สันต์ สะตอแมน
ไหนว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ได้กำชับถึงหลักปฏิบัติการ..
“ต้องเป็นตามมาตรฐานเดียวกับกลุ่มของ “พิงกี้” และการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด” ล่ะ..หือ!
แต่..วานซืนสองผัว-เมีย “ดีเจแมน-ใบเตย” เดินตามทนายความเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษก่อนถึงกำหนดนัด (1วัน) และถูกแจ้งใน 3 ฐานความผิด คือ..
ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ เหมือนกับกรณีของพิงกี้-สาวิกา ไชยเดช เป๊ะ!
และหลังรับทราบข้อกล่าวหา สองสามี-ภรรยา ก็ได้รับการปล่อยตัวกลับบ้านโดยไม่มีการควบคุมแต่อย่างใด
หนำซ้ำยังต่อรอง จะขอให้ข้อเท็จจริงในการแก้ข้อกล่าวหา และส่งเอกสารประกอบคำให้การต่อพนักงานสอบสวนฯ เพิ่มเติมภายในวันที่ 30 กันยายน 2565 ได้อีกด้วย
อย่างงี้..คนพูด ร.ต.ธนกฤติ จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรมว.ยุติธรรม ต้องอธิบาย (ช้าๆ-ชัดๆ) แล้วล่ะขอรับ ไม่งั้นชาวบ้านเขาจะนินทา..สองมาตรฐานเสียตั้งแต่ไก่โห่!
เอ้า..แต่นั่นคนอื่นพูดไม่เชื่อไม่เป็นไร แต่รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ ม.รังสิต พูด..
ถ้าผู้ว่าฯชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ทำเป็นหูทวนลม ไม่เชื่อ-ไม่รับฟัง ผมค้อนนะ..บอกให้!
ก็..เรื่องน้ำท่วมในขณะนี้นั่นแหละ รศ.ดร.เสรีได้แนะนำด้วยไมตรี.. “ผู้ว่าฯ ต้องเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ในภาพรวม ไม่จำเป็นต้องไปทีละจุด วันๆ หนึ่งก็หมดเวลาแล้ว
แต่ต้องใช้มาตรการเด็ดขาดกับ ผอ.เขต เพราะ ผอ.เขตถือว่าเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ในท้องที่ ถ้า ผอ.เขตไม่พร้อม แล้วเกิดปัญหา ต้องออกไปให้คนอื่นมาทำแทน
ไม่อย่างนั้นแล้วเกิดปัญหา ผู้ว่าฯ คนเดียวรับผิดชอบไม่ไหวหรอก
ต้องสั่งการ บัญชาการ ไม่ต้องไปอยู่ในเหตุการณ์ เพราะทุกครั้งเวลาไปจะเป็นภาระต่อคนทำงาน อยู่บัญชาการศูนย์กลางจะดีมาก ได้เห็นภาพรวมทั้งหมด”
คุณชัชชาติต้องเชื่อและทำตามโดยไม่มีข้อโต้แย้งๆ ใดๆ ยอมที่จะขัดใจทีมงานพีอาร์ดีกว่าทำตัวให้เป็นที่รำคาญ-ขัดหู-ขัดตาประชาชนอยู่อย่างเช่นเวลานี้!
และเมื่อเอียงหูฟังแล้วก็ให้ฟังต่อ เพราะรศ.ดร.เสรียังได้พูดต่อไปอีกว่า.. “ในระยะสั้นนี้ฝนตกเมื่อไหร่น้ำก็จะท่วมอยู่แบบนี้ ส่วนระยะยาวต้องดูระบบระบายน้ำ
แต่สิ่งที่จะทำให้เราแพ้ราบคาบเลยคือน้ำทะเลที่สูงขึ้น ในอนาคต 30-50 ปี กทม.จะไม่อยู่ในแผนที่โลกแล้ว ถ้าไม่ทำอะไร”
ครับ..30-50 ปี ผมน่ะไม่เดือดร้อนแล้ว กระนั้นก็อยากเห็นคุณชัชชาติที่ “อาสา” จะเข้ามาบริหารจัดการน้ำท่วมกรุงเทพฯ ถึงขนาดได้ลงทุนศึกษาทุกมิติมา 2-3 ปี..
ได้ลงมือ “ทำอะไร” เสียตั้งแต่บัดเดี๋ยวนี้!
หรือหากคิดว่า “ทำอะไรไม่ได้” ก็เอาตามที่พูด (หาเสียง).. “ถ้าทำไม่ได้ก็อย่ามาอาสาเป็นผู้ว่าฯ” ซึ่งก็น่าจะหมายความว่า..ลาออกไปซะ!
อ้อ..จะฝากความหวังไว้กับคุณชัชชาติหรือผู้ว่ากรุงเทพฯ คนเดียวก็เห็นจะไม่ถูกนัก เอาเป็นว่าเลือกตั้งส.ส.คราวหน้า ไม่ว่าใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี..
ขอฝากเรื่อง “30-50 ปี กทม.จะไม่อยู่ในแผนที่โลกแล้ว” นี้ ไว้ในความรับผิดชอบด้วยล่ะกัน!
คนเป็นนายกฯ ต้องยกเรื่องน้ำท่วมขึ้นเป็น “วาระแห่งชาติ” ด้วยความมุ่งมั่น เอาจริง-เอาจัง ไม่งั้นคนกรุงคงต้องแห่กันไปก่อบ้าน-สร้างเมืองอยู่บนเขาใหญ่ เบียดบังชีวิตสารพัดสัตว์อย่างไม่มีทางเลี่ยง!
นี่..จะว่าไป ถ้านายกฯ ลุงตู่ไม่ชิงยึดอำนาจเสียก่อน ป่านนี้กรุงเทพฯ ก็คงเป็นดังคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนารีขี่ม้าขาวโม้..
“มาถึงวันนี้ ดิฉันยังอดเสียดายโครงการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบที่เคยวางแผนมิได้ หากวันนั้นได้มีโอกาสเดินหน้านโยบาย วันนี้ปัญหาเช่นนี้คงไม่เกิด”
เอาอย่างนี้สิ..คุณยิ่งลักษณ์ก็เอา “แผน” ที่เคยคิด-เคยวางไว้ทั้งหมดส่งมอบให้กับคุณชัชชาติไปดำเนินการ-สานต่อก็ได้นี่นา หาใช่คนอื่นไกลซะที่ไหน?
ไม่แน่น่ะ หากคุณชัชชาติได้นำ “โครงการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบที่เคยวางแผน” ของคุณยิ่งลักษณ์ที่ “เอาอยู่” มาใช้แล้วได้ผลจริง น้ำเลิกท่วมกทม…
ที่มั่นใจ “แลนด์สไลด์” อยู่แล้ว จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจ..
พ่อได้กลับบ้านแน่..ลูกเอ๋ย!