จากกรณีที่ “ซูเปอร์โพล” ออกรายงานการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่น่าสนใจ ในเรื่อง ผู้นำการเมืองเหนือความขัดแย้งของสังคม โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีคะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง ร้อยละ 35.8 โดยให้เหตุผลว่า ไม่มีประวัติขัดแย้งกับใคร พูดน้อย ใครด่ามาถือเป็นข้อเตือนใจ
ซึ่งจะพบว่า “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนักการเมืองที่มีลักษณะเดินเกมการเมืองในลักษณะไม่ทะเลาะเบาะแว้งกับใคร มุ่งเน้นการทำงานที่เห็นผลเป็นรูปธรรม ให้เกียรติกับผู้ร่วมงานทุกคน อะไรโอนอ่อนได้ก็มักจะยอม อะไรที่ยอมไม่ได้ก็จะให้เหตุผล
“อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนักการเมืองที่มี คอนเนคชั่น มาก สามารถที่จะเชื่อมต่อได้ทุกกลุ่ม มีความคล่องตัว ทำให้ นักการเมืองของพรรคเพื่อไทย ก็ไหลมา พรรคพลังประชารัฐ ไหลเข้ามา ไม่เว้นแม้แต่นักการเมืองของพรรคอนาคตใหม่ ยังเข้ามาเติมเสียง ทำให้พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคการเมืองที่เติบโต จนทำให้เป็นที่สนใจของทุกคนในวงการเมืองในขณะนี้
“อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนักการเมือง ที่ไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร ไม่เคยพาใครไปทำอะไร “นอกวิถีทางประชาธิไตย
“อนุทิน ชาญวีรกูล” มานำพรรคภูมิใจไทย ใช้นโยบายเพื่อทำให้สังคมให้เกิดความ สงบ สันติ สามัคคี และ ปกป้องสถาบัน ไม่ต้องการให้ประเทศเกิดความสับสนวุ่นวาย นำเวลาอันมีค่าไปพัฒนาประเทศด้านต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจปากท้องประชาชน การพัฒนาด้านสาธารณสุข การวางโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไปสู่การเป็นฮับการขนส่ง เป็นมหาอำนาจด้านการขนส่งของของเอเชียอาคเนย์ และการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว ในช่วงพลิกฟื้นประเทศหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ประชาชนจะมีรายได้เพิ่มขึ้น
“อนุทิน ชาญวีรกูล” ผู้นำทางการเมืองเหนือความขัดแย้งของสังคม จึงเดินหน้าขับเคลื่อนทางการเมืองด้วยนโยบายต่างๆ ของพรรคภูมิใจไทย จึงเน้นไปท่ลักษณะเมืองสร้างสรรค์ ใช้นโยบายมานำเสนอ เมื่อมีโอกาสจะนำเสนอนโยบาย เพื่อรับแก้ปัญหาปากท้องประชาชนในทุกช่องทาง จนเป็นผลสำเร็จออกมา
