โชคดีของนายกฯ คนต่อไป-ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ก็แปลกดี

เจอหนาวในหน้าร้อน แถมมีฝนโปรยปราย

จะบอกว่าสภาพอากาศวิปริตก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก  เพราะจากร้อนเป็นเย็นและชุ่มฉ่ำ น่าจะถูกใจหลายๆ คน

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ว่าเมื่อวานและวันนี้ (๓-๔  พฤษภาคม) บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้

ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนและอุณหภูมิลดลง

ส่วนในช่วงวันที่ ๕-๙ พฤษภาคม บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ มีกำลังอ่อนลง ประกอบกับความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น

มีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีฝนเพิ่มขึ้น

กับมีลมกระโชกแรงและฝนตกหนักบางแห่ง

ก็ครบรสในรอบ ๑ สัปดาห์ครับ

ปกติฤดูฝนจะเริ่มกลางเดือนพฤษภาคม ไปจบปลายเดือนตุลาคม

แต่ปีนี้เป็นวงรอบของ ลานีญา

ถ้านึกภาพไม่ออก หรือจำไม่ได้ว่า ลานีญา มีพิษสงอย่างไร ให้ย้อนกลับไปปี ๒๕๕๔

ปีที่ “ยิ่งลักษณ์” บอกว่า “เอาอยู่” นั่นแหละครับ

ปีนั้นเกิดปรากฏการณ์ลานีญา ฝนมาเร็วกว่าปกติ

ปริมาณฝนสะสมทั้งประเทศตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม ๒๕๕๔ สูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง ๓๕%

น้ำฝนมาจากไหนมากมายขนาดนั้น

ลานีญา ทำให้ปี ๒๕๕๔ มีพายุที่เข้าไทยโดยตรง และโดยอ้อมจากทะเลจีนใต้ ทั้งหมด ๕ ลูก

พายุโซนร้อนไหหม่า

นกเตน

ไห่ถาง

เนสาด

และนาลแก

ปลายเดือนมิถุนายน “ไหหม่า” ถล่มพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน

ปลายเดือนกรกฎาคม “นกเตน” เข้าฝนตกไม่ลืมหูลืมตา ขณะที่น้ำฝนเก่าที่ตกก่อนหน้ายังระบายไม่หมด

ปลายเดือนกันยายน “เนสาด” มา ตามด้วย “ไห่ถาง”  ตอนบนของประเทศ ทั้งเหนือ อีสาน รับน้ำจนล้นแล้วล้นอีก

ต้นตุลาคมถึงคิว “นาลแก” ถล่มภาคกลาง เติมน้ำรอน้ำเหนือมาถล่มซ้ำ

“ยิ่งลักษณ์” นั่งยันนอนยัน เอาอยู่

สุดท้าย ทะลัก!

นั่นคือ ลานีญา รอบล่าสุด

และปีนี้วนมาอีกรอบ เริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนตุลาคม  ๒๕๖๔

ก็พบเห็นตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์หลายๆ ครั้งว่า ฝนตกเร็ว มีฝนจากพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นบ่อยครั้งตั้งแต่เดือนมีนาคม-เมษายน ต่อเนื่องถึงฤดูฝนในเดือนพฤษภาคม มีฝนตกมากในหลายพื้นที่ของประเทศไทยตอนบน ทำให้สถานการณ์แล้งของปี ๒๕๖๕ ไม่รุนแรงมาก

“ลานีญา” จะทำให้ฝนทิ้งช่วงในเดือนมิถุนายน กลับมาตกอีกทีเดือนกรกฎาคม

หลังจากนั้นฝนตกน้อยกว่าปกติในช่วงเดือนสิงหาคม-ธันวาคม จากการพลิกกลับไปเป็นสภาวะ “เอลนีโญ”

สำหรับพายุ ไม่ต้องตกใจ ปีนี้คาดว่าเจอแน่ๆ ๓-๔ ลูก  ถือเป็นเกณฑ์ปกติ

“ลุงตู่” ไม่จำเป็นต้องประกาศว่าเอาอยู่

ครับ…ชวนคุยเรื่องสภาพอากาศ ลักเอาความรู้จากกรมอุตุฯ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ มาปะติดปะต่อ ก็ได้ความอย่างที่ว่า

แต่อาจไม่ได้เป็นตามนี้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เพราะมันคือการพยากรณ์

การเมืองก็ต้องพยากรณ์เช่นกัน

ตอนนี้ทั้ง “โหร” และ “โหน” พากันทำนาย บ้างก็เดากันสนุกสนาน เรื่อง อนาคต “ลุงตู่” ถ้าปล่อยให้บริหารประเทศต่อ มีแต่ฉิบหายวายป่วง

คำพูดนักการเมืองบางทีมันก็เหมือนผายลม

เหม็น!

การโจมตีทางการเมืองส่วนใหญ่ มักจะไม่อ้างอิงข้อเท็จจริง แต่จะพูดไปเรื่อยเปื่อยเป็นผีเจาะปากเสียมากกว่า

ฟันธงกันตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ ว่าประเทศฉิบหายแน่

นี่ก็เข้าปีที่ ๘ แล้ว ถ้าฉิบหายจริงคงไม่เหลือซากให้ด่า

ไม่มีรัฐบาลไหนดีเลิศประเสริฐศรี และเช่นกันไม่มีรัฐบาลไหนทำอะไรก็ชั่วไปหมด แต่ต้องชั่งน้ำหนัก ต้องดีมากกว่าเลว ถึงจะอยู่ได้และประชาชนยังพอให้การต้อนรับ

รัฐบาลทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ข้อดีก็มี เป็นข้อดีเฉพาะกลุ่ม

แต่ข้อเสียมันทำร้ายชาติ

รัฐบาลลุงตู่ ก็เหมือนกัน ข้อเสียก็มีสำหรับคนบางกลุ่ม

แต่ข้อดีเพื่อชาติชั่งน้ำหนักแล้วมันมากกว่า ถึงขนาดหลายๆ คนยอมกลายเป็นพวกชังชาติ หูตาขวางด่ากราดไปทั่ว

ต้องเข้าใจครับว่า การเมือง ก็มาเป็นรอบๆ เหมือน “เอลนีโญ” กับ “ลานีญา”

รอบใครรอบมัน ผลที่ออกมาไม่เหมือนกัน

รอบต้มยำกุ้ง “พ่อใหญ่จิ๋ว” ส่งของเน่าให้ “นายหัวชวน”  มาปรุงแต่งใหม่ โดนด่ารอบทิศ ว่าขายชาติเป็นทาส ไอเอ็มเอฟ

เพิ่มโน่นตัดนี่อยู่ ๓ ปีกว่า จากของเน่าเริ่มกลายเป็นของสด จากล้มกลายเป็นคลานเริ่มจะลุกขึ้นเดิน ก็เปิดโอกาสให้ประชาชน เลือกผู้แทนกันใหม่

“ทักษิณ” มาพร้อมกับสถานการณ์ขาขึ้น

มีคนบอกว่า “ทักษิณ” บริหารประเทศเก่ง ก็เก่งจริงครับ  แต่เก่งในขาขึ้น ไม่ได้เก่งในวิกฤต

แต่ก็ใช่ว่าจะสุดยอดไร้เทียมทานในช่วงขาขึ้น

ไม่งั้นรถไฟฟ้าที่โม้ไว้ว่า ๑๐ สาย มันก็เสร็จไปตั้งแต่ยุค  “ทักษิณ” แล้ว

เอาความจริงมาแบกัน

รถไฟฟ้ามาพุ่งพรวดเป็น ๑๑ สายในยุค “ลุงตู่”

เป็นวิทยาศาสตร์ครับ ถ้านักการเมืองคนไหนข้องใจ  ลงพื้นที่ไปนับได้ว่ารถไฟฟ้าสีไหนได้เกิดในยุคไหน

วิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ขาลงอีกรอบ เริ่มมีเค้ามาตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ ในรัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ ลากยาวถึงปี ๒๕๕๒ ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์

และมีลูกหลงไปอีกปีสองปี

มาถึงรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” ขาขึ้นอีกแล้ว

รัฐบาล ทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ โชคดี มารับช่วงเศรษฐกิจขาขึ้นด้วยกันทั้งคู่

แต่โชคดีก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะทั้งคู่กลายเป็นรัฐบาลโคตรโกง

รัฐบาลลุงตู่ เจออะไร?

สาหัสเป็นประวัติศาสตร์ ก็โควิด-๑๙ นี่แหละครับ  กระเทือนไปทั้งโลก

เศรษฐกิจแทบจะพังพินาศกันหมด

ต้มยำกุ้งว่าหนักแล้ว โควิด-๑๙ สาหัสกว่า

ซ้ำเติมด้วยสงครามรัสเซีย-ยูเครน เข้าไปอีก

พรรคไหนที่บอกว่าถ้าได้เป็นรัฐบาลรับรองทำได้ดีกว่า “ลุงตู่” ก็ไอ้พรรคนี้นี่แหละ ขาขึ้นก็ยังทำให้ฉิบหายได้

แต่ก็แสดงความยินดีกับรัฐบาลหน้าครับ เป็นใครยังไม่รู้  เพราะเศรษฐกิจโลกน่าจะวนเข้าสู่ขาขึ้นอีกรอบ

โควิดหาย สงครามจบ แถมรัฐบาลลุงตู่วางรากฐานเอาไว้ให้เยอะพอควร

โครงสร้างพื้นฐาน รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง ถนน มอเตอร์เวย์

โดยเฉพาะเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

เชิญเก็บกินกันครับ



Written By
More from pp
นายกรัฐมนตรีมอบผู้แทนลงพื้นที่ชุมชน กทม. มอบถุงกำลังใจ สู่โควิด-19
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมอบสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นำถุงกำลังใจ สู้โควิด-19 ไปมอบให้กับผู้แทนชุมชนวัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม กรุงเทพมหานคร เพื่อนำไปมอบให้ผู้ป่วยติดเตียงที่กำลังประสบปัญหาความเดือดร้อนและความยากลำบากในชุมชน
Read More
0 replies on “โชคดีของนายกฯ คนต่อไป-ผักกาดหอม”

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
'); }); var ratingTotalIndicator = function() { var indicator = document.querySelectorAll('.rating-total-indicator'); if (typeof indicator === 'undefined' || indicator === null) { return; } for ( var i = 0, len = indicator.length; i < len; i++ ) { var circle = indicator[i].querySelector('.progress-ring__circle'); var radius = circle.r.baseVal.value; var circumference = radius * 2 * Math.PI; circle.style.strokeDasharray = `${circumference} ${circumference}`; circle.style.strokeDashoffset = `${circumference}`; function setProgress(percent) { const offset = circumference - percent / 100 * circumference; circle.style.strokeDashoffset = offset; } var dataCircle = indicator[i].getAttribute('data-circle'); setProgress(dataCircle); } }; ratingTotalIndicator(); var slideDock = function() { var slide_dock = document.querySelector('.slide-dock'); if (typeof slide_dock === 'undefined' || slide_dock === null) { return; } function isVisible (elem) { var { top, bottom } = elem.getBoundingClientRect(); var vHeight = (window.innerHeight || document.documentElement.clientHeight); return ( (top > 0 || bottom > 0) && top < vHeight ); } viewport = document.querySelector('#footer'); window.addEventListener('scroll', function() { if ( isVisible(viewport) ) { slide_dock.classList.add('slide-dock-on'); } else { slide_dock.classList.remove('slide-dock-on'); } }, false); var close = document.querySelector('.close-dock'); close.addEventListener('click', function(e) { e.preventDefault(); slide_dock.classList.add('slide-dock-off'); }); }; slideDock();