เปลว สีเงิน
เรื่อง “แตงโมกับเพื่อน” เป็นเรื่องหลัก
เรื่อง “ยูเครน-รัสเซีย”
ดูจะเป็นเรื่องรองไปซะแล้วสำหรับสังคมประเทศไทย!
ก็ถือว่า “ลงตัว” ครับ
เพราะสังคมไทยเก่งทางใช้ความรู้สึกวิพากษ์-วิจารณ์บนฐาน “เลือกข้าง” ไม่ค่อยนิยมใช้เหตุบ่งชี้ บนฐานข้อมูล, สถานการณ์และฐานประวัติศาสตร์ ประกอบสักเท่าไหร่
ดังนั้น ไปเป็นโคนัน สืบค้น-คลี่คลาย เงื่อนปมน้องแตงโมตกเรือจมน้ำตายแทนมาคร่ำเคร่งวิพากษ์-วิจารณ์ เชิงเทค ไซด์ นั่นแหละ ดีแล้ว
ก็ต้องชมการเมืองทุกฝ่าย……
คือ ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล จากที่ “หยิบทุกเรื่อง” มาเล่นให้เป็นข่าว-เป็นประเด็น แต่กับกรณี “ยูเครน-รัสเซีย” แยกแยะกันได้ดีจริงๆ
จะเห็นว่าฝ่ายค้าน งด “เพื่อส่วนตน”
เอา “เพื่อส่วนรวม” คือประเทศชาติเป็นตัวตั้ง และเป็นหลักในการพูดจาการเมืองและการวิพากษ์ทางสาธารณะ
เพราะทั้งรัสเซียและยูเครน คือมิตรประเทศ เมื่อเขามีปัญหากัน ไทยเหมือน “อยู่ระหว่างเขาควาย”
ดังนั้น ก็ต้องให้รัฐบาลได้กำหนดวิเทโศบายแบบคล่องตัว วิเคราะห์, ประเมินความเป็นไปของสถานการณ์ในแต่ละวินาทีไป โดยไม่ขัดแย้ง-แบ่งฝ่ายกัน
กับวิกฤตสานการณ์โลก แต่ไหนแต่ไรมา
ไทยนั้น มองไกลทุกด้าน คิด-วิเคราะห์ทุกเรื่อง แต่จะไม่พูดทุกเรื่อง ในเอเชีย-อาเซียน ไทยประเทศเดียวที่คงเอกราชดำรงไทยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นอยู่ใต้อาณัติใคร
สงครามโลกครั้งที่ ๑ ครั้ง ที่ ๒ ย่อยยับกันเป็นแถบๆ แต่ “ไทยชนะ”
ชาวโลกว่าปาฎิหาริย์!?
ความจริงไม่ใช่ เป็นปฏิภาณ ไหวพริบของบรรพชนสมัยนั้น ในการประเมินมองสถานการณ์รอบด้าน ก่อนกำหนดท่าที ที่เป็นผลดีกับทุกฝ่ายและประเทศตัวเอง
ดังนั้น วิเทโศบายของไทยในแต่ละสถานการณ์โลก จึงขึ้นชื่อ-ระบือนาม ในความเก๋า-ฉกาจของไทย บน “เวทีโลก”
กรณี “ยูเครน-รัสเซีย” นี่เหมือนกัน
คนไทยฉลาด รู้ตอนไหนเล่นได้ ตอนไหนควรเว้น และตอนไหนกัดกันเองได้ ตอนไหนต้องเลิกกัด แล้วกลับมารักกัน “เพื่อชาติ”
หลีกทางให้รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศของเราที่ “เชื่อมือได้” กำหนดทิศ-คุมทาง “ไทยต้องรอด ประเทศชาติต้องได้ประโยชน์”
จึงไม่มีความจำเป็นต้องไปคาดคั้นให้ตายตัวลงไป ในประเด็น “ไทยจะวางท่าทีไปข้างไหน ในกรณียูเครน-รัสเซีย?”
ไทยน่ะ ไม่ใช่บ้องตื้น-บ้องตัน มีประสบการณ์สงครามโลกมาแล้ว ฉะนั้น ที่จะไม่รู้เหนือ-รู้ใต้ ก็ละเมอ “เลือกข้าง” ขี่ช้างไปร่วมรบกะเขา นั่นมันบ้าแล้ว
กฎเกณฑ์แห่งดินฟ้า มีว่า…….
“ลม” น่ะ
จะไม่พัดตามใบเรือที่กาง
มีแต่ใบเรือเท่านั้น ที่ต้องกางตามทิศทางลมที่พัด
ตามนัยนี้ เมื่อวาน (๑ มีค.๖๕) จึงเห็น “กัปตันประยุทธ์-กัปตันดอน” ตอบนักข่าวประเด็นท่าทีได้เหมือนพระสำรวมสติ
นายกฯ ตอบโยมนักข่าว ว่า…….
“เป็นเรื่องของอาเซียน เพราะฉะนั้นเราต้องรักษาสมดุลตรงนี้ไว้ให้ได้ สิ่งสำคัญที่สุด คือ เป็นห่วงใยชีวิตประชาชนทุกประเทศให้ปลอดภัย
วันนี้ คือทำยังไงให้คนไทยปลอดภัย ทำยังไงที่จะสนับสนุนในกระบวนการสันติภาพ ให้มันจบสิ้นให้ได้โดยเร็ว มันไม่ได้มีอะไรดีกับใครทั้งนั้น”
เห็นมั้ย…….
จาก “โฉ่งฉ่าง ลูกพระบาท” เป็นนายกฯ ประยุทธ์ ลูกแม่ละเมียด คนละคนไปเลย
แต่ถ้าฟังที่รัฐมนตรีต่างประเทศ “ดอน ปรมัตถ์วินัย” ออกจากที่ประชุมครม.มาสาธยายธรรมเป็นบทขยายความ จะเห็นทางสว่างมากขึ้น
-ในภาพใหญ่ของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน
รัฐมนตรีดอน บอกว่า……….
“โดยหลักแล้ว เราต้องดูสถานการณ์ที่เป็นจริง ขณะนี้ประเทศไทยอาจจะต้อง “ปรับท่าที” นิดนึง
เพราะเรารับรู้อยู่แล้วว่ามีการประณามเยอะอยู่แล้ว แต่เราต้องหาจุดที่ช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
ต้องมาช่วยกันดูว่า “จะทำอย่างไร ให้สถานการณ์คลี่คลายได้ อย่านั่งประณามอย่างเดียว”
นักข่าว:การปรับท่าทีของไทย จะทำให้เป็นรูปธรรมได้อย่างไร?
ดอน:เป็นไปได้ ต้องหาทางให้เกิดขึ้น เพื่อไปเสริมการเจรจา เรามีช่องทางจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น
-กรณี ประธานาธิบดียูเครน สมัครเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป(อียู)?
ดอน:ตามหลักการเจรจา เป็นการทำให้ท่าทีเข้มขึ้น แข็งขึ้น ไม่ใช่เจรจาแล้วจะอยู่ในท่าทีเดิมๆ
แต่การเสริมท่าทีนั้น จะทำให้การคุยกันยากขึ้นไปได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ต้องชวนกันมาเอาจริง-เอาจัง ที่จะหาทางออก มากกว่าการแสดงความแกร่ง
“ยูเครนมีจุดยืนชัดเจนที่จะเข้าร่วมอียูใช่หรือไม่?”
ดอน:ไม่เชิง
เราต้องคิดว่ามีปัจจัยต่างๆ อีกเยอะ อาจจะไม่ได้แค่คิดเรื่องการเป็นสมาชิกอียูเท่านั้น
แต่อาจจะมาจากที่อื่นก็ได้”เพื่อให้เกิดการยืดเยื้อ”คนที่ต้องการให้เกิดความยืดเยื้อมีอยู่เยอะ
“คนที่ต้องการให้เกิดความยืดเยื้อต้องการอะไร?”
ดอน”ให้ช่วยคิดกันเองว่าชีวิตจริงเป็นอย่างไร คนที่ต้องการให้ยืดเยื้อก็ได้ประโยชน์จากหลายๆ อย่าง
“ต้องกดดันคนที่ต้องการให้ยืดเยื้อหรือไม่?”
ดอน:มันมีคนที่ได้ประโยชน์ แต่คนเสียผลประโยชน์ คือคนทั้งโลก เราจึงต้องหาวิธีการที่จะช่วยกัน ให้การหารือเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง ต้องไม่มานั่งด่ากัน
ไทยโชคดีอย่างหนึ่ง ที่เป็นเพื่อนและสามารถคุยกับคนทั้งโลก แต่ว่าคุยแล้วมีน้ำหนักแค่ไหนนั้นอีกเรื่องหนึ่ง
เราสามารถพูดได้กับทั้ง อียู,สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย
เพียงแต่บางเรื่อง ต้องปล่อยให้ไหลไปตามเส้นทางธรรมชาติ ไม่ใช่ว่าต้องด่วน รีบร้อนเข้าไปมีบทบาท
เพราะเรื่องนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องประสงค์ของเรา เรามีเรื่องอื่นต้องทำเยอะแยะ เรื่องนี้ เป็นเพียงเรื่องในอีกเวทีหนึ่ง มีผู้เล่นและผลประโยชน์เยอะ
เราเป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้ จึงต้องดูว่า สถานการณ์จะคลี่คลายหรือไม่ จะเป็นอย่างไร และผลที่ตามมา จะเป็นอย่างไร
เพราะรู้แล้วว่า หากสถานการณ์ยืดเยื้อไปเรื่อยๆ ราคาพลังงานจะสูงขึ้น เงินเฟ้อจะตามมา เราไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้”
-หลังการเจรจารอบแรก ไทยประเมินท่าทีรัสเซียอย่างไร?
ดอน:ทางรัสเซียก็อยากเจรจา
ไม่เช่นนั้น เหตุการณ์เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภา.คงไม่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีสิ่งแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้เสมอ ต้องตามกันให้ดี
เพราะเป็นเรื่อง “ระดับโลก” ของการเจรจาและการเมืองที่ไม่สามารถมองเห็นได้ผิวเผิน เพราะข้างล่างมีอะไรเยอะแยะเต็มไปหมด
สมัยก่อนจะมาในรูปแบบ “สู้รบไป-เจรจาไป” เป็นแบบนี้ในทุกยุคทุกสมัย รวมถึงอนาคตด้วย ที่มีการต้องการหาทางครอบงำเพื่อหาประโยชน์จากสถานการณ์และความอ่อนแอจากแต่ละหน่วยและประเทศ
ดังนั้น ประเทศจะอ่อนแอไม่ได้…….
อ่อนแอเมื่อไหร่จะโดนทันที ธรรมชาติมนุษย์เป็นแบบนั้น และแต่ละประเทศ ดูแลโดยมนุษย์ ซึ่งจะมาโดยบทบาทต่างๆ รวมถึงผู้นำ
คนเหล่านี้ จะเป็นคนสร้างกระแส เพื่อให้เกิดกระแสตาม ดูได้จากกระแสตามที่อยู่ในโซเชียลมีเดียที่บอกว่ารัสเซียไม่มีทางสู้ ซึ่งโซเชียลมีเดีย เป็นของตะวันตก
ไม่ว่าจะออกมาในลักษณะใด หรือภาษาที่ใช้ต่างๆ เราไม่มีทางได้อ่านโซเชียลของรัสเซีย มีเรื่องเยอะแยะที่พันกันหมด
ครับ…..
ผมยกคำถามนักข่าว คำตอบรัฐมนตรีดอนมาให้อ่านทั้งหมด เพราะที่รัฐมนตรีดอนตอบวันนี้ ถือเป็น “คีย์” ไขคำตอบ
-“สันติสุข-สันติภาพ” นิยามเป็นกลางของไทย
-บทบาทท้าวมาลีวราชบนเวทีโลกของไทย
-เหตุที่ยูเครน-รัสเซียเจรจาไม่ลงตัว
-มีฝ่ายต้องการให้ยืดเยื้อ
-มีมือที่มองไม่เห็นปั่นกระแสนำอยู่ข้างหลัง
-มีฝ่ายคอยฉกฉวยประโยชน์จากชาติที่อ่อนแอ
-ไทยกับหลักธรรมชาติ”กินอาหารให้อร่อย ต้องใจเย็นๆ”
“ปรับท่าทีนึดนึง”
คือ “วลีสรุป” ความเก๋าเกมโลกของไทย ที่ทำให้เฉิดไฉไลมาได้ทุกวันนี้