เพราะ “ผิดหวัง” จึงชังชาติ-เปลว สีเงิน

เปลว สีเงิน

“พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์”
“ตำรวจกลัวตาย” จากการทำคดี “ขบวนการค้าโรฮีนจา” เมื่อ ๗-๘ ปีที่แล้ว “ลาออก” ไปขอลี้ภัยอยู่ออสเตรเลีย
นอกจากเป็นแหล่งข้อมูลให้สส.โรมอภิปรายเรื่องนี้ได้ทุกเทศกาลแล้ว
ตอนนี้ ดี-เด่น-ดัง ใหญ่
ถึงขั้นสามนิ้วใน “องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ” เสนอจุฬาฯมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ให้
ดูท่าแล้ว เรื่องนี้ ขบวนการสมคบข่าวสาร “ล่มรัฐบาล-ล้มสถาบัน” ใช้หากินได้อีกหลายวัน

ยิ่งหลังนายโรมอภิปรายนำร่องเสร็จ ต่อสายให้ พล.ต.ต.ปวีณออกจอ ดรามาถึงขั้นคราง ว่า

“….มีความสุข ที่ได้พูดถึงสิ่งที่ค้างคาใจ ที่สร้างความทุกข์ ระทมขมขื่น เครียด กลัว บั่นทอนจิตใจ จากการทำหน้าที่ แล้วถูกกลั่นแกล้งจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รัฐบาล ผู้มีอำนาจ”ด้วยแล้ว
ทำให้ดู “สมจริง-สมจัง” น่าเชื่อถือ น่าสงสาร “ตำรวจยี่เก” นายนี้มากขึ้น!

นักข่าวถามนายกฯ เมื่อวาน (๒๑ กพ.) นายกฯ ถามกลับว่า “พล.ต.ต.ปวีณ ต้องคดีอะไร?
การที่ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ให้ไปร้องทุกข์ตามช่องทางที่มีอยู่ ผมไม่ได้สั่งให้ออกไป เจ้าตัวเดินทางออกไปเอง

ส่วนเรื่องความปลอดภัย ใครจะไปทำอะไรได้ บ้านเมืองมีกฎหมาย หากพูดแบบนี้ ถือว่าไม่ถูกต้อง สมัครใจไปกันเอง แต่กลับมาพูดเรื่องความปลอดภัย

ทั้งที่ บางคนเดินทางออกไป โดยมีกฎหมายค้างคาอยู่ ขอให้มองตรงนี้ด้วย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดแล้ว ดังนั้น ขออย่าฟังเพียงช่องทางใดช่องทางหนึ่งเท่านั้น

มิเช่นนั้น จะเกิดความขัดแย้งกันไม่เลิก ถ้าคิดว่าไม่มีอะไร ให้เดินทางกลับมา พล.ต.ต.ปวีณ ไม่ได้มีคดีอะไรกับผมและกับใครทั้งนั้น

ผมไม่เคยปกป้องใคร ส่วนที่กล่าวอ้างถึงผู้อยู่เบื้องหลัง ถ้าไม่เปิดเผยชื่อ ใครก็พูดได้ การจะพูดอะไร ต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน ถ้าพล.ต.ต.ปวีณต้องการกลับมา และฟ้องร้อง ก็ทำได้ตามกระบวนการ

แต่หากฟ้องแล้ว ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ก็อาจถูกฟ้องกลับ เพราะทุกอย่างต้องยึดหลักกฎหมาย ไม่ใช่พูดกันไปมาและมาขยายความ”

ทีนี้ ย้อนไปดูเนื้อหาบางตอนที่สส.โรมอภิปราย เขาพุ่งเน้นที่ไป ผบ.ตร.ขณะนั้น คือ “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ลองอ่านดูนะ………..

“คุณปวีณนี่แหละครับ คือ ผู้ที่จริงจังที่สุด ในการขจัดปัญหาค้ามนุษย์ ขนาดว่าถูกขัดขวาง ถูกข่มขู่ ก็ยังยืนยันเอาผิดกับคนที่มันผิดต่อไป

และสิ่งที่เขาทำช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีของประเทศได้จริง ช่วยให้ประเทศลดความเสี่ยงที่จะถูกคว่ำบาตร เรื่องสิทธิมนุษยชน

……..คนแบบนี้แหละที่ต้องส่งเสริมให้ได้ดิบได้ดี ได้ทำงานที่เขาคู่ควร ได้เกษียณอย่างสงบสุข แต่ภายใต้รัฐบาลนี้ คนแบบนี้กลับต้องลี้ภัย ต้องตายในทางหน้าที่การงาน อย่างนั้นใช่ไหม

แล้วผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจอย่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้คุ้มครองอะไรเขาบ้างไหม?”

“…………..ฟังการให้เหตุผลของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร.ในเวลานั้น วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ หลังสั่งย้ายคุณปวีณไม่นาน

อ้างว่าได้รับการแนะนำจากผู้บัญชาการภาค ๘ คือ พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ให้ย้ายไปชายแดนใต้ เพราะเห็นว่าคุณปวีณเชี่ยวชาญด้านคดีความมั่นคง

แต่ต่อมาแค่เดือนเดียว หลังมีเรื่องคุณปวีณลี้ภัยแล้ว พล.ต.ท.เทศากลับออกมากล่าวอ้างว่า ที่ไม่เอาคุณปวีณเพราะไม่มีวินัย ไม่เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา

ตกลงว่าที่ย้าย ไม่ได้เป็นเพราะเรื่องความสามารถใช่ไหม?

สส.โรมอภิปรายโยงถึงอดีตผบ.ตร.จักรทิพย์ ซึ่งเป็นคนนอกฝ่ายเดียว ซึ่งไม่มีโอกาสได้ชี้แจงข้อเท็จ-ข้อจริง

ฉะนั้น ลองฟังคลิปเสียงที่พล.ต.อ.จักรทิพย์พูดตอนนั้นเลยดีมั้ย จะได้เปรียบเทียบข้อจริง-ข้อเท็จกัน
นี่คือ คำถอดความจากคลิปเสียงพล.ต. อ.จักรทิพย์ที่ให้สัมภาษณ์นักข่าวสมัยนั้น
…………………………….

พล.ต.อ.จักรทิพย์:
“ผมไม่ทราบเหตุผลของท่านนะ ทำไมถึงไปขอลี้ภัยถึงขนาดนั้น เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และท่านก็ลาออกแล้ว
ไม่ทราบเจตนารมณ์ของท่านนะ ว่ามีการเมืองมาแอบแฝงหรือเปล่าหรืออะไร ผมถือว่า การทำอย่างนี้ เป็นการทำลายประเทศหรือเปล่า?

(นักข่าวถาม ซึ่งฟังไม่ชัด) พล.ต.อ.จักรทิพย์ตอบว่า
“ท่านไม่ได้พูดกับผมนี่ ท่านพูดกับสื่อ ที่มาพูดกับผม ท่านผู้ช่วยรุ่งโรจน์ ก็อยู่ด้วยกัน ผมก็แก้ปัญหาให้ท่านแล้ว
ผมให้ท่านเลือกเอาเลยนะ หลังจากคำสั่งออกแล้ว ท่านจะไปเป็น “ผู้ช่วยผู้บัญชาการ” ที่ไหน อย่างไร?

การแต่งตั้งโยกย้าย ผมรับผิดชอบคนเดียว ผมได้สอบถามผู้บัญชาการแต่ละภาคแล้ว ว่าใครจะปรับย้ายใครอย่างไร ผู้บัญชาการภาค ๘ (รับผิดชอบ ๗ จังหวัด กระบี่, ชุมพร, นครศรีธรรมราช, พังงา, ภูเก็ต, ระนอง, สุราษฏร์ธานี) ท่านยืนยันชัดเจน

“ท่านไม่เอาท่านปวีณ ถ้าผมยัดเยียดเข้าไปหน่วยก็พัง อยู่ไม่ได้ ผู้บัญชาการภาค ๘ ย้าย ๒ คน ท่านปวีณคนนึง ท่านสมชาย อ่วมถนอม คนนึง

ท่านสมชายย้ายมาอยู่นครบาล เพราะกองบัญชาการเขารับ ที่ภาค ๘ เขาไม่รับท่านปวีณ”

ในการแต่งตั้ง ผมก็ต้องหาที่ให้ท่านปวีณอยู่ สอบถามที่อื่น เขาก็ไม่รับ ถ้าผมเอามาอยู่ที่จเร มาอยู่ประจำ ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ซึ่งไม่ได้สัมผัสเรื่องงานเลย

ผมสอบถามไปทางผู้บัญชาการศชต. (ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้) ท่านเฉลิมพันธ์ท่านรับ เพราะท่านต้องการเอาไปดูเรื่องสำนวน

และท่านก็ขอเพื่อนท่านไปอีกคน ท่านพล.ต.ต.วัลลภ ปทุมเมือง ซึ่งไม่เคยอยู่ภาคใต้เลย ก็ให้ไปลองที่นั่น

ถามว่า ทุกวันนี้อยากกลับมั้ย…ไม่อยากกลับ กลัวตายมั้ย..ไม่กลัวตาย ไม่เคยอยู่เหมือนกัน ไปดูเรื่องสำนวน ทุกวันนี้ สำนวนการสอบสวนสะสางเกือบหมดแล้ว

สิ่งที่ผมพิจารณา ไม่ได้กลั่นแกล้งท่านปวีณ ผมดูจากประวัติ ท่านสมัครใจไป
ท่านมีความรู้เรื่องงานสอบสวน ท่านมีความรู้เรื่องโรฮีนญาต่อเนื่อง พื้นที่ต่อเนื่อง

บางครั้ง ท่านพูดไม่หมด ทำให้สังคมสับสน ทุกวันนี้ เล่นกับสื่อ เดี๋ยวสื่อไทย เดี๋ยวสื่อนอก ท่านเที่ยวไปบอกว่ามีการแทรกแซงจากรัฐบาลบ้าง จากนายตำรวจระดับสูงบ้าง
ก็ขอให้ระบุชื่อมาเลย จะได้ฟ้องได้ถูกตัว

จะไปบอกว่า ทหารเลว ตำรวจเลว ผมไม่ทราบว่า “พูดอย่างนี้เพื่ออะไร”
พนักงานสอบสวนผมมีเป็นร้อยคน ผมเห็นมีปัญหาอยู่คนเดียว แล้วผมจะปกครองหน่วยยังไง?

“เขาทำงาน เขาคาดหวังอะไรหรือเปล่า ผมไม่ทราบ ทำงานเรื่องนี้เสร็จ ควรจะได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นหรือเปล่า แล้วไม่ได้ ผิดหวัง ควรพูดให้หมด อย่าพูดครึ่งเดียว”

ทีมผมทำงานระเบิดที่ราชประสงค์ คดีเล็กหรือคดีใหญ่ล่ะ ท่านว่าไง แล้วจับได้หมด บ้างคนก็ไม่ได้ขึ้น โดนย้ายอีก มันขึ้นกับการบริหารงานบุคคลขององค์กร ต้องเข้าใจด้วย

ตำรวจ ทหาร ต้องมีวินัย โรฮีนญาจะมีอิทธิพลอะไรนักหนา บอกว่า ภาค ๙ (พื้นที่รับผิดชอบ ๖ จังหวัด สงขลา, ตรัง, สตูล ปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส) มีการตั้งแคมป์มาหลายปี นั่นพูดถึงผมโดยตรงหรือเปล่า ผมไม่รู้

ผมเคยเป็นผู้บัญชาการ ภาค ๙ แล้วท่านเป็นรองผู้บัญชาการ ภาค ๘ ภาค ๘ ต้นทางเลย ทำไมไม่ดำเนินการล่ะ?
พูดอย่างนี้ไม่ถูก อย่าเอาความวัวมาขาย อย่าทำร้ายประเทศ เรื่องส่วนตัวก็ส่วนตัว แล้วพอออก ผมก็ส่งคนสมัครใจลงไปนะ ท่านพล.ต.ต.มณฑล เมืองวัฒนะ แก่กว่าท่านปวีณอีก

ผมถามว่า “พี่ไม่กลัวตายหรือ” ….ผมไม่กลัวหรอก
ท่านไปอ้างว่า ท่านทำงานคดีเยอะ ศัตรูเยอะ
แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจจับมาตลอดชีวิต ผมนี่จับโจรเยอะแยะ ก็ยังเดินลอยหน้าลอยตาได้ ไม่เห็นมีใครมายิงผมเลย”
——————————

นี่ ….คือ “ความอีกด้านหนึ่ง”
ในสาระหลัก “ขบวนการค้ามนุษย์” นั้น สิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครปฏิเสธตามที่สส.โรมและพล.ต.ต.ปวีณพูด คือ

ต้องมี “บางตำรวจ-บางทหาร” ร่วมขบวนการแน่ แต่ที่ทุกคนต้องการและอยากเห็น คืออยากให้พล.ต.ต.ปวีณกลับมา
อยากให้พล.ต.ต.ปวีณเป็นนายตำรวจน้ำดีที่กล้าหาญ ไม่ใช่นายตำรวจ ขี้ขลาด-กลัวตาย แล้วไป “ขายประเทศ” เพื่อได้ลี้ภัยแบบนั้น

หลบไปอยู่นอกประเทศ แล้วแสดงบทฮีโรด้วยปาก เท่ากับ “พูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น” มันไม่แมน
จะให้แมน กลับมายืนยันสิ่งที่พูด โดยทำให้ประจักษ์ซิ ว่า ใคร..หน้า-ไหน มันคุกคาม ข่มขู่ ชักใยอยู่เบื้อหลัง?

ไม่ใช่ทำตัวเป็นแหล่งข้อมูล “เชื้อขยะ” ให้สส.โรมเอาไปไปสุมฟืน-ใส่ไฟ โดยลากโยงพูดมุ่งไปสู่เป้าหมายซ่อนเร้น
เข่นรัฐบาลและสถาบัน “ตามแผน”!

มี “โทนี่เห่า” อยู่ตัว ก็รำคาญพอแล้ว
ยังมี “ตำรวจเห่า” ให้ร้ายประเทศเพิ่มมาอีกตัว
เบื่อชิบ…!

 



Written By
More from plew
เรื่องของคน-ผลของงาน – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน หมดมุก “ไล่นายกฯ” กันแล้วสิท่า? ตอนนี้ เลยหันมา “ไล่ลุงป้อม” ลงจาก “หัวหน้าพรรค” พลังประชารัฐ แล้วให้นายกฯ...
Read More
0 replies on “เพราะ “ผิดหวัง” จึงชังชาติ-เปลว สีเงิน”