นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ได้รับข้อมูลจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ส่งข้อมูลมาให้ตนทางเฟซบุ๊กว่ามีแพลตฟอร์มที่ขายของออนไลน์ ทำการตลาดที่ฝืนความรู้สึกหัวใจคนไทยทั้งประเทศ
เรื่องนี้ปล่อยผ่านไม่ได้เด็ดขาด ผมพูดอยู่หลายครั้งว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกระทรวงดิจิตอลต้องปราบปรามเรื่องนี้ ทำไมเราจึงต้องมีกฎหมาย มาตรา112 ไว้ ผมพูดอยู่หลายครั้งว่าจะต้องมีการเพิ่มโทษให้รุนแรงมากขึ้น เพราะไม่งั้นก็จะมีคนดึงฟ้าลงต่ำ ใช้ข้อความให้ร้าย ทำให้เกิดความเกลียดชัง
วันนี้ในโลกออนไลน์เป็นอย่างไร ผมขอไม่พูดถึงเพราะกระแสมันเกิดจากข้อมูล แต่วันนี้ข้อมูลเท็จมีมากจึงทำให้บางคนหลงผิดไป เรื่องนี้ปล่อยผ่านไม่ได้ ผมคิดว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องทบทวนการทำงานของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการป้องกัน กระบวนการสื่อสารให้ความรู้เพราะไม่งั้นจะทำให้สังคมแตกแยก
ผมฝากมาถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.วันนี้เราคงไม่ต้องมาพูดอะไรมาก เมื่อวานผมได้ไปกินข้าวร่วมกับเพื่อนส.ส.หลายท่าน ก็ได้มีการพูดคุยหารือกัน
ซึ่งโพลจากที่ผมสำรวจใต้ดินวันนี้คนรุ่นใหม่เลือกพรรคการเมืองไหนคงไม่ต้องพูดถึง หากวันที่ 22พ.ค. นี้ พรรคการเมืองที่ไม่เอาสถาบันได้คะแนนเยอะ นั่นแหละครับคือสิ่งที่รัฐบาลต้องทบทวนถึงความผิดพลาดที่ปล่อยปละละเลยให้คนเข้าใจข้อมูลเท็จแล้วเสพติดข้อมูลนั้นไป จนเชื่อว่านั่นเป็นเรื่องจริง ที่เค้าพูดกันว่าเป็นพวกมิจฉาทิฐิ นั่นคือสิ่งที่เราต้องแก้ไขครับ ผมจึงเป็นห่วงและเป็นกังวลเรื่องนี้มากๆ จึงคิดว่าปล่อยผ่านไม่ได้
ผมจึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล และปลัดกระทรวงดิจิทัล สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เข้าไปดูซึ่งการที่แพลตฟอร์มออนไลน์ใช้การตลาดแบบนี้เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าคนที่มีอายุเกิน 38 ปีขึ้นไปและมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์คงไม่มีใครยอมให้เรื่องนี้ปล่อยผ่านไปเฉยๆ ได้
ผมทำนายได้เลยถ้ารัฐบาลหรือผู้มีอำนาจไม่ทำตามหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา50ข้อที่1 บุคคลมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (1) พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ที่ปล่อยให้ใครต่อใครด้อยค่าสถาบันจนเป็นฮีโร่ในโลกออนไลน์ จนลามไปไหนต่อไหน ยอดวิว ยอดไลค์เพียบถ้ายังปล่อยไว้แบบนี้ ลามไปทุกพื้นที่ ไม่ใช่ด่าสถาบัน ด้อยค่าสถาบัน แล้วคือฮีโร่ ถ้ายังปล่อยไว้ ไม่แก้ไขอะไร
ผมคิดว่าก็คงไม่สมควรเป็นตัวแทนของพ่อแม่พี่น้องประชาชนคนไทย ผมอยากให้ฝ่ายรัฐบาลได้เล็งเห็น ไม่ใช่เราเห็นว่ามะเร็งร้ายกำลังเกิดขึ้นแต่เราไม่มีการป้องกัน มะเร็งนั้นมันก็จะกัดกินส่วนที่ดีๆไปจนเหลือแต่ส่วนที่ร้าย ระบอบประชาธิปไตยเป็นระบบที่ดีแต่ต้องมีผึ้งมากกว่าพวกแมลงวัน ไม่งั้นน้ำหวานก็จะแย่กว่าอุจจาระ
เรื่องนี้ผมมั่นใจว่าคนไทยทั้งประเทศเชื่อ ถ้ายังปล่อยไว้ ไม่เกิน 5 ปีคงไม่ต้องทำนาย ถ้าไม่เชื่อ 22 พ.ค. 65 ปิดหีบเลือกตั้ง จะทำนายอะไรได้อีกหลายอย่างเลย
…?…