บ้านที่มีต้นไม้ ก็มักจะเป็นบ้านที่ร่มรื่น…
ไม่ต่างอะไรกับประเทศที่มีต้นไม้ ก็จะเป็นประเทศที่สวยงานเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ประโยชน์ของต้นไม่ยังมีอีกนับไม่ถ้วน
แน่นอน ถึงเกิดข้อกฎหมายถึงเรื่องการตัดไม้ทำลายป่า มันจะเป็นความผิด !
แต่ที่ผ่านมาก็ยังมีคนไม่ได้สติ “เห็นถึงประโยชน์ของตัวเองเป็นใหญ่”
ไม่สนใจโลกไม่สนใจสังคม บุกรุกพื้นที่ป่าไปทำลายความอุดมสมบูรณ์ของประเทศ
จริง ๆ คนพวกนี้ถ้าจับได้ น่าจะเพิ่มโทษให้หนักขึ้นไปอีก !
ยิ่งในยุคสมัยที่กำลังเปลี่ยนไป
ผู้คนเริ่มกลับมาให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับ “ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” มากขึ้น
การส่งเสริมให้ดูแลรักษาป่าไม้ น่าจะเป็นเรื่องที่ควรทำ “อย่างเข้มข้น”
แม้ว่าคนในยุคปัจจุบันอาจจะยังไม่เห็นถึงความน่ากลัว
ในการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลก…
แต่เชื่อว่าอีกไม่กี่สิบปี ถ้าคนในโลกยังใช้ชีวิตที่คิดแค่ว่าจะเสวยสุขเพียงอย่างเดียว
อาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ย่ำแย่กับสังคมโลกได้
และยังส่งผ่านไปยังลูกหลานของเราต่อ
อย่างที่ผ่านมา ภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นเรื่องที่มนุษย์แทบจะหลีกเลี่ยงได้ยาก
ทั้งน้ำท่วม ไฟป่า ความแห้งแล้ง หรือความร้อนที่เพิ่มขึ้น
แต่หากว่ามีการดูแลเป็นอย่างดีในปัจจุบัน แม้ระยะเวลาจะผ่านไปนานอีกกี่ปี
มนุษย์ก็อาจจะได้รับผลกระทบน้อยลง
และยังคงไว้ในความอุดมสมบูรณ์และความสวยงามบนโลกได้
“การลดคาร์บอน” จึงเป็นแนวทางหลักที่จำเป็นจะต้องเร่งวางแผนและดำเนินการ
เพราะเป็นหนึ่งกำลังสำคัญที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม “น้อยลง”
แถมยังลดปัญหาใกล้ตัว เช่น มลภาวะ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก
ซึ่งเป็นปัญหาที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันแก้ไข !
แต่ก็ต้องชมเชยในหลายกลุ่ม หลายหน่วยงาน
ที่มองเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนจริง ๆ
อย่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ที่มักจะหยิบยกประเด็นของสังคม
ขึ้นมาหาทางพัฒนาและต่อยอดให้สามารถลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้
ก่อนหน้านี้ก็ลงแรงไปเยอะกับเรื่องโควิด-19 และทำต่อเนื่องมาจนเป็นโครงการเพื่อเด็กที่ขาดโอกาสการศึกษา
และล่าสุดก็ยังจะเข้ามาดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมอีก
เพราะดำเนินการภายใต้วิสัยทัศน์ที่ชัดเจน
ว่าจะสนับสนุนเป้าหมายของประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
จึงเกิดโครงการ “ลมหายใจเพื่อเมือง”
จะปลูกต้นไม้ 100,000 ต้น ! เพิ่มพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพมหานคร…
เพราะต้นไม้นอกจากจะสร้างความร่มรื่นให้กับเมือง และความสวยงามให้กับประเทศที่เปรียบเสมือนบ้านหนึ่งหลังแล้ว
ยังเป็นกลไกที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างในการลดคาร์บอนในอากาศ !
โดย ปตท. จะดำเนินการปลูกไม้ยืนต้น ไม้พุ่มอายุยาว และไม้เถาที่มีเนื้อไม้
ในพื้นที่ของ ปตท. และพื้นที่ของ กทม. เอง
เห็นว่าไม้พวกนี้ เป็นพันธุ์ที่เหมาะสมกับพื้นที่กรุงเทพฯ
พวก ต้นประดู่ป่า ต้นรวงผึ้ง ต้นไทรย้อยใบแหลม
โดยเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่แรกๆ ในพื้นที่บริเวณ “ถนนกำแพงเพชร 6”
ซึ่งเป็นพื้นที่ของ ปตท. ที่จะพัฒนาใช้ประโยชน์และมุ่งให้เกิดพื้นที่สีเขียวควบคู่กันต่อไปในอนาคต
แถมนอกจากจะปลูกต้นไม้ในพื้นที่ของ ปตท. แล้ว ยังร่วมกับ กทม. ปลูกในพื้นที่สวนสาธารณะอีกด้วย !
อย่างสวนจตุจักร สวนรถไฟ และอีกหลายพื้นที่ที่สำคัญทั่วกรุงเทพฯ
เพื่อช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ กักฝุ่นและมลพิษ…
รวมทั้งยังเป็นการช่วยลดอุณหภูมิรอบพื้นที่ปลูก ให้ร่มเงา และเพิ่มความน่าอยู่ให้กับสังคมเมืองอีก
ทำเป็นแพ็กเกจขนาดนี้ ส่วนหนึ่งก็ตอบโจทย์ความต้องการการมีส่วนร่วมของโครงการ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
แต่ผลพลอยได้น่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่น่าอยู่ต่อไป…