เปลว สีเงิน
“นาโต ๒” ในความหมาย…….
สหรัฐฯ เป็นหัวหอกตั้งขึ้นเพื่อสกัดกั้นการขยายอำนาจของจีนในย่าน “อินโด-แปซิฟิก” ตามที่เอะอะ-มะเทิ่งกันนั้น
“เกิดได้หรือไม่ได้”
ผมไม่ใช่ศาสดา ผู้หยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทร จึงตอบไม่ได้!
แต่บอกได้ว่า ใครจะตั้ง ก็ตั้งไป
แต่ที่แน่ๆ ในกลุ่มประเทศที่ร่วมตั้งและร่วมเป็นสมาชิก
ไม่มี “ประเทศไทย” อยู่ด้วยแน่นอน!
ก็อย่างที่บอก ที่เศรษฐกิจ-การเงินไทยเราแข็งแกร่ง มั่นคงขณะนี้ ในภาวะที่หลายๆ ประเทศในโลกซวนเซ-เรรวน นั่นเพราะอะไร?
ส่วนหนึ่ง เพราะไทยได้บทเรียนจาก “วิกฤตต้มยำกุ้ง” ปี ๒๕๔๐ แบงก์ชาติจึงไม่ยอมให้ “ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย” เกิดขึ้น
“นาโต ๒” จะเกิดกับไทยไม่ได้ ก็โดยนัยเดียวกัน!
คือเราได้บทเรียนราคาแพงมาแล้วจากซีโต หรือที่เรียกกันสมัยผมเป็นเด็กว่า “ซีอาโต้” จากภาษาอังกฤษ SEATO
ซึ่งย่อมาจาก “Southeast Asia Treaty Organization” แปลว่า “องค์การสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” นั่นแหละ
มีสมาชิก ๘ ประเทศ และไทยเป็น ๑ ใน ๘ นั้น ด้วย “สหรัฐฯ, ฟิลิปปินส์, ปากีสถาน, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, อังกฤษ, ฝรั่งเศส และ ไทย
หลักสำคัญในสนธิสัญญาซีโตนี้ มีว่า……..
“แต่ละประเทศภาคีคู่สัญญาตกลงเห็นพ้องกันว่า หากดินแดนของประเทศใดถูกรุกรานจากการโจมตีด้วยกำลังอาวุธ ประเทศภาคีทั้งหมดที่เหลือ จะถือว่าเป็นอันตรายร่วมกัน และจะปฏิบัติการเพื่อเผชิญหน้ากับอันตรายร่วมกัน
หรือถ้าหากพื้นที่ภายในเขตครอบคลุมของสนธิสัญญาถูกคุกคามด้วยประการใดๆ ประเทศภาคีทั้งหมด จะปรึกษากันในทันที เพื่อตกลงในมาตรการเพื่อการป้องกันร่วมกัน”
ถอดแบบมาจาก NATO เปี๊ยบ!
ดูประเทศสมาชิกทั้ง ๘ จะเห็นว่า มีไทยกับฟิลิปปินส์เท่านั้นอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกนั้นห่างไกล ไม่เกี่ยวกันเลย
แต่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม “คณะราษฎร” คนสุดท้ายไป “ชักน้ำเข้าลึก-ชักศึกเข้าบ้าน” ทำไม เรามองวันนี้ไม่เห็น
แต่จอมพล ป. วันนั้นเขาเห็น ข้อแรก เขาเข้าสู่ยุคเสื่อมอำนาจ บวกกับการคืบคลานเข้ามาของระบอบคอมมิวนิสต์
จึงเข้าสู่ข้อสอง……
จอมพล ป. ต้องการสหรัฐฯ เข้ามาหนุนอำนาจ ก็สมประโยชน์กันพอดี ที่สหรัฐฯ ต้องการใช้ไทยเป็นฐาน
ส่งอาวุธ-ส่งทหาร เข้าไปยันคอมมิวนิสต์ ในเวียดนาม ลาว และเขมร!
ทั้ง ๘ ประเทศ ไปลงนามสนธิสัญญากันที่ฟิลิปปินส์ ปี ๒๔๙๗ และตั้งให้ “นายพจน์ สารสิน” เป็นเลขาธิการใหญ่
สำนักงานใหญ่ของซีโต ตั้งอยู่ที่ไหนทราบมั้ย?
ก็ตรงที่เป็น “กระทรวงการต่างประเทศของไทย” ถนนศรีอยุธยา ทุกวันนี้ นั่นแหละ ป้าย SEATO เบ้อเริ่มเทิ่ม
ซีโตเจ๊งกะบ๊ง ยุบไปเมื่อปี ๒๕๒๐ นี่เอง!
คนสมัยนั้น เขาเรียกซีโตว่าอะไร รู้มั้ย…เขาเรียกกันว่า”เสือกระดาษ”!
เพราะซีโต นั่นแหละ เป็นการเปิดประตูให้สหรัฐฯ เข้ามาตั้งฐานทัพในไทย ตั้งสำนักงานผลิตข่าวสารปั่นกระแสให้คนไทยเกลียดและกลัวคอมมูนิสต์ ชนิด “ขี้ขึ้นหัวสมอง”
ทั้งใบปิด ใบปลิว ละคร ลิเก ทางวิทยุ ข่าววิทยุ ทั้งวัน-ทั้งคืน หรอกหู-กรอกหัว คนไทยคลุมโปง ฟังไป-กลัวไป
กระทั่งพระสงฆ์องคเจ้า ด้วยการปั้นข่าว-ปั้นภาพ คอมมิวนิสต์เผาวัด เอาแส้ฟาด เคียวปาดคอ ไล่พระไปไถนา พระยังผวาแทบไม่กล้าออกบิณฑบาต
แล้วไทยก็ตกเป็นฐานทัพให้สหรัฐยันคอมมิวนิสต์ ในลาว-เขมร-เวียดนาม เต็มรูปแบบ
ทหารไอ้กันเต็มเมือง สหรัฐส่งคนมาเป็นที่ปรึกษาให้กองทัพและนักการเมือง
ดอลลาร์ครองเมือง……
พูดได้ว่า ตั้งแต่ยุคจอมพล ป. จอมพลสฤษดิ์ จอมพลถนอม ทุกการปฏิวัติ ทุกการเปลี่ยนแปลง
ภายใต้การพยักหน้า รู้เห็น สั่งการ ของสหรัฐฯ ทั้งสิ้น!
ซีโตมาแตกจริงๆ เอาตอน “ลาว-เขมร-เวียดนาม” แตก ราวๆ ปี ๒๕๑๘
บวกกับตอนนั้นนักศึกษา “ไม่เอาสหรัฐฯ” ต่อต้านอย่างหนัก ถึงขนาดเผาธงชาติหน้าสถานทูต แล้วยืนปัสสาวะรด
และ “หม่อมคึกฤทธิ์” นายกฯ ตอนนั้น ท่านก็ไม่พอใจสหรัฐฯ อย่างมากอยู่แล้ว เมื่อสหรัฐฯ ถืออำนาจบาตรใหญ่
ส่งทหารเข้ามา “อู่ตะเภา” โดยไม่บอกกล่าว เพื่อชิงเรือ “มายาเกซ” อันเป็นเรือพาณิชย์
สหรัฐฯ ที่ถูกเขมรแดงยึด
รัฐบาลคึกฤทธิ์ ถึงขั้นออกแถลงการณ์ประท้วง “สหรัฐฯละเมิดอธิปไตยของไทย”
และหม่อมคึกฤทธิ์ ได้เดินทางไปเปิดสัมพันธ์กับจีนในที่สุด ผมยังติดสอยห้อยติ่งไปกับคณะเขาด้วย ก็ไม่ได้โม้นะ!
เมื่อการสงคราม-การเมือง-การอำนาจ “เปลี่ยนหน้า” หมด
สหรัฐฯ แพ้หมดรูปในทุกสนามรบ
ก็ถลกตูดหนีซีครับท่าน จะอยู่ให้อายหมาทำไม ถอนฐานทัพ ถอนทหารกลับสหรัฐฯ เกลี้ยง
เมื่อหมดประโยชน์ในอาเซียน “ซีโต” ก็เหลือไทยกับฟิลิปปินด์โด่เด่ ก็เลย “ยุบซีโต” แต่นั้นแล
สรุป ซีโต คืออะไร?
คำตอบชัดๆ คือ ไทย “หุ่นเชิด” ของสหรัฐอเมริกา!
“นาโต ๒” ถ้าจะมี มันก็คือ ……
ไทยนวัตกรรม “หุ่นเชิด” ย้อนยุคของสหรัฐอเมริกา!
รู้ที่มา-ที่ไปอันเป็นบทเรียนอย่างนี้แล้ว ยังจะพูด-จะคิดกันอีกหรือว่า
นายกฯ ที่ชื่อ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” และรัฐมนตรีต่างประเทศที่ชื่อ “ดอน ปรมัตถ์วินัย” และกลุ่มอาเซียน ที่ไปร่วมประชุมที่สหรัฐฯ ซึ่งล้วนแต่มีบทเรียนด้วยกันมาแล้วทั้งนั้น
จะไปจม “รอยแผลเก่า” ให้คนทั้งรุ่นเก่า-รุ่นใหม่ ทั้งวันนี้-วันหน้า “ขุดกระดูก” ขึ้นมาด่าในทุกๆ รอบปี “เผาผีล้างป่าช้า!?”
ส่วน “สนธิสัญญาถนัด-รัสก์” ก็เป็นบริบทหนึ่งในซีโต
“ถนัด” ก็คือ “คุณถนัด คอมันตร์” รัฐมนตรีต่างประเทศผู้มีชื่อเสียงของไทย
ส่วน “รัสก์” ก็คือ “ดีน รัสก์” รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ
คือ เมือร่วมสนธิสัญญากันแล้ว ไหนบอกว่า จะไม่ยอมให้ประเทศในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ต้องตกอยู่ในภัยคุกคามคอมมิวนิสต์ไงล่ะ?
ดีน รัสก์ก็บอกว่า จะให้กองกำลังซีโตเข้าแทรกแซงการรุกรานของคอมมิวนิสต์ในลาว
รองประธานาธิบดี “ลินดอน บี. จอห์นสัน” ก็รับปาก ในส่วนของไทย จะช่วยเต็มที่ในการป้องกันการรุกรานของคอมมิวนิสต์
ทั้งจะเป็น “เจ้าบุญทุ่ม” จะขนเงินมาช่วยทั้งทางเศรษฐกิจ ทางการทหาร ชนิดล้นคอหอย
ดีน รัสก์ กับ ถนัด ก็ออกแถลงการณ์ร่วมกัน ในปี ๒๕๐๔
พอปี ๒๕๐๕ ในลาวเปิดการสู้รบใกล้ชายแดนไทย ก็เลยเป็นปฐมบท “ไทย-สหรัฐฯ” เห็นชอบร่วมกัน
ให้สหรัฐส่ง “กองทัพเข้ามาประจำการในไทย”…..
เพื่อป้องกันและรักษาความมั่นคงของไทย จากภัยคุกคามคอมมิวนิสต์!
ก็ “จบข่าว” ซีครับ…ทั่น!
เนี่ย…..
อดีตคือเมื่อวานของปัจจุบัน ก็เขี่ยๆ แคะๆ มาให้เห็นพอเป็นกระสายยา ว่าไม่ต้องห่วงจนท้องอืด-ท้องเฟ้อไปหรอก
ว่าที่นายกฯ ไปสหรัฐฯ จะไปแสดงบทพระเอก “รอยแผลเก่า”
หรือที่ “นายคิชิดะ ฟูมิโอะ” นายกฯ ญี่ปุ่นมาวันก่อน จะไปเออออเรื่อง นาโต ๒ อะไรนั่นไปกับเขา
“ธานี แสงรัตน์” อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แจกแจงประเด็นนี้ ให้นักข่าวฟังไปทีแล้ว
ผมจะกรอหนังกลับในท่อนนี้ให้ฟังกันอีกทีก็ได้….
-การเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ ของนายกฯ ที่วอชิงตัน มีวัตถุประสงค์ฉลอง ๔๕ ปี “ความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ”
-ระหว่างการเยือน นายกฯจะพบภาคเอกชนรายใหญ่ของสหรัฐฯ หารือส่งเสริมการลงทุนและการทำธุรกิจในไทย
-พบชุมชนไทยในสหรัฐฯ ด้วย
-ไทยดำเนินนโยบายต่างประเทศที่สมดุล
-ส่งเสริมบทบาทความเป็นแกนกลางของอาเซียนในภูมิภาคมาตลอด
ซึ่งหลายประเทศได้ลงนามในสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia : TAC) ของอาเซียน ที่ส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคโดยการระงับข้อพิพาทอย่างสันติ
สนธิสัญญา TAC มีภาคีรวมทั้งสิ้น ๔๐ ประเทศ รวมถึงสมาชิกถาวรแห่งคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทั้ง ๕ ประเทศด้วย
-ความตกลงว่าด้วยการมอบยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศระหว่างไทยและญี่ปุ่น และความร่วมมือด้านความมั่นคงที่ไทยมีกับประเทศอื่น ๆ นั้น
-เป็นความร่วมมือ “ทวิภาคี” ที่มีการหารือมาหลายปีแล้ว และญี่ปุ่นก็มีกับหลายประเทศในภูมิภาคแล้ว
-ไม่ได้มีลักษณะเป็นความร่วมมือทางทหาร ดังเช่นสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) แต่อย่างใด
-จากข้อเท็จจริงข้างต้น เห็นได้ชัดว่าวาทกรรมเรื่องการจัดตั้ง “NATO 2” เป็นเพียงการตีความตามจินตนาการของบางบุคคล โดยไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงแต่อย่างใด
ครับ….
เอาเท่านี้พอ เอาไว้คุยต่อเป็น “ยานอนหลับ” หลังจากผมกลับจากวัดก็แล้วกัน เนอะ!
ภาพจากเฟซบุ๊ก กระทรวงการต่างประเทศ