15 กุมภาพันธ์ 2565-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เรียกประชุมด่วน ผอ.ป.ป.ส.ภาค ให้นโยบาย 4 ข้อ ทำงานให้หนักขึ้น เร่งขยายผลยึดทรัพย์เครือข่าย ทำให้เร็ว-ละเอียด มัดตัวอย่าให้หลุดรอด ต้องทำงานเป็นทีมประสานงานร่วมทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง สรรพากร สอดคล้องไปทิศทางเดียวกัน
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ตนได้เรียกประชุมด่วนร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 1-9 และ ป.ป.ส.กทม. เพื่อมอบนโยบายในการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายตาม ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ โดยมุ่งที่ผลลัพธ์สุดท้าย คือ การยึดทรัพย์ให้เป็นไปตามเป้าหมายตามได้แจ้งแก่สาธารณชน
โดยขอให้เร่งรัดและกำชับการปฏิบัติ โดยเฉพาะการขยายผลเพื่อยึดทรัพย์และทำลายเครือข่ายผู้มีอิทธิพลเบื้องหลังของขบวนการยาเสพติด เนื่องจากพิจารณาตัวชี้วัดที่ได้ตั้งไว้ แต่ละสำนักงานภาคยังทำตัวเลขได้ไม่สูงนักและยังไม่สอดคล้องกับระยะเวลาและเป้าหมาย ตนจึงกำชับขอให้ดำเนินการ ตนได้ให้นโยบายไว้ 4 ข้อ คือ
1. กรณีตำรวจ หรือทหาร หรือฝ่ายปกครองได้ดำเนินการจับกุมให้รีบเข้าไปดำเนินการขยายผลและสืบสวนและยึดทรัพย์ทันที โดยให้ประสานงานทันทีเมื่อมีการจับกุมไม่ต้องรอให้ฝ่ายจับกุมแจ้งเป็นหนังสือ มาถึงส่วนกลาง ในแต่ละเคสต้องมีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เข้าประกบทำงานไปพร้อมกับชุดจับกุม
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า 2. การดำเนินการสืบสวนต่อทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดยาเสพติดต้องดำเนินการให้รวดเร็วและละเอียดรอบคอบเพื่อให้มีข้อมูลและรายละเอียดเพื่อนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองระดับภาคและคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินชุดใหญ่เพื่อให้ทรัพย์สินไม่รั่วไหลและหลุดรอดไป ควรทำการสืบสวนและสอบปากคำด้วยความละเอียดรอบคอบและครบประเด็น
3. ตัวชี้วัดที่ได้กำหนด 3 กรณี คือ ความผิดสมคบ มาตรการความผิดฟอกเงิน และความผิดตามประมวลรัษฏากร ขอให้ประสานอย่างใกล้ชิดกับกรมสรรพากรในพื้นที่
และ 4. ต้องทำงานให้หนัก โดยเฉพาะประเด็นการสร้างความรับรู้ตามประมวลกฎหมายใหม่ กฎหมายลูกและระเบียบที่ทยอยออกมา ทั้งในภาคประชาชนและการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ เช่น การขออนุมัติสมคบที่จะให้เข้ามาขอที่ส่วนกลางทั้งหมดเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันก่อนกระจายอำนาจกลับไปยังภูมิภาค
“การเรียกประชุมด่วนในครั้งนี้ เพราะตัวเลขของการยึดทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมาได้เพียง 1,370 ล้านบาท ถือว่ายังไม่เข้าเป้าสำหรับผมในฐานะผู้บริหาร ดังนั้นเราต้องเร่งดำเนินการตามที่รับปากกับประชาชนไว้ ที่เราตั้งเป้าอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท ซึ่งการที่เราเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เราจะต้องทำงานเป็นทีมเวิร์คร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้ง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองและสรรพากร ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกัน เพราะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ผมอยากเห็นสถานการณ์ยาเสพติดในประเทศดีขึ้น ขอให้เราร่วมมือบูรณาการกันทุกส่วน ผมเชื่อว่าเมื่อสิ้นสุด 4 ไตรมาสเราจะทำได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน” นายสมศักดิ์ กล่าว