เปลว สีเงิน
“๖ ปี” ผ่านไป…..
แต่ความตอนหนึ่ง ที่ “สำนักพระราชวัง” ประกาศ เรื่อง
“พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร” สวรรคต
ยังฝัง “หัวใจจำ” คนไทย มิเลือน
“…….แม้คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิดจนสุดความสามารถ แต่พระอาการประชวรหาคลายไม่ ได้ทรุดหนักลงตามลำดับ
ถึงวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ เวลา ๑๕ นาฬิกา ๕๒ นาที เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลศิริราชด้วยพระอาการสงบ
สิริพระชนมพรรษาปีที่ ๘๙ ทรงครองราชสมบัติได้ ๗๐ ปี”
วันนี้ “๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๕”
วันคล้ายวันสวรรคต “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” รัชกาล ที่ ๙
พระผู้ทรงเป็น “พ่อบนฟ้า” ของข้าแผ่นดินทุกคน เวียนมาถวิลถึงมิคลาย อีกครั้ง
และวันนี้ “พ่อบนฟ้า” ของเรา ธ เสด็จฯ ลงมาสถิต เป็นขวัญประเทศ ปกเกล้าพสกไทยผู้เป็นดั่งลูกๆของพระองค์แล้ว
เมื่อวาน (๑๒ ตค.๖๕) นายกรัฐมนตรี “พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา” โพสต์เฟซ ข้อความ ว่า
……………………………
Prayut Chan-o-cha
พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่านครับ
เนื่องในโอกาสที่ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” และ “สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี”
จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”
ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๗.๐๐ นาฬิกา ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร นั้น
ผมขอเชิญชวนประชาชนทุกหมู่เหล่าร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ โดยพร้อมเพรียงกัน
สำหรับ “อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” นั้น
เป็นพระราชปณิธานของ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” และ “สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี”
ที่ทรงตั้งพระราชหฤทัย…..
เฉลิมพระเกียรติ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร” และ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง”
โดยพระราชทาน “อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ”แห่งนี้ เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ แนวพระราชพระดำริของทั้งสองพระองค์ ผ่านองค์ความรู้เรื่องป่าและน้ำ
อีกทั้งเป็นแก้มลิงรองรับน้ำ และเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ถือว่าเป็น “ปอดแห่งใหม่ ใจกลางกรุง” เพื่อทุกคนอีกด้วย
ซึ่งปัจจุบัน อยู่ในระหว่างดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์ โดยจะเปิดให้บริการสู่สาธารณชนในลำดับต่อไปครับ
ทั้งนี้ สำหรับพี่น้องประชาชนที่ประสงค์จะเดินทางมาร่วมรับเสด็จฯ
ทางรัฐบาลได้จัดให้มีการอำนวยความสะดวก ทั้งรถเมล์ ขสมก. เรือข้ามฟาก-เรือโดยสารไฟฟ้า MINE Smart Ferry ในแม่น้ำเจ้าพระยา และพื้นที่จอดรถ เป็นต้น
โดยขอให้ตรวจสอบข้อมูลและคำแนะนำล่วงหน้าจาก FB กรมประชาสัมพันธ์ https://www.facebook.com/prdofficial/posts/479112577577503 นะครับ
………………………..
ขสมก.จัดเดินรถโดยสารธรรมดาให้บริการฟรี จำนวน ๔ เส้นทาง
นำประชาชนไปยังจุดคัดกรอง ATK ก่อนเข้าสู่อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ
รถโดยสารเฉพาะกิจ(จอดรับส่งทุกป้าย)จำนวน ๔ เส้นทาง
๑. เส้นทางสโมสรกองทัพบก – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ – จุดคัดกรอง ATK กรมทางหลวง
๒. เส้นทางสนามศุภชลาศัย – กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ – จุดคัดกรอง ATK กรมทางหลวง
๓. เส้นทางวงเวียนใหญ่ – จุดคัดกรอง ATK รร.ราชวินิต มัธยม
๔. เส้นทางสนามหลวง – จุดคัดกรอง ATK รร.ราชวินิต มัธยม
เมื่อผ่านการตรวจคัดกรอง ATK จุดกรมทางหลวง จะมีรถโดยสารนำท่านสู่”อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ”
ในส่วนของจุดตรวจ ATK ที่ “โรงเรียนราชวินิต มัธยม” สามารถเดินเข้าสู่”อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ”
ครับ…..
ก่อนคุยกันต่อ ทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อน ว่า….
อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร นั้น ก็คือที่เป็น “สนามม้านางเลิ้ง” เดิมนั่นเอง
เป็นที่ดิน “ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์” ราชตฤณมัยสมาคมฯ เช่าทำเป็นสนามม้ามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๖
หมดสัญญาเช่าไปนานแล้ว
“สำนักงานทรัพย์สินฯ” ให้ส่งมอบคืนพื้นที่ ๒๗๙ ไร่ และได้รับคืนเรียบร้อย เมื่อ ๔ เมย.๖๑
จากนั้น “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” ทรงนำที่ดินทั้งหมดนั้น สร้างเป็น “อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ” จุดเด่นสำคัญ คือ
“พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”
ถือเป็นหัวใจและศูนย์กลางของ “อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ” แห่งนี้
เมื่อ ๑๐ ตุลา.ที่ผ่านมา…..
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ” เสด็จฯ แทนพระองค์
ไปทรงประกอบพิธี บวงสรวงอัญเชิญ….
พระบรมรูป “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”
ขึ้นประดิษฐานบนแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ”
ขณะอัญเชิญพระบรมรูปขึ้นประดิษฐานบนแท่นฐาน ก็เกิดปรากฏการณ์ “พระอาทิตย์ทรงกลด”
แม้ขณะนั้น เป็นเวลากว่า “บ่ายสี่โมงเย็น” แล้วก็ตาม ดังภาพที่เผยแพร่กันกว้างขวางขณะนี้
“พระบรมราชานุสาวรีย์” รัชกาลที่ ๙ แห่งนี้
ในหลวงและพระราชินี เสด็จฯ มาทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์แท่นฐาน เมื่อ ๕ ธค.๖๔
และ ๑๓ กค.๖๕ ทั้งสองพระองค์ เสด็จฯ ไปทรงเททองหล่อ “ส่วนพระเศียร พระบรมรูป” ณ พระอุโบสถ “วัดพระศรีรัตนศาสดาราม” พระบรมมหาราชวัง
และวันนี้ ๑๓ ตค.๖๕ พระบรมรูปฯ ทั้งพระองค์อันเสร็จสมบูรณ์นั้น ได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนแท่นฐานเรียบร้อยดังกล่าว
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” และ “สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี” จึงเสด็จฯ มาทรงเปิด “พระบรมราชานุสาวรีย์”
และเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไป เข้าร่วมพิธีด้วย
ก็นี่แหละ ผมจึงนำมาบอกต่อ….
เป็น “โอกาสแรก-โอกาสเดียว” ที่เราทั้งหลาย จะได้เข้าเฝ้า “พ่อบนฟ้า” สถิต ณ บนแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์
เป็น “แก่นเมือง-แก่นใจ” ประชานิรันดร์
ทั้งได้เฝ้ารับเสด็จ “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” และ “สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี” ในโอกาส “มหามงคล” อันหาได้ยากยิ่ง
ปฐมพระบรมราชโองการ ณ วันเสด็จขึ้นครองราชย์ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒
“เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
นับต่อจากนี้ ก็ถึงครา…..
……….สิงหาสน์ปรางค์รัตน์บรร เจิดหล้า
บุญเพรงพระหากสรรค์ ศาสน์รุ่ง เรืองแฮ
บังอบายเบิกฟ้า ฝึกฟื้นใจเมืองฯ
เป็นที่ “ประจักษ์ตา-ประจักษ์ใจ” อาณาประชาราษฎร์
อีกทั้ง “พ่อบนฟ้า” ธ เสด็จฯลงมา “ฝึกฟื้นใจเมือง” ณ กาลนี้แล้ว
จาก “ถิ่นกาขาว” ในรัชกาล ที่ ๙
ก็ถึงครายุค “ชาววิไล” ในรัชกาลที่ ๑๐ ณ กาลตราบต่อจากนี้ไป
เปลว สีเงิน
๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๕
