ช่วงนี้ฝนตกหนัก ก็ใช่ว่าจะช่วยเรื่องลดอากาศร้อนได้
เหมือนโดนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด !
กลางวันก็แดดจ้าร้อนเหมือนไฟรน
พอตกเย็นฝนตกลงมาเป็นห่าใหญ่ พาลน้ำท่วมกันวุ่นวาย
…อากาศผันผวนแบบนี้ ก็ยิ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ในสังคมมากที่สุด
ในแง่มุมอื่นๆ อาจจะมีคนที่พูดถึงกันไปแล้ว
ทั้งวิธีเอาตัวรอด หรือการดูแลตัวเอง
แต่อีกในแง่มุมที่แทบจะไม่เคยได้ยินคนพูดถึงในช่วงนี้เลย
คือด้าน “พลังงาน”
ใครจะไปคิดว่าฝนตก แดดแรง ฟ้าร้อง น้ำท่วม
ก็มีผลกระทบต่อการใช้พลังงานทั้งสิ้น !
“เพราะคนเราในปัจจุบันรักความสะดวกสบายเป็นที่สุด”
แต่ก็จะเหมารวมทุกคนไม่ได้
แต่ก็พูดได้ว่า ถึงจะไม่ได้รักสบาย ก็ต้องใช้พลังงานอยู่ดี
เพราะทุกกิจกรรมของมนุษย์ในยุคนี้ ถูกขับเคลื่อนโดยการใช้พลังงานเป็นหลัก
ไม่ว่าจะในชีวิตประจำวัน หรือตอนทำงาน
ต้องมีพลังงานมาเอี่ยวตลอด ใช้ไฟ ใช้น้ำ ใช้ลิฟต์ ใช้รถ หรือใช้โทรศัพท์
แล้วการที่ยิ่งอากาศแปรปรวนยิ่งทำให้การใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้น
มันสอดคล้องกันไปหมด…
อากาศร้อน ก็ต้องเปิดแอร์แรงๆ
ฝนตกผ้าไม่แห้งบางคนก็เลือกที่จะใช้เครื่องอบผ้าเพิ่มเข้ามา
หรือการคมนาคมในปัจจุบันก็มีผลต่อการใช้น้ำใช้ไฟเหมือนกัน
และพอพลังงานถูกใช้โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบ
ถูกใช้ไปเพื่อต้องการมารองรับความสะดวกของสังคมมนุษย์
แต่อย่าลืมว่ามันกระทบกับความเปลี่ยนแปลงไปแล้ว…
คนก็มักจะมองข้ามเรื่องการลดลงของพลังงาน
หรือโดยเฉพาะเรื่องของ “การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์” ที่มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น
แม้เรื่อง “รณรงค์ให้ประหยัดพลังงาน” จะถูกหยิบมาพูดจนปากเปียก
แต่แทบจะไม่ได้สะท้อนกับความเป็นจริงที่การใช้พลังงานยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสักเท่าไหร่
แต่ก็ยังมีความพยายามอยู่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มีความคิดว่าจะสร้างสามัญสำนึกให้กับกลุ่มคนได้บ้าง
ก็ทยอยออกโครงการ กิจกรรมเรื่องการลดการใช้พลังงานมาอย่างต่อเนื่อง
เพราะเห็นว่าถ้าทำเรื่องนี้แล้ว คนที่ได้ ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง
“แต่เป็นคนทั้งประเทศ คนทั้งโลก” ที่จะได้ความยั่งยืน ความสดใส และความสมบูรณ์ของธรรมชาติและพลังงาน
ที่ผ่านมาก็เห็นความพยายามของรัฐบาลไทยที่เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ไม่น้อย
แต่ล่าสุดก็มีเอกชนและรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ ระดับประเทศเข้ามาแจม
อย่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ก็เห็นว่าเป็นหนึ่งในนั้น
ที่เดินเครื่องเรื่องประหยัดพลังงาน เพื่อแก้ไขวิกฤตพลังงาน อย่างจริงจังไม่แพ้รัฐบาล
โดยเริ่มทำด้วย 4 แนวทาง คือ
1. ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศภายในอาคารอยู่ที่ 26 องศาเซลเซียส
2. ขึ้น-ลงน้อยชั้นเดินบันไดแทนการใช้ลิฟต์
3. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งปิดไฟช่วงพัก หรือปิดจอคอมพิวเตอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เมื่อไม่ใช้งาน
4. บำรุงรักษาอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ ทั้งอุปกรณ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประหยัดพลังงานสูงสุด
เรื่องแบบนี้ “ใครทำ ใครได้” ก็จริง
แต่ถ้าทุกคนทำ ทุกคนก็ได้ สังคมก็ได้ ประเทศก็ได้ โลกก็ยังได้ตามมา
ทุกอย่างแม้จะเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ
แต่หากยังมองว่ามันเป็นแค่จุดเล็กๆ แล้วไม่ทำอะไร “มันก็จะไม่เกิดประโยชน์”
แต่ถ้าลงมือทำมันไปเลย ทำจากจุดเล็กๆ นี่แหละ
เมื่อรวมๆ กันแล้ว “มันได้ประโยชน์มหาศาล” แน่นอน