9 กุมภาพันธ์ 2566-สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะสมาชิกพรรค และประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พร้อมด้วยการนำของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ที่ขณะนี้จัดทัพขุนพลลงสนามเลือกตั้ง ซึ่งมีทั้งคนรุ่นใหญ่มากประสบการณ์ และคนรุ่นใหม่ไฟแรงมากความสามารถ และสำหรับดาวเด่นรุ่นใหม่ของพรรคที่อาสาเข้ามาเสริมทัพ และผ่านการคัดสรรกันแบบคุณภาพแล้ว มี 4 ดาวเด่นที่น่าสนใจคือ
มุ่งทำงานตอบโจทย์ประชาชน
“หมวย” อรัญญา มณีแจ่ม รุ่นใหม่ไฟแรง สวมเสื้อรวมไทยสร้างชาติ พร้อมลุยพื้นที่จตุจักร กทม.
“อรัญญา-ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต จตุจักร” เล่าว่า ได้ตัดสินใจเดินเข้ามาที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ด้วยความมุ่งมั่น หลังได้พูดคุยกับ
นายพีระพันธุ์ หัวหน้าพรรค เมื่อพูดคุยกันแล้วมีทัศนคติที่ตรงกัน ทำให้ตัดสินใจร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติฯ และหากมีโอกาสได้เข้ามาทำงาน ทำหน้าที่เป็นส.ส.ของประชาชน สิ่งที่อยากผลักดันคือการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ทั้งเรื่องน้ำ ไฟ ที่อยากให้ประชาชนได้ใช้ฟรี โดยเรื่องน้ำอยากผลักดันให้มีการผลิตบ่อบาดาลในชุมชน ส่วนไฟฟ้าจะสนับสนุนการใช้โซล่าเซลล์ให้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้จะผลักดันเรื่องการเลิกสัมปทานน้ำมัน ต้องไม่มีการผูกขาด เนื่องจากปัจจุบันน้ำมันมีราคาแพงและประชาชนเดือดร้อนจริง
ทั้งนี้ เรายังคงลงพื้นที่พบปะประชาชนในพื้นที่ เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนและปัญหาต่างๆ ซึ่งในพื้นที่จตุจักรเรามีความคุ้นเคย อยู่พื้นที่แห่งนี้ มานานกว่า 20 ปี และพบว่าประชาชนยังอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อ เพราะความดี ความซื่อสัตย์ สุจริต และประชาชนได้รับอานิสงส์จากโครงการช่วยเหลือของรัฐบาลในหลายๆโครงการ เช่น โครงการคนละครึ่ง บัตรสวัสดิการรัฐ ยังถูกพูดถึงว่าจับต้องได้ ซึ่งตอนนี้เราก็ลุยเก็บข้อมูลต่างๆของประชาชนในพื้นที่ ปัญหาความเดือดร้อนทั้งหมดเราจะรวบรวมเพื่อเตรียมทำเป็นนโยบายของกทม. ให้ตอบโจทย์ของพี่น้องประชาชนมากที่สุด
ส่วนกระแสตอบรับของตัวเราเองก็ถือว่าไม่หนักใจอะไร เราจะใช้ความรู้ ความสามารถ และความเป็นคนรุ่นใหม่ของเราในการพัฒนาพื้นที่ให้ดีที่สุด หากได้มาทำงานรับใช้ประชาชนจะดูแล รับเรื่อง รับฟังปัญหาต่างๆ ประสานงานส่งถึงรัฐบาลโดยตรง และจะทำในทันที
รุ่นใหม่บ้าน “แก้วพิจิตร-นครปฐม”
“ปั้น” ณัทกร แก้วพิจิตร รุ่นใหม่บ้านใหญ่ “แก้วพิจิตร-นครปฐม” พร้อมชิงเขต 1 นครปฐม
“ณัทกร” เล่าถึงเส้นทางการเมืองว่า ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก และได้มีโอกาสติดตามสมาชิกในครอบครัวที่เป็นนักการเมืองทั้งสิ้นลงพื้นที่ จึงมีความชอบงานการเมือง เห็นคนในครอบครัวช่วยเหลือประชาชน ใครเดือดร้อนก็จะเอื้อมมือเข้าไปช่วย เราได้รับการสอนว่า ทุกอย่างให้มองให้ถึงปัญหา มองให้ถึงจุดแรกของปัญหาว่าเกิดจากอะไร ไม่ใช่มามองที่จุดสุดท้าย ครอบครัวสอนเรามาตลอด เวลาติดตามลงพื้นที่ไปรับฟังปัญหาก็จะจดกลับมา เพื่อนำมาวางแผนและค่อยๆแก้ไขให้ชาวบ้าน
“สำหรับเรื่องที่อยากผลักดันเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน คือการแก้ปัญหาเรื่องปุ๋ยที่ยังมีราคาแพง และการเลี้ยงสัตว์ที่เกิดโรคระบาดติดต่อ เนื่องจากเป็นความเดือดร้อนของชาวบ้าน และจากการได้สำรวจพื้นที่มีสิ่งที่ต้องทำคือเรื่องถนน ไฟ กล้องวงจรปิด และจากการรับฟังปัญหายังพบเรื่องการเปิดปิดประตูระบายน้ำช่วงฤดูฝนที่ไม่ค่อยดี ทำให้กระทบต่อเกษตรกรที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ผมเด็กรุ่นใหม่จะใช้วิวัฒนาการใหม่ๆที่ได้รับจากการเรียน การสอน และรับรู้มา บวกกับสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆที่ตอนนี้ผู้คนส่วนใหญ่ในประเทศใช้สื่อออนไลน์และข้อมูลต่างๆ เอามาพัฒนาเพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและมีความสุข”
ส่วนเสียงตอบรับของประชาชนในพื้นที่ ก็มีคนถามว่าทำไมถึงเลือกมาอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ นั่นก็เพราะเชื่อมั่นในหัวหน้าพรรค นายพีระพันธุ์ และที่สำคัญพรรคยึดถือสถาบันหลัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นี่คือประเด็นสำคัญที่เราเลือกมาพรรคนี้ และไม่มีอะไรต้องกังวล การเลือกตั้งจะได้หรือไม่ เราทำเต็มที่ ถึงไม่ได้มีตำแหน่งแต่ก็ยังติดตามครอบครัวไปทำงานเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนต่อไปเหมือนเดิม
พร้อมสร้างสังคมเท่าเทียม
“นัท” ดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย รุ่นใหม่พร้อมชิงสนามเลือกตั้งระนอง เขต 1
“ดนัยณัฏฐ์” ระบุว่า พื้นเพเป็นชาวระนอง ที่ตัดสินใจมาพรรคนี้เนื่องจากคำว่า “การสร้างสังคมเท่าเทียม” และชอบหัวหน้าพรรคซึ่งเป็นนักกฎหมาย เพราะกฎหมายเป็นกติกาส่วนรวมของการใช้ชีวิตของคนในสังคม เพราะฉะนั้นกฎหมายมีบางตัวที่ต้องได้รับการแก้ไข กฎหมายจึงสำคัญที่สุด เราชอบตรงนี้และตัดสินใจเข้าร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ และส่วนตัวได้ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับด้านกฎหมายของศุลกากร จึงเป็นที่มาว่ารู้สึกว่ากฎหมายบ้านเรามันไม่ปัจจุบัน มันทำให้เราไม่สามารถทำการค้าให้ดีขึ้น ทำการค้าได้ดีกว่านี้ มันติดล็อกหลายๆอย่าง จึงเป็นเหตุผลที่มาที่นี่
“และสิ่งที่อยากทำอันดับแรกคือทำเรื่องของกฎหมาย ที่หัวหน้าพรรคเคยพูดไปแล้วว่าเป็นสิ่งที่ทำให้สังคมอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีปัญหา ผมอยากให้ทำกฎหมายเกี่ยวกับทางด้านธุรกิจ ไม่ว่าจะกฎหมายทางด้านสรรพากร กฎหมายด้านศุลกากร เพื่อที่จะเป็นข้อดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาทำงานได้โดยที่ได้รับการอำนวยความสะดวกไม่ติดล็อกกฎหมายเก่าๆ ในฐานะคนรุ่นใหม่ผมคิดว่าจะนำความรู้ความสามารถที่มีมาประยุกษ์ใช้ในการทำงานได้ดี และมองว่ามุมมองของคนรุ่นใหม่จะสามารถนำมาปรับจูนใช้กับของเก่าได้ มันสามารถใช้ประโยชน์ได้ระหว่างรุ่นใหม่กับคนที่มีประสบการณ์ ที่มีการผสมผสานกัน”
ส่วนเรื่องของการทำพื้นที่ประชาชนรู้จักเราในระดับที่ดีพอสมควร กระแสตอบรับดี และยังมีปัจจัยที่ พล.อ.ประยุทธ์ มาร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติด้วย ยิ่งทำให้เป็นผลบวกเข้าไปอีก ทั้งนี้ไม่มีความกังวลหรือหนักใจเรื่องใด มีความพร้อมที่จะมาทำงานตรงนี้ และการทำงานในฐานะที่เราเป็นคนรุ่นใหม่ ก็ได้รับการแนะนำจากผู้ใหญ่ในพรรคเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องการลงพื้นที่ การสร้างกระแสในพื้นที่จะต้องทำอย่างไร รวมถึงเรื่องการวางตัวที่เหมาะสม อยู่พรรคนี้สบายใจมาก พรรคให้เกียรติเรา เราก็ให้เกียรติพรรค เราเข้ามาสังกัดพรรคนี้ทำงานเต็มที่ เพื่อเป็นหนึ่งเสียงที่ทำประโยชน์ให้กับพรรคได้ในอนาคต
เลือดใหม่การเมือง สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
“หมัด” อะห์หมัด บอสตา ซึ่งมีประสบการณ์การเมือง เคยเป็นอดีตนักการเมืองท้องถิ่นมาก่อน
คือเป็นอดีต สจ.ยะลา ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศ อีกหนึ่งคนรุ่นใหม่ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.เขต จังหวัดยะลา เล่าถึงเหตุผลที่ตัดสินใจหันเข้าสู่
สนามการเมืองใหญ่ และเลือกเข้าสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า พรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคใหม่ ผู้ใหญ่ในพรรคเป็นคนที่มีคุณภาพ เป็นนักการเมืองที่ทุกคนยอมรับ อย่าง นายพีระพันธุ์ เป็นคนที่ทุกพรรคการเมืองยอมรับ ไม่เคยมีปัญหากับใคร เป็นนักการเมืองน้ำดี และเป็นกันเอง ทำให้ตั้งแต่วันแรกที่เราได้เข้าพรรครู้สึกแฮปปี้ อบอุ่น และที่เลือกพรรคนี้เพราะเชิดชูสถาบัน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ต้องมาอันดับหนึ่ง นั่นคือจุดแรกที่ทำให้ตัดสินใจ
นอกจากนี้เราเองก็เล่นการเมืองอยู่แล้วในระดับท้องถิ่นระดับจังหวัด ซึ่งสามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้พอประมาณ ไม่เหมือนกับสนามระดับชาติที่เราสามารถทำอะไรได้หลายๆอย่าง ถ้าเราได้เข้ามาเป็นส.ส.ก็จะสามารถสะท้อนปัญหาในพื้นที่ของชาวบ้านและนำงบประมาณลงมาช่วยเหลือให้ชีวิตชาวบ้านดีขึ้นกว่าเดิม เราเป็นคนรุ่นใหม่ บอกตรงๆว่าชาวบ้านอยากได้คนที่เขาจะเลือก ต้องเป็นคนที่จับต้องได้ และต้องมีผลงาน ตรงนี้ที่เราต้องทำ คำว่าผู้แทนฯต้องทำให้ได้ ประชาชนเขาไม่ได้ต้องการอะไรจากผู้แทนฯ นอกจากเวลามีปัญหาเขาอยากเจอ เราต้องไปเจอเขาได้ และผลงานเราต้องสามารถพัฒนาพื้นที่ ปัญหาอะไรที่เราสามารถดำเนินการแก้ไขให้ได้ เราต้องทำเลย
“สำหรับกระแสของเราในตอนนี้ถือว่าโอเค เรามุ่งทำงาน มุ่งลงพื้นที่ทุกวันมา 6 เดือนแล้ว ลงไปถึงรากหญ้าให้เขาสัมผัสเราได้มากที่สุดถึงจะชนะใจเขาได้ ส่วนกระแสของพรรคก็ดีเช่นกัน ชาวบ้านชอบลุงตู่ ซึ่งตั้งแต่สถานการณ์โควิด19 ชาวบ้านได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาลเขายังจดจำได้ อีกทั้งพรรครวมไทยสร้างชาติที่เป็นพรรคใหม่ไม่มีจุดด่างเสียยิ่งทำให้กระแสดีมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสุดท้ายแล้วก็อยู่ที่ผลการเลือกตั้งด้วยเช่นกัน”