21 กุมภาพันธ์ 2565 – น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวหาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามในการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ชี้แจงข้อมูลไม่ตรงกับข้อเท็จจริงกรณีเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความยากจนว่า
โฆษกพรรคเพื่อไทยไม่ได้ให้ข่าวตรงกับข้อเท็จจริงที่ พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงในที่ประชุมสภาฯ จึงไม่แน่ใจว่า ต่อไปนี้จะเชื่อถือพรรคเพื่อไทยได้อย่างไร เมื่อโฆษกพรรคเอง ยังไม่เข้าใจคำว่า “ข้อเท็จจริง” กลับนำข้อความนายกฯไปบิดเบือน
โดยน.ส.ธีรรัตน์ ระบุว่า “กรณีข้อซักถามของฝ่ายค้านเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความยากจนที่ประชาชนประสบอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่าการแก้ปัญหาความยากจน เป็นปัญหาระดับบุคคล ต้องแก้โดยลงรายละเอียด เป็นการตอบโดยที่ไม่มีความรู้และไม่สนในข้อเท็จจริง” ทั้งที่ข้อเท็จจริงที่พี่น้องประชาชนที่เฝ้าติดตามการถ่ายทอดสดการอภิปรายในสภาฯ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา เวลา 19.00น. ซึ่งน.ส.ธีรรัตน์ สามมารถไปติดตามหาคลิปวีดิโอย้อนหลังได้ ว่า ข้อเท็จจริงที่พล.อ.ประยุทธ์ได้ตอบคำถามนั้น ชัดเจนและครอบคลุม
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ตอบภิปรายว่าการแก้ไขปัญหาความยากจน ที่มุ่งเน้นกับประชาชนทุกกลุ่มทุกภาคส่วนโดยเฉพาะการลดหนี้ภาคครัวเรื่อน ปัญหาเรื่องที่ดิน โดยเข้าใจดีถึงความยากลำบากที่เกิดขึ้นเพราะเคยยากลำบากมาเช่นกัน เคยเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยที่จะต้องทำงานแลกเงินเดือน และอยู่ท่ามกลางความเสี่ยงซึ่งมีค่าตอบแทนไม่มากนัก นั้น ย่อมเข้าใจความยากลำบากเป็นอย่างไรซึ่งความยากลำบากแต่ละบุคคลก็มีความแตกต่างกันไป
ทั้งนี้ รัฐบาลมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ประชาชนทุกภาคส่วนสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ และมีความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น โดยมีแผนงานระยะกลางและระยะยาว ไม่ได้ให้แต่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐและโครงการคนละครึ่งเท่านั้น แต่มีแผนงานอย่างเป็นระบบ โดยปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน ใน 8 เรื่องสำคัญที่ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม
“โฆษกพรรคเพื่อไทยไม่ควรทำตนเป็นฤาษีแปลงสารเช่นนี้ เข้าใจดีว่าการอภิปรายที่ผ่านมาที่พยายามสร้างวาทกรรม หวังจะให้เป็นกระแสขึ้นมาแต่อาจไม่สำเร็จ แต่กลับถูกฝ่ายค้านด้วยกันเอง สร้างเรื่องกลบข่าวขโมยซีน สะท้อนถึงความไม่เป็นเอกภาพของพรรคฝ่ายค้านเอง ที่ต่างคนต่างทำงานกัน ฉะนั้น เมื่อพรรคเพื่อไทยล้มเหลว ไม่ประสบความสำเร็จจากการอภิปรายแล้ว พรรคเพื่อไทยก็ควรจะมูฟออนได้แล้ว และไปตั้งหน้าตั้งตาดูแลพี่น้องประชาชน ให้เข้าถึงโอกาสและโครงที่รัฐบาลเตรียมจะช่วยเหลือในการแก้ปัญหาความยากจนในภาคส่วนต่างๆจะเป็นประโยชน์มากกว่า มานั่งให้ข่าวดิสเครดิตนายกฯ ที่ในโลกปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลสามารถตรวจสอบได้ว่าใครพูดจริง และใครบิดเบือน” น.ส.ทิพานัน กล่าว