ผักกาดหอม
คึกคักดี
วานนี้ (๖ เมษายน) หลายพรรคการเมืองมีกิจกรรมเคลื่อนไหว ดูแล้วอบอุ่น
พรรคภูมิใจไทย ทำบุญพรรคก้าวสู่ปีที่ ๑๔
“เจ๊หน่อย” ยกเสาเอกสร้างที่ทำการสำนักงานใหญ่พรรคไทยสร้างไทย ย่านดอนเมือง
ส่วนประชาธิปัตย์ ก็ครบรอบ ๗๖ ปี
ฟัง “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” พูดถึงวันที่ประชาธิปัตย์ก้าวเข้าสู่ปีที่ ๗๗ แล้ว อดนึกถึงแฟนคลับไม่ได้
“…ประชาธิปัตย์ไม่ใช่เป็นแค่พรรคการเมืองที่มีอายุยืนยาวที่สุดของประเทศเท่านั้น แต่ยังถือเป็นสถาบันการเมืองที่ยั่งยืนที่สุดของประเทศที่อยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมาต่อเนื่องยาวนาน
และยังจะอยู่ต่อไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย
เพราะประชาธิปัตย์ประกอบด้วยคนทุกรุ่น ไม่ใช่พรรคการเมืองของคนรุ่นใดรุ่นหนึ่ง ผู้อาวุโสของพรรคก็จะทำหน้าที่เป็นหางเสือ สำหรับคนรุ่นปัจจุบันก็จะทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนพรรคไปสู่ทิศทางและเป้าหมาย และคนรุ่นใหม่ก็จะเป็นคนที่มาสืบทอดอุดมการณ์พรรคต่อไปในวันข้างหน้า พรรคประชาธิปัตย์จึงเป็นพรรคการเมืองของคนทุกรุ่น เรามีทั้งอดีต ปัจจุบัน และมีอนาคต…”
ครับ…ที่ต้องนึกถึงหน้าแฟนคลับเพราะ ประชาธิปัตย์วันนี้ไม่เหมือนเดิม สาวกแตกเป็นหลายกลุ่ม แม่ยกอยู่ก๊วนใครก๊วนมัน ในอดีตประชาธิปัตย์ไม่เคยเป็นแบบนี้
ยกตัวอย่าง ณ วันนี้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ยังอยู่ประชาธิปัตย์ แต่ก็เหมือนไม่มีตัวตน
ขณะที่แม่ยกอภิสิทธิ์ เท้าสะเอวอัด จุรินทร์ แทบทุกวัน
แต่ฟันธงว่า ประชาธิปัตย์ อยู่ต่อไปตราบชั่วฟ้าดินสลายแน่นอน
แค่บางช่วงเวลาจะเป็นพรรคเล็ก หรือพรรคขนาดกลาง บางเวลาก็กลายเป็นพรรคใหญ่ แล้วแต่การนำพาของหัวหน้าพรรคในยุคนั้นๆ
ที่จะอยู่จนชั่วฟ้าดินสลายเพราะโครงสร้างพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคของนายทุนคนใดคนหนึ่ง เหมือนอย่างที่หลายๆ พรรค ไม่ว่าจะเป็นเพื่อไทย ภูมิใจไทย หรือแม้กระทั่งที่ก้าวไกลเป็นอยู่
ซึ่งจะเห็นได้ว่าการถ่ายโอนอำนาจบริหารพรรคแต่ละยุคไม่ยึดโยงนายทุนพรรค แต่จะเป็นการต่อสู้กันเองในพรรคเป็นหลัก
กระนั้นก็ตาม ย่างเข้าปีที่ ๗๗ ประชาธิปัตย์ถูกตั้งคำถามมากพอควรเกี่ยวกับจุดยืนทางการเมืองที่เปลี่ยนไป
แม้กระทั่งคนในพรรคก็ยังถามกันเอง
มีประเด็นน่าสนใจจาก “เทพไท เสนพงศ์” ที่ตั้งคำถามให้คนประชาธิปัตย์ตอบ
—————–
“…ทำไมคนไม่นึกถึงพรรคประชาธิปัตย์ ในการต่อสู้กับเผด็จการอีกแล้ว คนประชาธิปัตย์ ต้องทบทวนอุดมการณ์”
วันนี้ ๖ เมษายน ๒๕๖๕ เป็นวันครบรอบ ๗๖ ปี ของการก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๒๔๘๙ นับว่าเป็นพรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย
ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่ได้ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านปัญหาอุปสรรคทางการเมืองมามากมาย ตลอดระยะเวลา ๗๖ ปี ได้เป็นทั้งพรรคฝ่ายค้าน พรรคฝ่ายรัฐบาล และถูกปฏิวัติรัฐประหารสลับกันไป
แต่สิ่งที่ยังมั่นคงทางการเมือง และยืนหยัดอยู่ได้จนถึงปัจจุบันนี้ นั่นก็คืออุดมการณ์ของพรรค ๑๐ ข้อ ที่ได้ประกาศมาตั้งแต่วันเริ่มก่อตั้ง จนถึงปัจจุบัน ยังเป็นอุดมการณ์ที่ทันสมัย และสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของประเทศไทยมากที่สุด
อุดมการณ์ของพรรคทั้ง ๑๐ ข้อ ยังยึดเป็นแนวทางในการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เพื่อประชาชนและประเทศชาติได้จนถึงยุคสมัยนี้ แม้ว่าสถานการณ์บ้านเมือง หรือสถานการณ์โลก จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม อุดมการณ์ของพรรค ยังคงทันสมัย และมั่นคงอยู่เสมอทั้ง ๑๐ ข้อ คือ
๑.พรรคจะดำเนินการเมืองโดยวิถีอันบริสุทธิ์
๒.พรรคจะดำเนินการเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต่อประชาชน
๓.พรรคจะดำเนินการเมืองโดยอาศัยหลักกฎหมาย และเหตุผลเพื่อความศักดิ์สิทธิ์แห่งรัฐธรรมนูญ และเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแก่อนุชน รุ่นหลังให้มีความนับถือ และนิยมในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
๔.พรรคจะไม่สนับสนุนระบบและวิธีแห่งเผด็จการ ไม่ว่าจะเป็นระบบและวิธีการของรัฐบาลใดๆ
๕.พรรคจะกระจายอำนาจการดำเนินการในท้องถิ่นให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้เนื่องจากความใกล้ชิด ขององค์กรในท้องถิ่นมีมากกว่าส่วนกลาง
๖.พรรคมีจุดประสงค์ที่จะให้คนไทยมี ที่ทำกิน-ที่อยู่และอาชีพ และจะเคารพกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนบุคคล แต่มิได้ละเลยที่จะคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม
๗.พรรคเชื่อว่า การแทรกแซงของรัฐเป็นสิ่งที่จำเป็น ในกิจการที่เห็นว่าการแทรกแซงจะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม เช่น กิจการสาธารณูปโภค
๘.พรรคจะดำเนินการเมืองโดยอาศัยหลักกฎหมาย และเหตุผลเพื่อความศักดิ์สิทธิ์แห่งรัฐธรรมนูญ และเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแก่อนุชน รุ่นหลังให้มีความนับถือ และนิยมในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
๙.พรรคเชื่อว่า การป้องกันประเทศนั้น ต้องอาศัยการก่อให้เกิดความร่วมมือพร้อมเพรียง ของประชาชนผู้เป็นเจ้าของ ประเทศ และจะต้องให้มีการบำรุง กำลังหลัก คือ กองทัพให้ทันสมัยทั้งคุณภาพ และปริมาณเท่าที่จะเหมาะสมแก่แผนการ ทางยุทธศาสตร์ และนโยบายทางการเมือง
๑๐.พรรคจะส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างประเทศ
ส่วนตัวยังยึดมั่นอุดมการณ์ของพรรคทั้ง ๑๐ ข้ออย่างมั่นคง แม้ว่าจะมีสมาชิกพรรคหลายคน ได้ละเมิดต่ออุดมการณ์ของพรรคในบางข้อก็ตาม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุดมการณ์ของพรรค ข้อ ๑ และข้อ ๔ ที่หมิ่นเหม่ และสุ่มเสี่ยงต่อการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ของพรรคประชาธิปัตย์ ในตอนนี้มากที่สุด
ในอดีตที่ผ่านมา ถ้าจะให้ประชาชนนึกถึงพรรคการเมืองที่ต่อสู้กับเผด็จการอย่างเข้มแข็ง ทุกคนจะนึกถึงพรรคประชาธิปัตย์ แต่มาถึงวันนี้ทำไมประชาชนไม่ได้นึกถึงพรรคประชาธิปัตย์ในการต่อสู้กับเผด็จการอีกแล้ว เป็นเรื่องที่พวกเราชาวประชาธิปัตย์ ต้องมาขบคิด และทบทวนอุดมการณ์ในการต่อสู้กับเผด็จการทุกรูปแบบ รักษาสัจจะวาจา เหมือนคำขวัญของพรรค สจฺจํ เว อมตา วาจา
ในโอกาสวันครบรอบ ๗๖ ปีของพรรคประชาธิปัตย์ จึงอยากจะเรียกร้องให้สมาชิกพรรค และผู้บริหารพรรคทุกคน ได้ให้ความสำคัญ ยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรคทั้ง ๑๐ ข้ออย่างเคร่งครัด อย่าละเว้นข้อใดข้อหนึ่ง เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง โดยการอ้างถึงผลประโยชน์ของพรรคหรือประเทศ มาอธิบายสร้างความชอบธรรมทางการเมืองต่อสังคม
สำหรับวันเกิดของพรรคในวันนี้ จึงอยากจะบอกกับพรรคว่า “ฉันรักเธอนะประชาธิปัตย์ จะมั่นคง และซื่อสัตย์ต่อเธอเสมอ ตราบจนสิ้นชีวิตทางการเมือง…”
————–
ครับ…ว่ากันตามหลักการ ก็เป็นอย่างที่ เทพไทร่ายมา
แต่ในทางปฏิบัติ ไม่มีทางเลือกให้ประชาธิปัตย์มากนัก
ถ้าไม่ร่วมรัฐบาลประยุทธ์ ก็ต้องร่วมรัฐบาลเพื่อไทย
หรือไปยืนเป็นฝ่ายค้านอิสระแล้วปล่อยให้เพื่อไทยเป็นรัฐบาล
เมื่อความขัดแย้งทางการเมืองมันเริ่มจากประเทศไทยมีรัฐบาลโคตรโกง โกงทั้งโคตร แบ่งการเมืองเป็นสองขั้ว
ขั้วเอาทักษิณกับไม่เอาทักษิณ
การแยกแยะฝ่ายเริ่มมีปัญหาเพราะรัฐประหารเกิดจากการไม่เอาทักษิณ
ส่วนฝ่ายโคตรโกงไปตั้งตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตยทั้งๆ ที่จูงจมูกกันตั้งแต่ในพรรค
ฉะนั้นประชาธิปัตย์ไม่มีทางเลือกตั้งแต่การก่อเกิดของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่ฝั่งตรงข้ามเอาไปโจมตีว่าตั้งรัฐบาลในค่ายทหารแล้ว
ไม่ใช่เพิ่งจะมีในตอนนี้
คำถามที่ว่า “…ทำไมคนไม่นึกถึงพรรคประชาธิปัตย์ ในการต่อสู้กับเผด็จการอีกแล้ว…” เป็นคำถามที่ฉาบฉวย
ไม่ลึกซึ้งต่อสถานการณ์ทางการเมืองในรอบ ๒๐ ปีที่ผ่านมา
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า