30 มีนาคม 2565 – นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้ให้สัมภาษณ์พาดพิงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และพรรคประชาธิปัตย์ว่า
ที่กล่าวพาดพิงคงชี้แจงในเชิงหลักการที่ไม่มีความสลับซับซ้อนใด ๆ ที่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า พรรคไปอาศัยคนอื่นร่วมรัฐบาล นั้น
ความจริงแล้ว ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บนเส้นทางการเมืองมานาน ทราบดีว่าหลักการในระบบประชาธิปไตย สิ่งสำคัญที่สุดในการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง คือความสุจริต การแพ้ชนะเลือกตั้งเป็นเรื่องธรรมดา การร่วมรัฐบาลในทุกรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็เป็นไปตามระบบประชาธิปไตย ตามครรลองของรัฐธรรมนูญที่ได้กำหนดไว้
พรรคใดเป็นแกนนำหลักในการจัดตั้งรัฐบาลที่ผ่านมาก็จะมีพรรคร่วม พรรคประชาธิปัตย์ไม่จำเป็นต้องอาศัยใครเพื่อให้ได้ร่วมรัฐบาล แต่สาระสำคัญของสถาบันทางการเมือง ต้องอาศัยความต้องการและความเดือดร้อนของประชาชนในการเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อเข้าไปทำหน้าที่แทนประชาชน และต้องไม่เข้าไปอาศัยทำประโยชน์ในเชิงคอรัปชั่น คิดทำวางแผนตั้งแต่เริ่มต้นคิดนโยบาย
บางพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีมุ่งมั่นทำเพื่อประโยชน์ตนและครอบครัวก็มี รู้ว่ามีการทุจริตแต่กลับปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตก็มี แต่ทั้งหมดคือขั้นตอนของการทุจริตในเชิงนโยบายอย่างแยบยลทั้งสิ้น ถ้าบอกว่าโครงการจำนำข้าวไม่มีการทุจริตก็ให้จำเลยทั้งที่อยู่ในคุกและที่หลบหนีไปต่างประเทศกลับมารื้อฟื้นคดีใหม่ ไม่เช่นนั้นคำพิพากษาศาลฎีกาจะเกิดความเสียหายได้ วิชาประวัติศาสตร์การโกงถูกบันทึกไว้ให้ลูกหลานได้ศึกษาเพื่อไม่ให้เอาเยี่ยงอย่างเช่นนั้นไว้เรียบร้อย ไม่สามารถลบประวัติศาสตร์ได้อย่างแน่นอน
นายราเมศ ย้ำว่า พรรคร่วมรัฐบาลเพื่อไปทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชน ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรที่มีวิถีชีวิตที่ยากลำบาก ขณะนี้เมื่อเข้าไปทำจนประสบผลสำเร็จพี่น้องเกษตรกรมีชีวิตที่ดีขึ้น พรรคเพื่อไทยรู้ดี จึงได้ออกมาทำลายความน่าเชื่อถือ อยากบอกว่าสังคมเปลี่ยนไปมาก การรับรู้ข้อมูลข่าวสารมากขึ้นและรวดเร็ว จับทางออกว่าพรรคการเมืองไหนมีพฤติกรรมอย่างไร
นายราเมศกล่าวต่อว่า ที่นายเฉลิมกล่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์กลัวการยุบสภานั้น เรื่องนี้พรรคการเมืองที่เป็นสถาบัน ไม่มีการหวั่นไหวกับการยุบสภา แต่พรรคที่ไม่ใช่สถาบันทางการเมือง คิดทำแต่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ไม่สุจริตในการเลือกตั้ง สิ่งที่พรรคการเมืองเหล่านี้กังวลที่สุดไม่ใช่ยุบสภาแต่คือการยุบพรรคมากกว่า
นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่า กรณีที่กล่าวหานายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคนั้น ก็ต้องบอกว่านายจุรินทร์อยู่บนเส้นทางการเมืองมายาวนาน ยึดมั่นในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง เป็นมาหมดแล้วทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ไม่หวั่นไหวต่อคำพูดใด การลงมือคิด ลงมือทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ยึดมั่นความซื่อสัตย์ สุจริต ตามอุดมการณ์ของพรรคมาโดยตลอด ถ้าคิดไม่ดีต่อบ้านเมือง คิดโกงชาติ โกงแผ่นดิน คงอยู่ในทางการเมืองได้ไม่ถึงวันนี้ ภาคปฎิบัติในทางการเมืองทั้งในอดีตและปัจจุบันคือคำตอบที่ตอบ ร.ต.อ.เฉลิม ได้ดีที่สุด