ผักกาดหอม
เอาซะหน่อย ไม่เขียนถึงเดี๋ยวจะตกเทรนด์
งานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ ๒๗ เปิดแล้วนะครับ ตั้งแต่วันที่ ๑๒-๒๓ ตุลาคม ย้ายกลับมาจัดยังศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เหมือนเดิม
วานนี้ (๑๓ ตุลาคม) เปิดตัวหนังสือ Thaksin Shinawatra Theory and Thought (ทักษิณ ชินวัตร หลักการและความคิด)
บอกเล่าแต่ละช่วงเวลาของ “ทักษิณ ชินวัตร”
ตั้งแต่เรื่องราวความผูกพันในครอบครัว ภรรยา ลูก และหลาน
ช่วงตั้งแต่เป็นนักธุรกิจ
ช่วงก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ได้รับชัยชนะจนได้เป็นนายกฯ
ช่วงเวลารัฐประหาร นโยบาย มุมมองทางเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี และเรื่องอื่นๆ ผ่านบทสัมภาษณ์ ลูกๆ ทั้ง ๓ คน พานทองแท้ พินทองทา และแพทองธาร สะท้อนมุมมองที่มีต่อพ่อ
ที่น่าสนใจ ในหนังสือเล่มนี้ยังเปิดบทสัมภาษณ์ครั้งแรกของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยาทางนิตินัยของ “ทักษิณ” อีกด้วย
โฟกัสของหนังสืออยู่ที่ “อุ๊งอิ๊ง”
“…เรารู้ว่ากระบวนการยุติธรรมมันชอบฉีกกฎหมายเล่น ถึงเวลาแพ้ก็ล้มเกมซะเลย อย่างวันที่รัฐประหาร ถามว่าเศรษฐกิจเราแย่เหรอ ไม่นะ วันนี้สิ ไม่รัฐประหารแล้วเหรอ คุณโกหกไปเถอะ จะช้าหรือเร็วก็ต้องเจอเรื่องจริงอยู่ดี”
ในคืนวันที่ผู้มีอำนาจยังเอาแต่ใจ ใครก็เดาทางไม่ถูก โอ๊คแสดงความห่วงใยอิ๊งมากที่สุดคือการเล่นนอกกติกา เมืองไทยถ้ามันไม่ล้มโต๊ะ มันก็ใช้ใต้โต๊ะ มีแค่สองอย่างนี้ แต่เราคิดว่าบทเรียนจากอาปู (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) บทเรียนจากพ่อ เราต้องทำอะไรให้ดีขึ้น
วันนี้เราเชื่อว่ารัฐประหารไม่ง่ายแล้ว จะหาเหตุผลอะไรมาล่ะ ความจริงทุกอย่างมันค้นหาได้ในอินเทอร์เน็ต ใครจะกุเรื่องมาหาเหตุรัฐประหารได้อีก…”
อนาคตข้างหน้า “อุ๊งอิ๊ง” คือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และมีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีคนถัดไป ฉะนั้นต้องตั้งคำถามกลับ…
ทั้งโอ๊คและอุ๊งอิ๊ง เข้าใจถูกคือ รัฐประหารหลังจากนี้เกิดขึ้นได้ยาก
แต่นักการเมืองคอร์รัปชัน ยังไม่มีอะไรมารับประกันได้เลยว่าจะไม่เกิดอีก
อย่าลืมนะครับ อดีตรัฐมนตรีพรรคของโอ๊คและอุ๊งอิ๊ง ติดคุกไปแล้วหลายคน
ใครยืนยันได้บ้างว่า หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล อุ๊งอิ๊งได้เป็นนายกฯ รัฐบาลจะปลอดคอร์รัปชันอย่างสิ้นเชิง
ฉะนั้นเมื่อไม่อยากเห็นรัฐประหาร นักการเมืองต้องจริงจังเรื่องปราบโกงด้วย
ตั้งแต่ “อุ๊งอิ๊ง” เปิดตัวมา ตั้งแต่ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ยันหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ไม่เคยได้ยินเรื่อง การทำการเมืองที่โปร่งใส ไร้การคดโกงเลย
เน้นประชาธิปไตยกินได้ เหมือนที่ “ทักษิณ” เคยเอามากล่อมประชาชน
สุดท้ายก็กินกันจริงๆ
มีคำถามถึง อุ๊งอิ๊ง ประโยคที่ว่า “กระบวนการยุติธรรมมันชอบฉีกกฎหมายเล่น” คืออะไร?
กระบวนการยุติธรรม ในความหมายของ “อุ๊งอิ๊ง” คืออะไร
ศาล อัยการ เป็นผู้ฉีกกฎหมายอย่างนั้นหรือ
ถ้าหมายถึงศาลรัฐธรรมนูญ ก็ให้ดูตั้งแต่คดีซุกหุ้น จนถึงคดียุบพรรคไทยรักไทย
อย่าเอาคดีเดียวตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ
อย่าเอาความพอใจ หรือไม่พอใจ ของตัวเองมาตัดสิน
พอพูดถึงความพยายามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทำให้นึกถึงคดี ถุงขนม ๒ ล้านบาท ขึ้นมาทันที
ความจริงปรากฏในภายหลังว่า “พิชิฏ ชื่นบาน” ทนายความของทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร, ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ เสมียนทนายความ และ “ธนา ตันศิริ” ผู้ประสานงานคดีทักษิณและคุณหญิงพจมาน เป็นผู้หิ้วถุงขนม ๒ ล้าน
ศาลจำคุก ๖ เดือน ไม่ต้องรอลงอาญา ฐานละเมิดอำนาจศาล
นี่คือหลักฐานที่ปรากฏชัดเจน เป็นคำพิพากษาของศาล
ฉะนั้นหากจะพูดเรื่องการเล่นนอกกติกา เล่นใต้โต๊ะ ก็นี่แหละครับ หลักฐานคาตา
หากเรื่องฉีกกฎหมาย หมายถึงการทำรัฐประหาร ก็ถูกต้องครับ
รัฐประหารทุกครั้งฉีกรัฐธรรมนูญกันทุกครั้ง จนประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่ใช้รัฐธรรมนูญเปลืองเป็นลำดับต้นๆ ของโลก
แต่นักการเมืองเองก็ทำสิ่งเลวร้ายไม่ต่างกัน
คือ ออกกฎหมายเอื้อธุรกิจครอบครัว
เพราะทัศนคติ โกงไม่เป็นไร ขอให้แบ่งกัน นี่แหละครับ รัฐบาลระบอบทักษิณถึงกล้าออกกฎหมายเอื้อให้มีการทุจริตเชิงนโยบาย ผลประโยชน์ทับซ้อน กันอย่างมโหฬาร
ดีใจด้วยครับที่ “โอ๊ค” และ “อุ๊งอิ๊ง” จะถอดบทเรียนจาก พ่อ และ อาปู จะทำให้ดีขึ้น
แต่ที่ยังสงสัย จะถอดบทเรียนบทไหน?
บทเรียนสำคัญของ “ยิ่งลัษณ์-ทักษิณ” คือ การคอร์รัปชัน
หากจะถอดบทเรียนนี้ต้องชัดเจนตั้งแต่เริ่มแรก
คงไม่ย้อนไปถึงกรณีอื้อฉาวสมัยเรียนของ “โอ๊ค” และ “อุ๊งอิ๊ง”
ตัดเอาแค่การเริ่มต้นเข้าสู่การเมือง
หากพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคของประชาชนจริง บุคคลที่ดำรงตำแหน่งต่างๆ ในพรรคต้องยึดโยงกับประชาชน
แต่การได้มาอย่าห่วงแต่เลือกตั้ง ซึ่งตำแหน่งในพรรคทางสายเลือด การเมืองระบอบประชาธิปไตย ถือว่าเป็นการคอร์รัปชันอย่างหนึ่ง
ถ้า “โอ๊ค” และ “อุ๊งอิ๊ง” ไม่ใช่ลูกทักษิณ จะมีโอกาสอย่างนี้หรือเปล่า
ในพรรคเพื่อไทยมีใครตั้งคำถามเช่นนี้หรือไม่
หากไม่ บรรดานักการเมืองในพรรคเพื่อไทย ก็มีสถานะไม่ต่างไปจากพนักงานบริษัทกงสีที่บริหารโดยหลงจู๊
ห้ามมีปากมีเสียงกับเจ้าของพรรค
อีกไฮไลต์ของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่บทสัมภาษณ์ครั้งแรกของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์
คำถาม : ในฐานะคุณยาย คุณหญิงฝันอะไร ตั้งความหวังอะไรกับหลานๆ ในวันเวลาที่สังคมไทยมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ค่อนข้างริบหรี่?
คำตอบ : ไม่ได้คาดหวังอะไร อยากให้เขาโตมาร่าเริงแจ่มใส พ่อแม่เขาก็ดูแลกันดีเต็มที่ เพราะคิดว่าเลี้ยงลูกมาอย่างดีแล้ว และลูกก็คงเลี้ยงลูกของตัวเองได้ดีกว่าแน่ แค่อยากเห็นหลานๆ เติบโตมาอย่างมีความสุข ร่าเริง สดใสตามวัยกับสุขภาพที่แข็งแรง และรักกัน อย่างอื่นก็ให้เป็นไปตามวันเวลา
แต่คุณตาจะได้กลับมาเห็นความเติบโตของหลาน ก็แอบคิดว่าคงมีสักวัน แน่นอนที่หลานๆ ทุกคนจะได้อยู่พร้อมหน้ากับคุณตาอันเป็นที่รัก
ครับ…สักวัน “ทักษิณ” จะกลับมา
มีข้อน่าสังเกต ก่อนนี้ “อุ๊งอิ๊ง” พูดในหลายวาระว่า จะพาพ่อกลับบ้าน ทั้งๆ ที่ประเด็นนี้คือภารกิจหลักของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พยายามเข็นกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่ง สุดท้ายพังทั้งแถบ
แต่วันนี้พูดกันครบแล้ว คุณหญิงพจมาน เปิดสิ่งที่ปรารถนา คือการได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา
ฉะนั้นการพา “ทักษิณ” กลับยังคงเป็นภารกิจหลักหากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล
แต่จะพากลับแบบไหนให้ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา…
คิดไม่ออกจริงๆ