สันต์ สะตอแมน
เงินทองไม่เข้าใครออกใคร!
เมื่อรู้ดีแจ้งเช่นนี้แล้ว ใครจะรับเงินใครก็ช่างหัวใคร ไม่เห็นจะต้องไปเป็นทุกข์ หรือเดือดร้อนใจอะไรด้วยเลย
คนเราน่ะ มักมีเหตุผลของตัวเองอยู่เสมอแหละ และด้วยจำนวนเงินตั้ง 9 ล้าน 10 ล้าน คนรับต่อให้หัวใจจะสลาย บอบช้ำแค่ไหนอย่างไร ก็คงจะคิดสะระตะครบถ้วนดีแล้ว..
“กำขี้ดีกว่ากำตด” ไหนๆ ลูกก็ไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้ จะปล่อยให้ทุกอย่างว่างเปล่าไปเลยก็ใช่เรื่อง!
ส่วนเสียงซุบซิบนินทาจากสังคม-ชาวโซเชียล ก็แค่ลมปาก แกล้งทำเป็นเอาหูไปนา เอาตาไปไร่เสีย ประเดี๋ยวเดียวคนก็ลืม สื่อก็เบื่อ!
สำคัญแต่ เงิน 30,000 บาทต่อเดือนนั่นแหละ ถ้าจะอยู่รับไปจนถึง 20ปี เห็นทีต้องหมั่นออกกำลัง ทานอาหารครบ 5 หมู่ สังสรรค์เฮฮา-ร้องคาราโอเกะ และหัวเราะอยู่เป็นประจำเลยเชียวล่ะ!
นี่..พูดเรื่องเงินๆทองๆ ก็ไม่รู้ “คุณชายอดัม” หรือนามเต็ม “หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล” จะคิดอะไรอยู่ในใจถึงได้โพสต์..
“ถ้าดาราเป็นดาราเลยเพียงอย่างเดียว รายได้จะไม่มีทางถอย Supercar 2-3 คันใน 1 ปีได้เลย ยกเว้นแต่จะดาวน์และผ่อนเอา ซึ่งก็นักหนาอยู่ดีครับ
ถ้านักแสดง 1 คนสร้างบ้าน 4-5 หลัง รถสปอร์ต 4-5 คัน เที่ยวต่างประเทศไตรมาสละ 2-3 ครั้ง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรับงานแสดงหนัง+ละครแล้วจะมีเงินจ่ายขนาดนี้ครับ
สมมุติว่าเล่นภาพยนตร์ หนังไทยเรื่องนึงงบอยู่ที่ 10-30 ล้านบาท ถ้านักแสดงหนึ่งคนรับ 5 เรื่อง ก็คือใช้เวลาเล่นหนัง 75 วัน
แล้วโดยประมาณถ้าคิด 5 ล้านบาทต่อเรื่อง (ซึ่งคงเป็นไปได้ยากมากที่จะมีนักแสดงที่ได้เงินขนาดนี้ต่อภาพยนตร์ 1 เรื่องแน่ๆ) ก็ 25 ล้านบาท ก็อาจจะได้ Super Car หนึ่งคัน
ถ้าเล่นละคร ตอนนึงราคาสูงสุดก็เอาไปเลย 2 แสนบาทต่อตอน (นักแสดงเบอร์ใหญ่สุดๆ ของเมืองไทยแบบTop5 ของประเทศละครับ) ดังนั้นก็จะได้เรื่องนึงประมาณ 3 ล้านบาท แบบเยอะเหลือเชื่อแล้วนะครับ
ถ้าละคร 5 เรื่องก็คือระยะเวลาถ่ายทำประมาณ 40 วันต่อเรื่อง (ซัก16 ตอนต่อเรื่องนะครับ กะๆเอา) ก็จะใช้อีก 200 วัน ก็รวมๆ 15 ล้านบาท
รวมสองอันก็ 275 วันแล้ว ได้ 40 ล้านบาทได้ Aventador คันนึงละครับ แปลว่าถ้าจะเอาบ้านอีกซักหลังที่ 10-20 ล้านก็ต้องทำงานเหนื่อยหน่อยนะครับ
แล้วถ้าไปเมืองนอก 5 วัน 3 ครั้งทุกไตรมาส ก็จะเป็น 45 วันที่ไปเที่ยวต้องประเทศต่อปี ไม่นับรวมปาร์ตี้ EDM ดังๆ 5-10 ครั้งต่อปี ก็ 55 วัน ตอนนี้ก็ 330 วันละครับ เหลืออีก 35 วัน
ตรงนี้ก็อยู่ที่ว่าถ้าอยากได้เงินไว้ใช้จ่ายอื่นๆ ด้วย ก็ต้องทำอย่างอื่นควบคู่ไปครับ เช่นออกอีเว้นต์
ซึ่งจะได้ประมาณ 3 แสนต่อวัน (ซักวันละ 3 งาน งานละ 1 แสน รอบละ 3 ชั่วโมง ก็จะใช้เวลา 9 ชั่วโมงต่อวันไม่รวมเดินทาง ซึ่งเดินทาง 1 ชั่วโมง ก็ 12 ชั่วโมงต่อวันละ)
ก็จะได้อีก 9 ล้านบาท สำหรับ 30 วัน ส่วน 5 วันที่เหลือไว้ไปงานวันเกิดเพื่อน ไปไหว้คุณพ่อคุณแม่และดูแลครอบครัว
แปลว่านักแสดงที่ขยันเกินนักแสดงที่งานชุกที่สุดในประเทศไทย 3 คนรวมกันก็จะสามารถยืนได้ด้วยตัวเองแบบมีบ้านมีรถดีๆ และทำอะไรก็ได้ตามใจฉัน
แต่ถ้างานไม่ได้เยอะขนาดนั้น ไม่ได้ดังขนาดนั้น ค่าตัวไม่ได้แรงขนาดนั้น แล้วอยู่ในวงการแบบร่ำรวยกว่ามหาเศรษฐีได้ แปลว่าต้องมีอาชีพเสริมที่ร่ำรวยมากๆอยู่แล้วแน่นอนครับ
หลาย ๆ คนอายุ 20 กว่าๆ ร่ำรวยขนาดนี้ ก็แปลว่าเริ่มต้นทำธุรกิจที่จับตลาดได้ดีสุดๆ ตั้งแต่เริ่มต้นเลย ก็เลยทำให้จับทางได้แล้วก็อู้ฟู่จนใช้เงินถอยรถ Super Car ได้มากมาย
(ทำให้ Grey Market ขายกันเพิ่มขึ้นมากในแต่ละปีครับ/ข้อแก้เอาสถิติออกเพราะข้อมูลต้นทางไม่ถูกต้องนะครับ)
ถือว่านักแสดง/นักร้อง/อินฟลู ไทยจำนวนมากมีความสามารถสูงมากแบบที่ไม่มีมาก่อนในเอเชียครับ ต้องยอมรับในความสามารถน้องๆ สมัยนี้จริงๆ ครับ”
ครับ..ก็ รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม!