สันต์ สะตอแมน
ผ่านพ้นไปแล้วท่ามกลางความอิ่มเอิบ-สุขใจ..
ใช่..ผมกำลังพูดถึงกิจกรรม “One man and the river หนึ่งคนว่าย หลายคนให้” ของนักร้อง-นักแสดง คุณโตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ เมื่อวันเสาร์-22 ต.ค.ที่ผ่านมาน่ะ!
ทั้งฝั่งไทย-ทั้งฝั่งลาว ผู้คนนับพันๆ มาคอยให้กำลังใจ ส่งเสียงเชียร์กันอย่างอึกทึกคึกคัก เห็นข่าว-ภาพแล้วก็พลอยให้ปลื้มปีติ-ยินดีกับศรัทธา มุ่งมั่น-ตั้งใจของคุณโตโน่..
เพื่อระดมทุนจัดหาอุปกรณ์การแพทย์มอบให้กับโรงพยาบาลนครพนม ประเทศไทย และโรงพยาบาลแขวงคำม่วน สปป.ลาว นัยว่าได้รับเงินบริจาคจากผู้มีใจเป็นกุศลไปกว่า 65 ล้านบาท!
ว่ายน้ำข้ามโขงไปกลับไทย-ลาว รับบริจาคเงินเพื่อการกุศล กับ “เตะคน” แล้วเปิดบัญชีรับบริจาคเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง..ชอบ “ฮีโร่” แบบไหนเลือกได้ ประเทศกูมี!
อ้อ..แล้วที่เฟซบุ๊ก “ตุ๊ดส์review” ของนายธนบัตร ชายด่าน นักเขียนอิสระ และอาจารย์พิเศษ ด้านสื่อสารการตลาด โพสต์ก่อนคุณโตโน่กระโดดลงน้ำว่า..
“มี comment หนึ่งในเพจที่พูดถึงโตโน่ อ่านแล้วหน้าชาอย่างมาก ข้อความว่า “อยากช่วยหมอช่วยพยาบาลจริงๆ แนะนำให้ไปเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขึ้นเข้าเวรจาก 240 บาท
ให้เหมาะกับภาระงานแล้วก็ค่า OT 600 บาท ให้มันเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันจะดูมีประโยชน์กว่านะคะ
ค่าเครื่องมือทางการแพทย์ที่รับบริจาคมาให้ มันไม่ใช่หน้าที่ของคุณค่ะ ออกมาดูความเป็นจริงบ้างนะคะ เห็นบอกว่าจะทำเพื่อหมอเพื่อพยาบาล นี่แหละหนทางที่พยาบาลอย่างเราคิดว่าจะเหมาะสมนะคะ
ทำงานมากกว่า 10 ปีแล้ว ค่าพวกนี้ไม่ขึ้นเลย แต่ค่าอย่างอื่นขึ้นเอาขึ้นเอา ตื่นนะคะตื่น มันไม่ได้ทำให้คุณดูดีขึ้นหรอกค่ะ มันดูไร้สาระมากกว่ามาสัมผัสกับคนหน้างานแล้วคุณจะรู้ค่ะ ว่าควรทำยังไง”
comment หนึ่งที่ดีมาก ในประเด็นการว่ายน้ำข้ามโขงของ #โตโน่ มาจากคุณพยาบาลท่านหนึ่งที่วอนให้โตโน่ใช้กระบอกเสียงของตัวเองเรียกร้องคุณภาพชีวิตให้คนทำงาน
ที่น่าจะมีประโยชน์การไปขอรับบริจาคคนทั่วประเทศ แต่คุณภาพชีวิตคนทำงานตกต่ำมาเป็น 10 ปี
ความเป็นจริง การเป็นคนดัง ทำอะไรได้มากกว่านี้ ให้ประโยชน์กับสังคมได้มากกว่านี้ แต่สิ่งที่คุณเลือกทำ ไม่ได้สร้างคุณค่าอะไรที่ยั่งยืนให้สังคมและประเทศชาติเลย
จึงมีกระแสจากคนที่ไม่เห็นด้วย และคัดค้านกิจกรรมของคุณมากมาย มาหลายวันติดต่อกันทางสังคมออนไลน์ โตโน่ ไม่ฟังเสียงสังคม ยังคงเชื่อว่าตนทำในสิ่งที่ถูกต้องต่อไป
วิธีที่ฉลาดที่สุดในการช่วยเหลือใครสักคน คือ การเข้าไปคลุกคลีกับคนหน้างานจริงๆ แล้วถามว่าเขาต้องการอะไร แล้ว support ในสิ่งที่เขาขาด ตามกำลัง ในบทบาทหน้าที่ของคุณ
ไม่ใช่คิดเอาเองว่าเขาต้องการ ในสิ่งที่คุณยัดเยียดให้กับเขา และเป็นสิ่งที่ “รัฐ” ต้องทำงาน มันไม่ใช่หน้าที่ของคุณนะ”
อ่านแล้ว..ก็อยากจะบอกกับพยาบาลท่านนี้ว่า คุณโตโน่เป็นนักร้อง-นักแสดงไม่มีหน้าที่ไปเรียกร้องขอขึ้นค่าเวร-ค่ากรรมให้กับหมอ-พยาบาลหรอกนะ!
เรื่องค่าตัว เอ๊ยค่าเวรนั่นน่ะ หมอ-พยาบาลคงต้องเรียกร้อง-ดิ้นรนด้วยตัวเองแล้วล่ะ และถ้ารู้สึกว่า ทำงานมากว่า 10 ปีแล้วไม่มีความสุขกับค่าตอบแทน..
จะทู่ซี้ทนอยู่ทำไม หันไปทำอาชีพอื่นเถอะ และที่คอมเมนท์ก็ไม่ได้ทำให้ตัวคุณพยาบาลท่านนี้ดูดีขึ้นมาเช่นกัน..ตื่นนะครับตื่น แล้วรีบไปเข้าเวรซะ ไป๊!
ส่วน “ตุ๊ดส์review” ก็ไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะเป็นถึงอาจง-อาจารย์ เป็นนักเขียน แค่จะบอกเพียงว่า ที่คุณพูด (เขียน) มา..
“วิธีที่ฉลาดที่สุดในการช่วยเหลือใครสักคน คือ การเข้าไปคลุกคลีกับคนหน้างานจริงๆ แล้วถามว่าเขาต้องการอะไร แล้ว support ในสิ่งที่เขาขาด ตามกำลัง ในบทบาทหน้าที่ของคุณ”
ก็..คุณโตโน่ฉลาดไง เขาถึงได้เลือกทำ ในสิ่งที่เขาคิดว่าเขาทำได้ ตามบทบาท-หน้าที่และกำลังที่เขามี และแม้จะไม่ได้สร้างคุณค่ายั่งยืนให้สังคมและประเทศชาติ แต่..
เงิน 65 ล้านบาท ก็มีค่าสำหรับทั้งสองโรงพยาบาล..นะจ๊ะวิ!