เปลว สีเงิน
สัปดาห์หน้า “ป้อมอยู่-ตู่ไป”
คือท่านนายกฯ จะเดินทางไปประชุม “สุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ” กับท่านประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” ที่วอชิงตัน
ระหว่าง ๑๒-๑๓ พฤษภา.
อยู่ทางนี้ “ลุงป้อม” ทำหน้าที่รักษาการในตำแหน่งนายกฯ นับว่าฝ่ายค้าน-โหราจารย์ แม่นเหมือนตาเห็น
ที่ว่าพฤษภา.จะมีการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล!
ก็เปลี่ยนแล้วนี่ไง….
นายกฯ ประยุทธ์ “ต้องนิราศร้างห่างทำเนียบไปเหยียบสหรัฐอเมริกา”
แล้ว “นายกฯ คนนอก” ก็เกิดขึ้นจริง
“พลเอกประวิตร” ฟิตปั๋ง ขึ้นนั่งแท่น ว่าราชการงานเมืองแทน บนเก้าอี้ “รักษาการในตำแหน่งนายกฯ”
เอาเหอะ แม้แค่ ๕ วัน ๗ วัน นั่นก็ถูกต้องตามโฉลก เป็นโชคทั้งลุงป้อม ทั้งสะเดาะเคราะห์ลุงตู่ แล้วอยู่ยาวไปด้วยกัน ให้เลือดริษยาฝ่ายค้านพลุ่งพล่าน ลมสว้านตีอกแตกตายไปเอง
นายกฯ เดินทางไปไกลๆ ซะบ้างก็ดีนะ
อย่างน้อย จะได้ไม่ต้องคอยตอบคำถามทั้งเช้า-ค่ำ เรื่องรัฐบาลคว่ำ-รัฐบาลหงาย มีเวลานั่งหลับตาสบายๆ บนเครื่องบิน คิดนั่น-คิดนี่ ถึงวิธีช่วยชาวบ้านในยามทุกเข็ญ
นายกฯ พบโจ ไบเดน…….
แน่นอนละ ฝ่ายจ้องโจมตี จะต้องตั้งประเด็นว่า…คงไปรับบัญชาอเมริกาเรื่อง “อินโด-แปซิฟิก” มาต้านจีน-ต้านรัสเซียละซีท่า!?
เหมือนอย่างนายกฯ ญี่ปุ่นมา เขาให้กู้เหมือนให้ยืมเปล่าๆ ๕ หมื่นล้านเยน คือคิดดอกแค่ปีละ ๐.๐๑% อายุเงินกู้ ๑๕ ปี ปลอดเงินต้น ๔ ปีแรก
ก็ยังมีคนพูด “กู้อีกแล้ว” บ้าง “น่าจะมีเงื่อนงำ” บ้าง ทั้งๆ ที่ ๕ หมื่นเยน หรือราวๆ ๑.๓๒ หมื่นล้านบาทนี้
กู้ภายใต้วงเงิน ๕ แสนล้านบาท ตามกรอบพรก.ที่ผ่านความเห็นชอบรัฐสภาปีที่แล้ว ที่ให้กระทรวงคลังกู้ฉุกเฉินได้ในภาวะโควิด
ครูบาอาจารย์เคยเขียนไว้ ถ้าจำไม่ผิด เห็นจะเป็น “หลวงวิจิตรวาทการ” ท่านเขียนไว้ว่า
“อันที่จริงคนเขาอยากให้เราดี
แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้
จงทำดีแต่อย่าเด่น จะเป็นภัย
ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน”
นายกฯ ก็เข้าทำนองนี้ อยู่นาน นั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่นานแล้ว ทำงาน วางรากฐานเศรษฐกิจ-สังคมประเทศเป็นรูปร่างจริงจัง เป็นความหวังทางอนาคตมากมาย
มัน “เด่นเกิน” หน้า-เกินตา นักการเมืองอื่นๆ เขา!
โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ซึ่งเขาเคยเป็นรัฐบาล มีนายกฯสืบต่ออำนาจกันมาตั้ง ๓-๔ คน
ผลงานเพื่ออนาคตชาติบ้านเมืองมีอะไรฝากไว้น่ะหรือ?
ที่ขึ้นหน้า-ขึ้นตา เป็นที่ร่ำลือไม่รู้จบ
ก็มี “โกงแบ่งกัน” และ ๑๐% ทุกโครงการ ในยุคพี่
ยุคน้องก็มี “กินข้าวจำนำทุกเม็ด” แล้วหนีออกช่องทางหมาลอด ทิ้งหนี้ให้รัฐบาลประยุทธ์หาเงินมาใช้แทน ๗๐๕,๐๐๐ ล้านบาท ถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่หมด นั่นแหละ
ยังเหลือภาระหนี้อีก ร่วม ๓ แสนล้าน อีกราวๆ ๑๒ ปี หนี้ “โกงจำนำข้าว” ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์คนดี ถึงจะหมด
เงินใช้หนี้ “โกงจำนำข้าว” เอามาจากไหน?
ก็จาก “ภาษีกู” คือจากภาษีที่เราจ่ายไปนั่นไง เฉพาะดอกเบี้ย ก็ไม่หนี ปีละ ๕-๖ หมื่นล้าน!
นี่ถ้าไม่ต้องจ่ายหนี้โกง ในช่วงโควิด ช่วงเศรษฐกิจยามสงคราม เราคงไม่กระเบียด-กระเสียนกันขนาดนี้ รัฐบาลจะมีเงินมาแจกจ่าย เยียวยา กันได้สบายมากกว่านี้เยอะ
นี่แหละ….
ผลของการ “ทำดีจนเด่นเกิน” จึงถูกเขาอิจฉา ขืนให้เป็นผู้นำรัฐบาลอยู่ต่อ พวกเขาคงต้องไปสไลด์หนอน แทน “แลนด์สไลด์” แหงๆ!
ในเรื่องนโยบายต่างประเทศ ด้วยรัฐบาลประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย-พลังประชารัฐเป็นแกนนำ มีพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ มีรัฐมนตรีต่างประเทศชื่อ “ดอน ปรมัตถ์วินัย”
ไปแหกทุเรียนกินกันให้สบายใจได้เลย
ไม่ต้องห่วง เรื่องที่จะเอาชาติบ้านเมืองไปขาย หรือที่จะแอบไปเซ็นสัญญาอะไรผูกมัดในทางเอาประเทศชาติไปแลกประโยชน์โคตรตระกูลกู อย่างที่บางคนในบางรัฐบาลทำ
ถ้ารัฐบาลนี้ นายกฯคนนี้ เป็นคนแบบนั้น
วันนี้……
มันก็จะไม่มีขบวนการ “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน” เกิดขึ้น อย่างที่เป็นทุกวันนี้!
เพราะนายกฯ ประยุทธ์ “ไม่ยอมเขา” นั่นแหละ
คำว่า “ฝ่ายประชาธิปไตย-ฝ่ายเผด็จการ” และคำว่า “สืบต่ออำนาจ” จึงถูกเสี้ยมสร้างขึ้น เป็นกระแสปลุกปั่น “ชังชาติ”
ปูทาง”จลาจลเมือง-ล้มประยุทธ์”
เปิดทาง “สถาปนาอำนาจใหม่” ให้หัวหน้าคอกหมากลับเข้ามา
“ล้มสถาบัน”
และให้มันเป็น “แดงทั้งแผ่นดิน ทักษิณสถาปนา” อำนาจใหม่ใต้ปลอกคอ “อำนาจเดียวครองโลก-CFR”!
เราเคยขนานนาม “อดีตนายกฯ ชวน”ว่า
นายกฯ “จอมหลักการ”
แต่เรื่องการเดินเกมการเมืองระหว่างประเทศในภาวะสังคมโลก “แบ่งขั้ว-เลือกข้าง” ชัดแจ๋ว จนเห็นไฮโลเม็ดใน ว่า
นายกฯ ประยุทธ์ นี่แหละ “จอมหลักการ” คนที่สองละ
“เถ่าหยับซั้งเหม่ง” เดชคัมภีร์เส้าหลิน เคยดูมั้ย ผมก็ไม่เคยดูเหมือนกัน!
ท่องไว้…….
“ทางสายกลาง-กฎบัตรสหประชาติ” มุ่งสันติภาพ ยึดการเจรจา และยึด “มติ ๑๐ ชาติอาเซียน” เป็นมนต์ภาวนา
เราเป็นน้ำ อยู่ในมหาสมุทรก็น้ำ อยู่ในคลองก็น้ำ อยู่ในห้วยก็น้ำ อยู่ในแก้วก็น้ำ อยู่ในขวดก็น้ำ คงความเป็นน้ำได้ในทุกสภาวะสภาพ
มีมิตรร้อย ก็ยังน้อยไป มีศัตรูเพียงหนึ่ง ก็มากเกินไป ฉะนั้น ไว้ใจ “ประยุทธ์-ดอน” ได้ ในการเดินแต้มวิเทโศบาย
อย่างที่ไปประชุมสหรัฐฯ ๑๒-๑๓ พค.นี้ ไม่ใช่ไทยเราไปประเทศเดียวนะ
แต่ไปในความเป็นหนึ่งใน ๑๐ ชาติอาเซียน ซึ่งตอนนี้ “สมเด็จฮุนเซ็น” นายกฯ กัมพูชา เป็นประธาน
ความเป็นเอกภาพของอาเซียน คือจากแขนงไผ่ รวมกันเป็นกอไผ่นี่หละ ทำให้เกิดพลัง มีน้ำหนักในการต่อรองตกลงกับคู่เจรจาในแต่ละเรื่อง
แต่คราวนี้ จะขาดไป ๑ ผู้นำ คือ “ประธานาธิบดีดูเตอร์เต้” แห่งฟิลิปปินส์ เพราะอยู่ช่วงเปลี่ยนถ่ายอำนาจ
๙ พฤษภา.ฟิลิปปินส์ มีเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่พอดี ซึ่งท่านดูเตอร์เต้ให้เหตุผลที่ไม่เดินทางไปร่วมประชุมมีเหตุผลน่ารับฟังอย่างยิ่ง
“อาจมีข้อตกลงหรือข้อผูกมัดบางอย่างเกิดขึ้น และเขาอาจแสดงจุดยืนที่ไม่เป็นที่ยอมรับของประธานาธิบดีคนใหม่ ที่จะมาจากการเลือกตั้งวันที่ ๙ พฤษภาคมนี้”
และเขาบอกว่า……..
“ในช่วงที่จัดการประชุมสุดยอด การเลือกตั้งจะสิ้นสุดลงแล้ว และเราก็จะรู้ว่าใครจะเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป ผมก็เลยแจ้งไปว่า จะไม่เป็นการดี ถ้าผมไปร่วมประชุมทั้งที่กำลังจะมีประธานาธิบดีคนใหม่”
เป็นมรรยาททางการเมืองที่ถูกต้อง น่าชื่นชม ก็คงมีไป ๙ ชาติ หรือ ๘ ชาติ ไม่แน่ใจ คือไม่แน่ใจว่า “มินอ่องหล่าย” นายกฯ เมียนมา จะได้ไปด้วยหรือไม่
สรุปความแล้ว….
ปลายสัปดาห์หน้า จนถึงต้นสัปดาห์โน้น
พลเอกประวิตร ผู้รักษาการในตำแหน่งนายกฯ คงต้องรับบทเป็น “พระเอกหนังข่าว” หนักหน่อย
ก็คงวนเวียนอยู่กับคำถามนักข่าว เรื่องรัฐบาลจะคว่ำหรือจะหงายในศึกอภิปรายไม่ไว้งวางใจ ตามด้วยเรื่อง ๘ปี ลุงตู่ สมมติไม่รอด แล้วจะรับเป็น “นายกฯคนนอก” มั้ย?
และเรื่องเฉพาะหน้าที่กวนตีน-กวนใจ ปัญหา “คนหัวหงอก” ที่นายนิโรธ สุนทรเลขา วิปรัฐบาลตั้งสมญานามให้ว่า “สายลับ ๓ หน้า” นั่นน่ะ
เรื่องสัมปทานน้ำประปาในอีอีซี ผมไม่รู้ตื้นลึก-หนาบาง แต่เท่าที่จับประเด็นตามข่าว ตามที่แถลง ผมว่าพิลึกนะ
มีแต่รัฐบาลได้น้อยแล้วถูกโวย…..
แต่นี่ผู้ชนะประมูลให้ผลตอบแทนรัฐมากกว่าเจ้าเดิมกลับเป็นฝ่ายถูกโวย!?
เท่าที่ฟัง พวกที่ออกมาโวยแทนฝ่ายแพ้ประมูล จะเอา “ความจริงครึ่งเดียว” ตัดตอนมาพูด
เช่นอ้าง “เจ้าเดิม” เป็นรัฐวิสาหกิจ หวังให้คนเข้าใจว่า กรมธนารักษ์ไม่รักษาผลประโยชน์รัฐ เอาสัมปทานไปให้เอกชน ประมาณนั้น
ซึ่งมันไม่ใช่ ประปาภูมิภาคถือหุ้นแค่ ๔๐% แล้วจะเป็นรัฐวิสาหกิจได้ไง ส่วนอีก ๖๐% นั่นเป็นของใคร เงียบ..ไม่พูด
อันที่จริง เท่าที่ฟัง “อธิบดีกรมธนารักษ์” แจกแจงคร่าวๆ ก็พอเห็นอะไร-เป็นอะไร
แต่ประเด็นอยู่ตรงว่า พูดเฉยๆแถลงเฉยๆ มันมองไม่เห็นภาพ
ท่านลองทำ “อินโฟกราฟิก” แถลงแล้วแจกไปทั่วๆ ซีครับ
๑ ภาพ ชัดกว่า ๑๐๐ คำพูดครับ!
-เปลว สีเงิน
๗ พฤษภาคม ๒๕๖๕