ชื่อใหม่ของ “ปารีณา” – เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

อย่าจำชื่อ “นางสงกรานต์” ปีนี้สับสนกันนะครับ
ชื่อ “กิริณีเทวี”
ไม่ใช่ “ปารีณาเทวี”!?
ตามคำทำนายนางสงกรานต์ปีนี้ บอกว่า บ้านเมืองจะเกิดยุทธสงคราม จะฆ่าฟันกัน จะนิราศจากกัน จะฉิบหายเป็นอันมากแลฯ
จะแม่น-ไม่แม่น ไม่รู้

แต่ที่ว่าจะ “นิราศจากกัน” น่าจะแม่น!
เพราะไม่ทันไร คุณปารีณาไม่เพียงนิราศจากตำแหน่งสส.เท่านั้น ยังหนักหนาถึงขั้น “นิราศร้าง” ห่างหายไปเลยจากวงจรการเมืองตลอดชีวิต

จากผลคดีปารีณา ยังทำเอาสส.ที่ถูกร้องเรื่องจริยธรรมเกี่ยวกับการถือครองที่ดินอาจไม่ถูกต้องอีกหลายสิบคน เช่น นายประเสริฐ จันทร์รวงทอง เลขาฯ พรรคเพื่อไทย เป็นต้น
ต้องสยิวก้นตามๆ กันไป!

ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อวาน (๑๑ เมย.๖๕) จากที่ไม่คิด-ไม่ฝัน วันนั้นจะมาถึง จู่ๆ “ประตูบานแรก” ของ “นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ก็เปิด

กรณี เมื่อ ๑๘ มค.๖๔ ธนาธรไลฟ์เฟซบรรยายหัวข้อเกี่ยวกับวัคซีนบนเพจคณะก้าวหน้าและเพจนายธนาธร วิจารณ์การจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาลล่าช้า มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน ที่เคยเป็นข่าวครึกโครมตอนนั้น ท่านคงจำกันได้

เมื่อวาน…..
พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา “มีคำสั่งฟ้อง” นายธนาธร ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ เเละ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
นำตัวไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาทันที

ศาล “มีคำสั่งรับฟ้อง”
หลังอัยการยื่นฟ้อง ศาลได้สอบคำให้การ นายธนาธร “จำเลย” ให้การปฏิเสธ

ทนาย “กฤษฎางค์ นุตจรัส” ยื่นคำร้องขอประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ ๙๐,๐๐๐ บาท
ศาลอนุญาตให้ประกัน

กำหนดเงื่อนไข ห้ามจำเลยกระทำการใดๆ ในทำนองเดียวกันกับที่ถูกกล่าวหา
หรือไปกระทบ “สถาบันพระมหากษัตริย์” อีก ในระหว่างการปล่อยชั่วคราว มิฉะนั้น จะถือว่า ผิดสัญญาประกัน
นัดตรวจพยานหลักฐาน ๖ มิ.ย.๖๕ เวลา ๐๙.๐๐ น.

ธนาธรช่วงนี้ นับว่า “ดวงเปิด”
ได้อะไร ก็มักจะได้แบบมาเนืองนอง คดีความก็เหมือนกัน เมื่อวาน นอกจากตกเป็นจำเลยต่อศาลด้วยข้อหา ๑๑๒ แล้ว

กรณี “ถือครองหุ้นสื่อ” ลงสมัครรับเลือกตั้ง เมื่อปี ๒๕๖๒ ในคดีอาญา ตำรวจสน.ทุ่งสองห้อง มีความเห็นสั่งฟ้องนายธนาธร แต่ที่อัยการมีความเห็น “สั่งไม่ฟ้อง” นั้น

เมื่อความเห็นไม่ตรงกัน ก็ต้องส่งเรื่องให้ผบ.ตร.ทำความเห็น
และเมื่อวาน ผบ.ตร.มีความเห็นออกมาแล้วครับ!

เอาอ่านละเอียดจากข่าวเลยดีกว่า เล่าเองอาจเลอะๆ เลือนๆ แต่ละขั้นตอน ลอกจากไทยโพสต์กันเองนี่แหละ
………………………………..

๑๑ เม.ย.๒๕๖๕ พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รองผบ.ตร.ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนวนการทำความเห็น
คดีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งความดำเนินคดีอาญากับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

กรณีถือหุ้นสื่อ “บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด” ลงสมัครรับเลือกตั้งเมื่อปี ๒๕๖๒
ซึ่งต่อมา พนักงานสอบสวนสน.ทุ่งสองห้อง มีความเห็นสั่งฟ้องธนาธร ว่าทำผิดพรบ.เลือกตั้งส.ส.ฯ

แต่ปรากฏว่า อัยการมีความเห็น “สั่งไม่ฟ้อง” นายธนาธร ทำให้ต้องส่งเรื่องให้ “พล.ต.อ.สุวัจน์ แจ้งยอดสุข” ผบ.ตร. ทำความเห็นตามประมวลกฎหมายอาญา

โดยทางตำรวจเปิดเผยว่า….
ขณะนี้ คดีธนาธรดังกล่าว สำนวนออกจาก “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ไปที่อัยการสูงสุดแล้ว
โดย “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” มีความเห็นแย้งกับอัยการ ทำให้ต้องส่งเรื่องให้ “อัยการสูงสุด” ชี้ขาด

ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา หากพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดีอาญา ต้องส่งเรื่องให้อัยการมีความเห็น เพื่อยื่นฟ้องต่อศาล

แต่หากตำรวจส่งสำนวนและความเห็นไปแล้ว อัยการมีความเห็นแย้งสั่งไม่ฟ้อง ต้องส่งเรื่องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีความเห็น

ซึ่งผบ.ตร.อาจส่งเรื่องให้ผู้เกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดีอาญา พิจารณาทำความเห็น แล้วส่งสำนวนมาให ผบ.ตร. พิจารณาชี้ขาด

โดยหาก ผบ.ตร. มีความเห็นแย้งกับอัยการ คือมีความเห็นสั่งฟ้อง ก็ต้องส่งให้อัยการสูงสุด ชี้ขาดในขั้นตอนสุดท้าย
หาก “อัยการสูงสุด” มีความเห็น “สั่งไม่ฟ้อง”
“คดีก็จบ”

แต่หากมีความเห็น “สั่งฟ้อง” ก็จะส่งเรื่องให้อัยการเจ้าของสำนวนคดี ส่งฟ้องต่อศาลต่อไป

ทั้งนี้ คดีอาญาดังกล่าว เกิดขึ้นหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อ ๒๐ พย.๖๒ ว่านายธนาธรเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด แล้วไปลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่

“ศาลรัฐธรรมนูญ” จึงวินิจฉัยว่า…..
นายธนาธร “ขาดคุณสมบัติ” การลงเลือกตั้ง เพราะมีคุณลักษณะต้องห้ามไม่ให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.

ทำให้สมาชิกภาพ ส.ส.นายธนาธรสิ้นสุดลง ตั้งแต่วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๒ จากนั้น กกต.มีมติให้แจ้งความดำเนินคดีอาญากับธนาธร ตามพรบ.การเลือกตั้งส.ส.ฯ มาตรา ๑๕๑

มีโทษจำคุกตั้งแต่ ๑-๑๐ ปี และปรับตั้งแต่ ๒๐,๐๐๐-๒๐๐,๐๐๐ บาท และให้ศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด ๒๐ ปี

ปัจจุบันนี้ นายธนาธรโดนตัดสิทธิ์การเลือกตั้ง ๑๐ ปี ในคดี “ยุบพรรค” อนาคตใหม่

ครับ….
หมายความคดีหุ้นสื่อ จะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง ต้องไปลุ่นกันขั้น “อัยการสูงสุด”

นอกจากนี้……..
นายธนาธร ยังมีคดีอาญาอีกหนึ่งคดี คือคดีถูกกรมป่าไม้แจ้งความกับตำรวจ บก.ปทส.ในคดีรุกป่าสงวนแห่งชาติราชบุรี ๒,๐๐๐ ไร่ ที่กรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอน เมื่อปลายเดือนมีนาคม ๖๕

โดยนายธนาธรมีชื่อถือครองที่ดินร่วมกับ “นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ” มารดาและ “นางชนาพรรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ” พี่สาว สองผู้บริหารระดับสูงบริษัทไทยซัมมิตฯ

คดีดังกล่าวนี้ ตำรวจบก.ปทส. “สั่งไม่ฟ้อง” นายธนาธร -นางสมพรและนางชนาพรรณ
ทำให้ “กรมป่าไม้” ทำความเห็นแย้งถึง “อัยการราชบุรี” จนอัยการสั่งให้ตำรวจบก.ปทส.สอบสวนเพิ่มเติม

ซึ่งล่าสุด…..
บก.ปทส.ได้สอบสวนเพิ่มเติมเสร็จหมดแล้ว รวมถึงส่งหนังสือกรมที่ดินให้อัยการราชบุรี มีความเห็นว่า จะสั่งฟ้องคดีอาญาสามแม่ลูกจึงรุ่งเรืองกิจหรือไม่?
………………………….

อืมมมมม….
จะว่าไปแล้ว ต้องชมครอบครัว “จึงรุ่งเรืองกิจ” นอกจากมากบุญ-มากบารมีแล้ว ยังหนังเหนียวอีกตะหาก ไม่รู้ศิษย์อาจารย์สำนักไหน?

เพราะแต่ละคดี ทั้งตำรวจ-ทั้งอัยการ ต้องใช้เวลาทำสำนวนและตรวจสอบธำรงหลักยุติธรรมถึงขึ้นโยนกลับไป-กลับมา ใช้เวลายาวนานเป็นปีๆ

สุดท้ายแล้ว ทั้งคดีถือหุ้นสื่อฯ และคดีบุกรุกป่าสงวนฯ ก็ยังต้องลุ้นกันทั้งขั้นอัยการจังหวัดและขั้นอัยการสูงสุด ว่าจะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง

“ปารีณา” นี่ สงสัยชื่อไม่ถูกโฉลก

ไปเปลี่ยนเป็น “ปารีธร” หรือไม่ก็ “ปารีพร” น่าจะปังกว่านะ ถึงสภาไม่มีให้ไป ก็น่าจะยังพอมีไก่ให้เลี้ยงละน่า!



Written By
More from plew
“การเมืองถึงระดับโรงเรียน”
ทำไม “จาตุรนต์” กับแก๊งโหน “ก่อการ ๒๔๗๕” จึงเร่งให้โรงรียน “เปิดเทอม” เร็วๆ? บางคนอาจสงสัย…….. ก็ในเมื่อรัฐบาลประกาศแล้ว เพื่อป้องกันโควิดแพร่เชื้อ ให้เลื่อนจากกลางพฤษภา.ไปเปิดเทอมวันที่...
Read More
0 replies on “ชื่อใหม่ของ “ปารีณา” – เปลว สีเงิน”