สันต์ สะตอแมน
วันเปิดตัวร่วมงานกับพรรคไทยสร้างไทย..
นายจอนนี่ แอนโฟเน่ อดีตพระเอกดัง กล่าวว่า.. “จะขอใช้ความรู้ความสามารถประสบการณ์ตลอด 36 ปี บนเส้นทางอุตสาหกรรมบันเทิง ร่วมผลักดันนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ประกาศดัน “ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมบันเทิงครบวงจร” เพื่อเป็นบันไดไปสู่การฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ ที่สามารถส่งขายออกไปได้ทั่วโลกได้”!
อืมม.. ก็โอเคนะ แม้นายจอนนี่จะพูดแบบไม่ค่อยประสีประสานัก เพราะการผลักดัน “ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมบันเทิงครบวงจร” นั้น
คนอื่นเขาคุย-เขาโม้กันมาตั้งปีมะโว้โน้นแล้ว แต่เมื่อเป็นเจตนา-ความตั้งใจดี ก็ควรที่จะช่วยกันสนับสนุน ไม่ว่าจะอยู่กับพรรคไหน
แต่..จู่ๆอีกวัน นายจอนนี่ได้โพสต์..#จอนนี่กลับใจ ใช่ครับ “ผมขอโทษ” ..จะพูดว่า ผมร่วมชุมนุมใน ปี 2556 ถึงปี 2557 ผมเป็นหนึ่งในผู้ร่วมชุมนุมจริง
เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถบิดเบือนได้ และผมขอน้อมรับทุกความคิดเห็นจากทุกท่าน การชุมนุมในครั้งนั้น ผมก้าวขาออกจากบ้านเอง ไม่มีใครบังคับ ก้าวขาออกไปด้วยความคิดของผมเอง
ด้วยการเสพสื่อ Social ว่า… “พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง จะเป็นการล้างบางคนผิดทุกกรณีซึ่งรวมไปถึงการทุจริต งบประมาณแผ่นดิน”
วันนั้นผมไม่เคยรู้เลยว่าจะมีการรัฐประหาร ไม่เคยมีสัญญาณใดๆ เกิดขึ้น เราเพียงออกไปเพื่อจะคัดค้าน พ.ร.บ.ดังกล่าว แล้วคิดแค่ว่าจะจบแค่นี้… แต่การชุมนุมไม่จบเพียงเท่านั้น
จนในที่สุด “ลุงมาทำรัฐประหาร” และได้ลากจูงประเทศมาสู่จุดวิกฤตขนาดนี้ สร้างหนี้สินให้กับลูกหลานมากมายขนาดนี้…
ผมก็อยากจะฝากไปถึงใครก็ตามที่วันนี้เค้าได้เห็นความเลวร้ายของผลพวงจากการรัฐประหาร เค้าได้เห็นว่าลุงกู้เงินจนเราต้องชดใช้กันชั่วลูกชั่วหลาน..
เค้าได้เห็นว่าวันนี้ยังไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน แต่เรามีรัฐธรรมนูญฉบับที่พิลึกกึกกือที่สุด เค้าได้เห็นเหมือนกันกับผมที่การบริหารจัดการโควิดผิดพลาดล้มเหลวจนทำให้ประชาชนต้องถึงแก่ชีวิต”
ครับ..อ่านแล้วก็อยากบอกนายจอนนี่ในฐานะที่ผมเองก็ก้าวขาออกไปร่วมกับมวลมหาประชาชนนับล้านๆ ด้วยคนหนึ่งว่า ผมก็ไม่เคยรู้จะมีรัฐประหาร และไม่มีสัญญาณใดๆ ที่พอจะสัมผัสได้
และการที่ลุงเอ่ยต่อหน้าประชุมร่วม 7 ฝ่าย.. “หากเป็นแบบนี้ ผมขอโทษด้วยนะที่ต้องยึดอำนาจ” ผมก็ไม่เห็นจะต้องโทษตัวเองเลยว่า คิดผิด กลับกันหากย้อนหลังกลับไป..
ผมก็ยังจะก้าวขาออกไปอยู่วันยังค่ำ ด้วยเพราะความระยำของรัฐบาลที่อ้างประชาธิปไตย มันแอบลักหลับออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง!
ขอโทษนะ..จะเล่นการเมือง อยากเป็นส.ส.เพื่ออนาคตที่ดีกว่าอาชีพดาราที่ผ่านพ้น ก็เล่นไป แต่อย่าโชว์โง่เสียแต่แรก และตอแหลเสียแต่เริ่ม..
เพราะรัฐธรรมนูญปัจจุบันนี้ ก็ได้ชื่อเป็น “ฉบับประชาชน” เพียงแต่อีกฝ่ายไม่ได้ประโยชน์ก็เลยหาเรื่อง-สร้างเรื่องให้วุ่นวายซะงั้น!
มันพิลึกกึกกือตรงไหนรึ?.. อย่าพูดเอามันแบบวิญญาณนักการเมืองเข้าสิงสิ และสาบานมั้ย..ตอนลงประชามติ นายจอนนี่ไม่ได้รับ?
และที่ว่า.. “การบริหารจัดการโควิดผิดพลาดล้มเหลวจนทำให้ประชาชนต้องถึงแก่ชีวิต” ถามหน่อย นายจอนนี่เชื่อเหรอว่าถ้า “คุณหญิงหน่อย” เป็นนายกฯ ในสถานการณ์โรคโควิดนี้..
คนไทยจะไม่ติดเชื้อ จะไม่ล้มตาย..หือ?
จะเป็นนักการเมืองที่ดี ได้รับความเชื่อถือ-ศรัทธา ต้องพูด-ต้องวิจารณ์ด้วยความรู้-ประสบการณ์ที่ตัวเองถนัด เช่นถ้านายจอนนี่พูดถึงเรื่องยาปลูกผม
จะผลักดันให้คนทั้งโลกซื้อ นำรายได้เข้าสู่ประเทศ เออ..อย่างนี้ไม่มีใครไปโต้เถียงด้วย แต่ถ้าคิดจะใช้โวหารเอามัน-เอาอย่างนักการเมืองรุ่นพี่-รุ่นป้า-รุ่นพ่อ
นายจอนนี่ก็ไม่เห็นจะต้องอารัมภบท หรือออกโรงด้วยลีลาออดอ้อน สำนึกผิด ขอโทษ-ขอโพย ให้ดูเป็นยี่เก แค่เดินตามหลังหัวหน้าพรรคสักเดือนสองเดือน..
ขี้คร้านจะเก็บเกี่ยวโวหารไว้ใช้ได้เป็นกระบุงโกย!