมิใจไทย ที่พยายามผลักดันกัญชาขึ้นมาเป็นพืชสมุนไพรทางยา

เหมือนเปิดยันต์ปิดปากหม้อ “ปลดปล่อย” วิญญานแม่นาก ที่ถูกขังมาร่วมร้อยปีออกมา

ตรงนี้ต้อง “ขอบคุณ” ภูมิใจไทย ที่ได้สร้างคุณประโยชน์ เพื่อทางการแพทย์และการวิทยาศาสตร์, เคมี

จะได้นำกัญชา ซึ่งเป็น”พืชเศรษฐกิจ” อีกตัวหนึ่ง ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่ม นำเม็ดเงินเข้าประเทศ ทางการแพทย์และการเศรษฐกิจ
ผ่านการ “วิจัยและพัฒนา” ทางการยาและการแพทย์ ซึ่งสูญค่าไป กับคำว่า “ยาเสพติด” ตามอเมริกันสั่งมานมนาน

แต่จะไปต่อถึงขั้นนั้นได้หรือไม่….
เป็นหน้าที่ “กระทรวงสาธารณสุข” และนโยบายรัฐบาลต่อๆ ไป

คุณอนุทินก็ต้องเข้าใจ ช่วง “หัวเลี้ยว-หัวต่อ” มันมีวิบากต้องฟันฝ่าเป็นธรรมดา เพราะที่ฉวยโอกาสนำกัญชาไปใช้มั่วก็มาก
ที่ฉวยโอกาส “ค้านมั่ว” ก็มี!

ฉะนั้น “ภาครัฐ-ภาคเอกชน” ต้องแน่วแน่ ส่งเสริมกัญชาต่อยอดเข้ากระบวนการ “วิจัย-พัฒนา” ให้ต่อเนื่อง

อย่าทำแบบ “เอาใจรัฐมนตรี” คนนี้ พอเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาไม่เอา ก็ไม่เอาตามเขา
แล้วทิ้งกัญชาที่กว่าจะขุดขึ้นมาพ้นคำว่า “ยาเสพติด” ได้ก็แสนยากไปอย่างน่าเสียดาย

ที่ประชาธิปัตย์เขาต่อต้าน ลึกๆ ด้วยเจตนาอะไร ก็ไม่ใช่เจตนาผมจะไปขุดคุ้ย
แต่ประเด็นที่ยกมาต้าน….
แม้เป็นเหตุผล “ครอบจักรวาล” แต่กัญชาก็เป็นเหตุนำไปสู่ผลอย่างที่เขาว่าอยู่เหมือนกัน!

รัฐมนตรีอนุทินจะเข้าใจแบบไหน เป็นสิทธิ์ท่าน แต่ที่ผมจะบอกคือ มาถึงจุดนี้แล้ว ไม่ว่าร่าง “พรบ.กัญชา” จะผ่าน-ไม่ผ่าน

แต่ผลงานเรื่องกัญชาของภูมิใจไทย “ผ่านใจ” ประชาชนโดยเฉพาะกัญชาชน เต็มร้อยอยู่แล้ว

ตรงกันข้าม ฝ่าย “เตะตัดขา” คุณอนุทิน จะเป็นฝ่าย “ชาวบ้านข้องใจ” ซะด้วยซ้ำ!?

ที่ไม่ราบรื่น เพราะคุณอนุทินไม่ได้ “ไหว้ครู” และถวายเครื่องพลีกรรมกับ “พระปรคนธรรพ์” ครู…ผู้ชำนาญการปรุงโอสถซะละมั้ง?

ไม่ได้นะ “กัญชา” นี่ อย่าหมิ่นว่าต่ำศักดิ์เชียว ผมอ่านที่คุณนิพัทธ์พร ลูกสาวปราชญ์เมืองเพชร “อาจารย์ล้อม เพ็งแก้ว” ค้นคว้ามาเขียน

“กัญชา” มีคู่อยู่กับแผ่นดินไทย ก่อนแผ่นดินตรงนี้จะเป็นประเทศไทย ตั้ง ๕,๐๐๐ กว่าปี มีหลักฐานยืนยัน ที่บ้านเชียง อุดรธานี

ทุกรัชสมัย ทุกรัชกาล ปรากฏหลักฐาน ผ่านวรรณคดี ผ่านบันทึกฝาหนัง กัญชาคู่กับคนไทย ทั้งในทางยาและทางนันทนาการ ชนิดแยกจากกันไม่ได้

มาขาดตอนเอาตอน “ฝรั่งสั่ง” ให้เป็นยาเสพติดเมื่อไม่ถึงศตวรรษมานี้เอง

การทำพลีกรรม “พระปรคนธรรพ์” นี่ นอกจากเครื่องไหว้สังเวย ใบศรี หัวหมู เป็ด ไก่ แล้ว ๑ ใน ๑๐ อย่างต้องมี คือ “พานหมากใบจาก บุหรี่กัญชาหนึ่งพาน”!

นี่ เห็นมั้ย บันทึกถึงเครื่องใช้ในพิธีไหว้ครูและครอบโขนละคร ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ระบุไว้เลย

คุณอนุทิน ต้องตั้งเครื่องสังเวย นำบุหรี่กัญชาไปไหว้ครูผู้ชำนาญปรุงโอสถ “พระปรคนธรรพ์” ซะแล้วหละ

ศัตรูการเมืองจะได้ตาปรือ ยิ้มหวาน อารมณ์ดี เลิกกินยาตราหมอจู้จี้ หันมาพี้กัญชามั่ง

ห่วงเรื่องนำกัญชาไปใช้ทาง “นันทนาการ” นั้น ห่วงได้

แต่ผมอยากบอก….
ไปห่วง ไปกวดขัน เรื่องยาบ้า ยาไอซ์ ยาอี เหอะ นั่นเสพติดอันตราย ชนิดไร้ข้อสงสัย
จะต้องมาห่วงอะไรนักหนากับพวก “กัญชาชน” ขนาดมีกฎหมายห้ามมาร่วมร้อยปี เขาก็นันทนาการกันมาต่อเนื่องร่วมร้อยปี

ไม่เชื่อ ไปถามพวกนักร้อง นักดนตรีดูซี พี่แอ๊ดก็ได้!
เมากัญชาน่ะ “ยิ้มสวย”
แต่ถ้า “เมาแป้ง” ซวยทั้งขึ้น-ทั้งล่อง!

เปลว สีเงิน
๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

 

Written By
More from plew
“แอมเนสตี้” ปกป้องสิทธิใคร? – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน ไอ้พวกนี้….. มันรู้ว่าคนไทย “กลัวฝรั่ง” มันจึงใช้แบรนด์ ยูเอ็น มั่ง ฮิวแมนไรซ์ มั่ง แอมเนสตี้ มั่ง...
Read More
0 replies on “การเมืองเรื่อง “กัญชา”-เปลว สีเงิน”