“อนุชา” ลงนครศรีธรรมราช ชื่นชมความสำเร็จของกองทุนหมู่บ้านวังไทร ยกให้เป็นกองทุนฯ ต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ สร้างชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

www.plewseengern.com

29 สิงหาคม 2565-นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายสมพงษ์ มากมณี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช รศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 2 นายกองตรี อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 3

นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 7 นายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง เขต 1 นายภาคิน สมมิตรธนกุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ นายดิสทัต คำประกอบ คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ

นายปกรณ์ คุณสาระ คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ลงพื้นที่ชุมชนบ้านวังไทร หมู่ที่ 11 ตำบลเขาโร อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อร่วมพิธีเปิดโรงงานยางพาราอัดแท่ง STR 5 L และแปรรูปผลิตภัณท์ ซึ่งจัดโดยกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.)

นายอนุชาฯ กล่าวชื่นชมความสำเร็จของกองทุนหมู่บ้านวังไทร หมู่ที่ 11 ตำบลเขาโร  อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ยกให้เป็นกองทุนฯ ต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ บริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เกิดพลังในการขับเคลื่อนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองให้มีความอย่างเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

ขอให้รักษาความร่วมมือ เพื่อเป็นพลังและแรงผลักดันงานกองทุนหมู่บ้านให้ก้าวหน้าพัฒนาต่อยอดเพื่อยกระดับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองไปสู่การเป็นแหล่งเงินทุนที่มีคุณภาพมาตรฐานต่อไป

นายอนุชาฯ กล่าวว่า โรงงานยางพาราอัดแท่ง STR 5 L ตอบโจทย์ความต้องการของคนในชุมชน เนื่องจากประชาชนในชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนยางพารา แต่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำยางตกต่ำ และพ่อค้าคนกลางกดราคารับซื้อน้ำยาง กองทุนหมู่บ้าน

โดยสถาบันการเงินชุมชนบ้านวังไทร ได้จัดทำโครงการโรงยางพาราอัดแท่ง STR 5 L ใช้เงินลงทุนจากสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ภายใต้โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก และเงินลงหุ้นร่วมกันของสมาชิกสถาบันการเงินชุมชนบ้านวังไทร

ปัจจุบันมีเงินกว่า 150 ล้านบาท สามารถดำเนินโครงการยางพาราอัดแท่ง STR 5L และแปรรูปผลิตภัณท์ เพิ่มมูลค่าน้ำยางพาราของสมาชิก และเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ เกิดธุรกิจใหม่ๆ ในหมู่บ้านเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งได้รับซื้อน้ำยางสด จากกลุ่มเกษตรกร เครือข่ายกองทุนหมู่บ้าน โดยรับน้ำยางสดในราคาสูงกว่าราคาตลาดทั่วไป 3-5 บาทต่อกิโลกรัม

ถือเป็นผลสำเร็จในการดำเนินของเศรษฐกิจฐานราก ยกระดับคุณภาพชีวิตของสมาชิก และประชาชนในพื้นที่ให้มีความเป็นอยู่ที่ดี สามารถพึ่งพาตนเอง พึ่งพาชุมชนได้อย่างเข้มแข็ง

นายอนุชาฯ กล่าวต่อไปว่ารัฐบาลเล็งเห็นถึงการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง มั่นคง และยั่งยืน สิ่งสำคัญคือการสนับสนุนและเสริมสร้างพลังให้คนในชุมชนสามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ของคนในชุมชน

กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติถือเป็นหน่วยงานที่เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง โดยได้มีการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการลงทุนเพื่อพัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ รวมถึงเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเร่งด่วนสำหรับประชาชนในหมู่บ้านหรือชุมชนเมือง และมีส่วนช่วยลดการกู้ยืมเงินนอกระบบ โดยให้ประชาชนร่วมกันบริหารจัดการกองทุนด้วยตนเอง

นายอนุชาฯ ย้ำ การขับเคลื่อนกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองเป็นแหล่งพัฒนาองค์ความรู้ คุณภาพชีวิต และสวัสดิการของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ซึ่งมีกว่า 13 ล้านคนทั่วประเทศ อาศัยกลไกการดำเนินงาน โดยยึดหลักการของประชารัฐที่มีส่วนร่วมทั้งจากภาคประชาชน ภาคเอกชน และภาคราชการ มุ่งเน้นภาคการผลิต การแปรรูป และการตลาดอย่างครบวงจร

รวมทั้งให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและการบริหารจัดการพื้นที่การผลิตให้เหมาะสม มีมาตรฐาน มีระบบการติดตามและประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ และการมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการดำเนินโครงการในรูปแบบต่าง ๆ อย่างเข้มแข็ง



Written By
More from pp
‘รมช.มนัญญา’ ลุยปักหมุดขับเคลื่อนกัญชาเมืองอุทัย ดันเป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่
รมช.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจติดตามและเยี่ยมชมโรงเรือนปลูกกัญชาและร่วมตัดแต่งทรงพุ่มกัญชาให้สวยงาม ของวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัยเกษตรปลอดภัย ตลอดจนรับฟังสรุปแนวทางการขับเคลื่อนการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์จังหวัดอุทัยธานี
Read More
0 replies on ““อนุชา” ลงนครศรีธรรมราช ชื่นชมความสำเร็จของกองทุนหมู่บ้านวังไทร ยกให้เป็นกองทุนฯ ต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ สร้างชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน”