“นรกเพื่อสวรรค์” กำนันสุเทพ

เมื่อวาน (๒๔ กค.๖๒) อ่านข่าว ป.ป.ช.ชี้มูล “กำนันสุเทพ” ในคดีก่อสร้างสถานีตำรวจ ๓๙๖ แห่งล่าช้า

ในฐานะเป็นรองนายกฯ กำกับดูแลงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ปี ๕๑-๕๔ ซึ่งนี้ สืบต่อมาจากรัฐบาลก่อนๆ

ก็หมายความว่า “กำนันสุเทพ” นอกจากเป็นแกนนำ “มวลมหาประชาชน” ออกมาช่วยกัน “กู้บ้าน-กู้เมือง” ท้ายปี ๕๖ ต่อเนื่องปี ๕๗

จนบ้านเมืองอยู่รอดปลอดภัย……

เป็นรอดปลอดภัยที่จบลงด้วยกำนันและพวก ได้รับข้อหา “กบฏบ้าน-กบฏเมือง” เป็นบำเหน็จรางวัลงดงาม

กฎหมาย ต้องเป็นกฎหมาย

กฎกรรม ต้องเป็นกฎกรรม

ส่วนชะตามนุษย์นั้น นอกจากตัวกระทำแล้ว “ฟ้า-ดิน” ยังเป็นผู้กำหนด
ในกฎเหล่านี้

นักพรตผู้บำเพ็ญสู่โพธิสัตว์ เคยมีคำกล่าวว่า “ถ้าอาตมาไม่ยอมลงนรก แล้วจะมีใครล่ะ ที่ได้ขึ้นสวรรค์?”

ผมจึงพอเข้าใจกำนันสุเทพและมวลน้ำมิตรมหาประชาชน ผู้ยอม “ลงนรก” เพื่อให้ประเทศชาติ  “เป็นสวรรค์” ของพี่น้องร่วมชาติทุกคน!

ดังนั้น ช่วงนี้ ผมจึงเห็นกำนัน “จำเลยคดีกบฏ” เทียวขึ้น-เทียวลงศาลบ่อย ได้ยินท่านบอกว่า เป็นช่วงสืบพยานโจทก์

และวันนี้ (๒๕ กค.๖๒) เพื่อนน้ำมิตรเพื่อแผ่นดินที่ตกเป็นจำเลยในข้อหาเดียวกันแต่ถูกจับก่อน และดีเอสไอ. ทำคดีส่งอัยการส่งฟ้องศาลอาญาก่อน ประกอบด้วย

“นายสกลธี ภัททิยกุล, ดร.เสรี วงศ์มณฑา, นายสมบัติ ธำรงค์ธัญวงศ์, นายสนธิญาน ชื่นฤทัยในธรรม”

ศาลจะมีคำพิพากษาวันนี้ ที่ศาลอาญา!

ก็ไปฟังกันได้ กำนันสุเทพบอกว่า ตัวท่านก็จะไปฟังเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน

ส่วนคดีในชุดที่กำนันกับพวกอีกหลายสิบคนเป็นจำเลยนั้น ยังอยู่ระหว่างสืบพยาน

คดีก็น่าจะเร็ว เพราะศาลนัดสืบพยานโจทย์-จำเลยต่อเนื่อง น่าจะตัดสินในอีกไม่ช้า

วันนี้ มีคำตัดสิน ๔ จำเลย ออกมาแบบไหน ก็น่าจะเป็นแนว “เฉลยข้อสอบ”

ในคดีกำนันและพวก ก็มานั่งนึกๆดู เส้นทางชีวิตกำนันนี่ เข้าตามหลัก อย่างใด-อย่างหนึ่ง ในบุคคล ๔ จำพวก

-ตโม ตมปรายโน มืดมา แล้วก็มืดไป

-ตโม โชติปรายโน มืดมา แล้วก็สว่างไป

-โชติ ตมปรายโน สว่างมา แล้วก็มืดไป

-โชติ โชติปรายโน .สว่างมา แล้วก็สว่างไป

ก็ลองพิจารณากันเอาเอง จากอดีตถึงปัจจุบัน ว่าบุคคลเช่นกำนันสุเทพ ควรอยู่ในจำพวกใด

ผมว่าน่าจะอยู่ในข้อ “ตโม โชติปรายโน” มืดมา-สว่างไป เพราะอย่างนั้น…….

ช่วงนี้ ดวงกำนัน จึงดูจะสมพงศ์กับคดีความและคุก-ตะรางเป็นพิเศษ!

กำนันจะต้องถูกขึงขอบนรก เป็นสะพานให้ผู้อื่นทั้งมนุษย์และสัตว์ได้ก้าวสู่ฝั่งสวรรค์ เป็นเวลาประมาณ ๑๖ ปี

ขจัดความมืดจากที่มา พาตัวเองและหมู่คณะสู่แสงใหม่ ที่จะไม่กลับไปมืดอีก

ผมลองนั่งลำดับความตัวเองดู ว่ารู้จักกำนันสุเทพตั้งเมื่อไหร่?

ก็งงตัวเอง คือมันก็แปลก…….

เหมือนว่ารู้จักมักคุ้นกันมานานนับ แต่จริงๆแล้ว กำนันกับผม ไม่เคย “รู้จักตัว” กันเลย ตลอด ๓๐-๔๐ ปี

เพิ่งรู้จัก-เห็นตัว ครั้งแรก ตอนกำนันเสร็จภารกิจล้างเมืองแล้วไปบวชอยู่สวนโมกข์

และได้นิมนต์ “พระสุเทพ” มากล่าวธรรมที่โรงพิมพ์ ตอนวันเกิดไทยโพสต์ เมื่อ ๒๑ ตุลา.๕๗ นี่เอง

นั่นเป็นครั้งแรก แต่ก่อนหน้านั้น โดยเฉพาะตอนนำมวลมหาประชาชนขจัดมารให้แผ่นดิน

ผมกลับมีความรู้สึกมักคุ้นกำนันทางจิตสัมผัส เหมือนได้คลุกคลีกันมาเป็น ๒๐-๓๐ ปี

และจากนั้น จนบัดป่านนี้ กำนันจะเข้าคุกไม่เข้าคุกแหล่ ผมเคยเจอและได้กินขนมจีบกับไก่แช่เหล้ามื้้อเที่ยงกับกำนัน “หนเดียว”

เป็นความผูกพันทางใจเท่านั้น กับสัมพันธ์ทางตัวเรียกว่าแทบไม่มี
ที่ผูกพันเพราะผมรักน้ำใจ คนที่ “พร้อมตาย” เพื่อแผ่นดินและสถาบันได้ดำรงอยู่

และที่สำคัญ “ไม่ทิ้งเพื่อนฝูง”

สุข-สุขด้วยกัน ส่วนทุกข์ ถ้าเป็นไปได้ พร้อมทุกข์คนเดียว เพื่อสุขของผองเพื่อนทุกคน

มีเรื่องเดียวที่ผมไม่เห็นด้วย และไม่สนับสนุนแต่แรก คือที่กำนันประกาศ “ล้างมือการเมือง”!

แต่นั่น เป็นเหตุผลในสถานการณ์หนึ่งที่กำนันคนเดียวเท่านั้นที่รู้ และต้องทำ เพื่อเซฟประชาธิปัตย์ในทางอนาคต
สำหรับตัวผม ไม่มีเหตุผลและสิทธิอันใดจะไปห้ามปราม หรือบอกว่าไม่เห็นด้วย

ขับรถเกียร์ ๕ แต่ดันใส่เบรกมือ ถามว่ารถยังวิ่งไปได้มั้ย?

ไปได้…แต่มันพัง!

ก็อย่างที่เห็นจากผลเลือกตั้ง ๒๓ มีนา. ตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.)

ตอน กปปส. มวลมหาประชาชนนับล้านๆ ออกมา ก็เพราะหวังด้วยมั่นใจในการนำของกำนันสุเทพ

แต่พอเป็นพรรคลงเลือกตั้ง แม้กำนันเดินคารวะทั้งแผ่นดิน แต่มวลมหาประชาชนไม่เลือกพรรครวมพลังประชาชาติไทย

เพราะ กำนันบอกไม่เล่นการเมือง ไม่ขอรับตำแหน่งใดๆทางการเมือง

อ้าว…งั้นเลือกพรรครวมพลังประชาชาติไทยไปก็ไม่ได้กำนันเข้าไปทำหน้าที่แทนเขาในสภา
แล้วจะเลือกทำไม?

เรื่องปณิธานซับซ้อนของกำนัน แต่มันเป็นเรื่อง ๑+๑ เป็น ๒ ของชาวบ้าน ซึ่งเป็นประเด็นง่าย แต่แสนยากของกำนันที่ต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า
ในเมื่อการเมืองด้วยพรรครวมพลังประชาชาติไทยต้องเดินต่อไป แล้วจะยังใส่ “เบรกมือ” เหมือนเดิมหรืออย่างไร?

ผมไม่ต้องการให้กำนันถูกตราหน้าว่า “ตระบัดสัตย์” ถ้ากลับลงเล้นการเมืองอีก

แต่ต้องการบอกกำนันว่า ในเส้นทางการเมือง ถ้ากำนันไม่ยอมลงนรก
แล้วมวลหมู่สมาชิก รปช. จะขึ้นสวรรค์ คอยนำมวลมหาประชาชนพิทักษ์ชาติและสถาบันได้อย่างไร?

ภารกิจยังไม่จบ….

สำหรับกำนันนั้น “พระนิพพาน” จะไปพบไม่ได้หรอก

เมื่อมารร้อยแปดยังต้องมีให้ผจญ การบำเพ็ญตนของกำนัน อยู่ในขั้นพระโพธิสัตว์ นั่นน่าจะเหมาะสม-ลงตัวกว่า

เรื่องเสีย-ไม่เสียสัตย์นั้น ต้องวัดจากเจตนากระทำว่า เปลี่ยนใจ ด้วยสัมมาทิฏฐิ คือความเห็นชอบ

หรือเปลี่ยนด้วย มิจฉาทิฏฐิ คือความเห็นผิด?

ถ้าเปลี่ยนเพื่อเจตนาเข้าไปนำพาสังคมบ้านเมืองที่ยังมีผู้มุ่งร้ายแอบแฝง มันเป็นกุศลเจตนามิใช่หรือ
แต่ถ้าเปลี่ยนด้วยต้องการเข้าไปมีตำแหน่ง เพื่อใช้ตำแหน่งโกงแล้วเอามาแบ่งกัน อย่างนั้นเป็นอกุศลเจตนา ร้ายยิ่งกว่าที่ว่าเสียสัตย์
ไปถึงขั้น “เลวกว่าสัตว์” อย่างนั้นเลย!

ผมไม่ใช่พระ แต่วันนี้ อยากบิณฑบาตกำนันว่า เอาอย่างนี้ดีไหม

จะติดคุก จะถูกประหารฐานกบฏ หรือฟ้า-ดินกำหนดให้เป็นทางใดก็แล้วแต่
ขอให้กำนันตัดสินใจอีกสักครั้ง เมื่อประกาศล้างมือการเมืองต่อหน้ามวลมหาประชาชนในครั้งนั้น

ก็ลองประกาศให้ “มวลมหาประชาชน” คือกปปส.ออกเสียงลงมติอีกครั้งว่า

ต้องการให้กำนัน “ถอนคำประกาศ” นั้น ออกมานำพรรคไปตามคัลลอง หรือยังยืนให้เป็นไปตาม “ประกาศเดิม”?

เพื่อตัดครหา….

ให้องค์กรไหนสักแห่งเป็นผู้จัดทำ ซึ่งผมไม่ได้หมายให้เป็นประชามติ ต้องการให้เป็นมติ “มวลมหาประชาชน” เป็นหลัก

เพราะผมพิเคราะห์แล้ว กำนันเดินอยู่ในวงรอบยมทูตใต้พิภพ เป็นเวลา ๑๖ ปี

จากปี ๒๕๕๑ จะไปสิ้นสุดหลุดจากวงรอบในปี ๒๕๖๖

“หัว-ก้อย” ออกได้ทั้งนั้น สำหรับใน ๔ ปี ของกำนันจากตอนนี้

ฉะนั้น การบิณฑบาตเป็นของผม
ส่วนจะเปิดฝาบาตรหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของกำนัน

แต่ขอฝากคำเดียว ถ้าเดินการเมือง จะทำอะไรก็ได้ แต่นโยบายที่ต้องยึด คือ

“เศรษฐกิจพอเพียง”

ผิดจากนี้ ไม่ว่าไทยหรือประเทศไหน ในศตวรรษใหม่ ไปไม่รอด!

Written By
More from plew
ฝันที่ (อาจ) เป็นจริงของไทย
“เสน่ห์” ที่ชวนค้นหา……… และเป็น “ยาต่อชีวิต” มนุษย์ได้ดีที่สุด คืออะไร ท่านทราบมั้ย? ไม่ต้องเดา จะบอกให้ “ความหวัง” ไงล่ะ!
Read More
0 replies on ““นรกเพื่อสวรรค์” กำนันสุเทพ”