เปลว สีเงิน
เกม “ล้มประยุทธ์” แบบเถื่อนๆ ของ “เพื่อไทย”
ด้วยการ “ยกพรรค” หนีประชุม เพื่อทำให้ “สภาล่ม” ถึง ๑๕-๑๖ ครั้้ง
แทนที่นายกฯ จะล้ม
กลับเป็นการต่ออายุให้พลเอกประยุทธ์อยู่ในตำแหน่งนายกฯ ไปซะละมากกว่า
เพื่อไทยนั่นแหละ ทำท่าจะล้มเอง สังคมบอกว่า ให้พวกท่านเข้าไปทำหน้าที่ “นายตรวจรัฐบาล” ในสภา ตามกติกา
ไม่ได้เลือกให้เข้าไป “ลัก-ชิง-วิ่งปล้น” อำนาจรัฐบาล เยี่ยงโจร-เยี่ยงอันธพาล อย่างที่ทำ
“รัฐบาลคว่ำ” กับ “คว่ำสภา” มันคนละเรื่องกันนะ!
แค่นี้เพื่อไทย-ฝ่ายค้าน ยังแยกแยะไม่ได้ ถ้าเข้าไปบริหารประเทศ ไม่พากันฉิบหายหมดหรือ?
พวกคุณจะคว่ำรัฐบาล มันก็ต้องใช้ “รัฐสภา” เป็นเวทีสำหรับคว่ำ แต่ดันเสือกไป “คว่ำรัฐสภา” ที่ต้องใช้เป็นเวที
แบบนี้ ที่จะคว่ำเขา….
ก็เรานั่นแหละที่จะคว่ำ เพราะมันทั้งเถื่อน ทั้งผิดที่-ผิดธรรมเนียม ผิดประเพณี และผิดกติกา!
แล้วยังมีหน้าทวีตข้อความโชว์เถื่อนซะอีกแน่ะ
ชลน่าน ศรีแก้ว
#สภาล่ม
เป็นเจตนารมณ์ของพรรคเพื่อไทยอย่างชัดเจน ที่ไม่ให้ “ประยุทธ์” อยู่ต่อสืบทอดอำนาจ ต้องใช้กลไกสภาตรวจสอบการทำหน้าที่ คณะรัฐมนตรี และสส.ฝ่ายรัฐบาลอย่างเข้มข้น
“ประยุทธ์” อยู่ต่อไปได้ ถ้าสส.รบ.เกินกึ่งหนึ่งอยู่ตลอด ขณะนี้ สส.รบ.แตกแยกกัน มาทำหน้าที่ในสภาไม่ถึง ๒๐๐ คน มันเป็นสัญญานที่ “ประยุทธ์” อยู่ต่อไปไม่ได้
…………………..
มีคำพูดอยู่ประโยคหนึ่งที่ว่า ใครก็ตาม “ถ้าอ้างเลวเพื่อจะเลว แบบนั้น เลวกว่า”
น่าคิดนะ ท่านผู้นำฝ่ายค้านว่ามั้ย?
ทีนี้ ลองแยกประเด็นที่ท่านผู้นำฝ่ายค้านทวีตบ้าง
-สภาล่ม เป็นเจตนารมณ์ของเพื่อไทย ที่ไม่ให้ประยุทธ์อยู่ต่อสืบทอดอำนาจ
-จึงใช้กลไกสภาตรวจสอบการทำหน้าที่ คณะรัฐมนตรีและสส.ฝ่ายรัฐบาล
-สส.รัฐบาลเสียงแตก มาทำหน้าที่ในสภาไม่ถึง ๒๐๐ คน เป็นสัญญานประยุทธ์อยู่ต่อไปไม่ได้
ประเด็นสภาล่ม ก็ชัดเจนจากท่านชลนานเองว่า ล่มเพราะเจตนารมณ์พรรคเพื่อไทย ฝ่ายรัฐบาลเป็นเพียง “เหตุอ้างผสม”
ที่ทำให้ล่มซ้ำซาก เพราะต้องการ “ไม่ให้ประยุทธ์อยู่ต่อสืบทอดอำนาจ”!
อยากเรียนท่านผู้นำฝ่ายค้านว่า การจะล้มนายกฯ นั้น ในระบบรัฐสภา รัฐธรรมนูญได้กำหนด “กติกา-วิธีการ” ไว้ให้แล้ว
กติกานั้น ไม่ใช่วิธีการให้ “ฝ่ายค้านยกพรรคหนีประชุม” แต่ให้ฝ่ายค้านร่วมประชุม
ส่วนสส.รัฐบาลมามาก-มาน้อย-ไม่มา เรื่องของเขา ยิ่งไม่มา ยิ่งเป็นผลดี ช่วยให้ฝ่ายค้านล้มรัฐบาลได้สะดวกขึ้นด้วยซ้ำ
หน้าที่ฝ่ายค้าน คือ….
พอมีกฎหมายสำคัญที่รัฐบาลเสนอเข้ามาให้ที่ประชุมเห็นชอบ ก็โหวตคว่ำไปเลย
เสียงรัฐบาลมาน้อยอย่างนี้ ก็สมเจตนารมณ์เลย ฝ่ายค้าน “คว่ำรัฐบาล” ได้สำเร็จ
คือ รัฐบาลแพ้กฎหมายสำคัญ เช่น พรบ.งบประมาณไม่ผ่าน นายกฯ ก็ต้องประกาศยุบสภาทันที!
นี่ เป็นการ “ล้มรัฐบาล-ไล่นายกฯ” ถูกต้องตามระบบสภา
แบบที่สอง ก็เห็นว่า พฤษภา.เปิดสมัยประชุมปุ๊บ เพื่อไทยจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจปุ๊บมิใช่หรือ?
ก็สับ-ลากไส้ ตั้งแต่นายกฯ ไปถึงรายตัวรัฐมนตรีให้หนำใจ เสร็จแล้วโหวตคว่ำไปเลย ในญัตติ “ไม่ไว้วางใจ”
ก็มั่นใจว่ารัฐบาลเสียงแตก มาไม่ถึง ๒๐๐ มิใช่หรือ แบบนั้น ส.บ.ม.สบายมาก
นายกฯ มีเสียง “ไว้วางใจ” น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ของ ส.ส.ที่อยู่ในสภา สมมติเอาตอนนี้เลย สส.ทั้งหมด มี ๔๗๓ เสียง นายกฯ จะรอด ก็ต้องได้เสียงไว้วางใจ ๒๓๘ เสียงขึ้นไป
ถ้าน้อยกว่า ๒๓๘ นายกฯ “ตกเก้าอี้” ทันทีเลย แต่รัฐบาลยังอยู่ แล้วรัฐสภาก็โหวตหาตัวนายกฯ คนใหม่ในสภา
เห็นมั้ย…..
กฎ-กติกา “คว่ำสภา-คว่ำนายกฯ” มันมีให้ฝ่ายค้านเลือกใช้ถึง ๒ ช่องทางตามระบบรัฐสภา
ไม่มีช่องทางที่ ๓ ให้ฝ่ายค้าน “ล้มนายกฯ-ล้มรัฐบาล” ได้ด้วยการ “ยกพรรค” หนีประชุมหรอก
การไม่ร่วมประชุมที่เรียก “วอล์ค เอาท์” นั่นน่ะ มันเป็นวิธีการตอบโต้สุดท้ายสำหรับฝ่ายค้านประท้วงรัฐบาลเป็นครั้งคราว ที่ออกกฎหมายแบบ “พวกมากลากไป”
คือฝ่ายค้านทำหน้าที่ในสภาแล้ว แต่ต้านเสียงข้างมากไม่ไหว ก็วอล์คเอาท์เป็นการประท้วง
อย่างตอนรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่ง ตอนตี ๓ ตี ๔ ประชาธิปัตย์ “ฝ่ายค้าน ก็จำต้อง” วอล์ค เอาท์
ซึ่งไม่ใช่การไม่ทำหน้าที่อย่างเพื่อไทยที่ “ยกพรรค” หนี ไม่ทำหน้าที่ในสภา ถึง ๑๕-๑๖ ครั้ง แล้วคุยอวด “เป็นเจตนารมณ์ของพรรค”
ก็อยากบอกฝ่ายค้านว่า……
“ถ้ามีผู้นำฝ่ายค้านโง่แบบนี้ ก็จะพากันโง่ตามหรือไม่ก็ชักแถวตกหน้าผาตายตามกันไปทั้งหมด”!
และขอโทษนะ ท่านเป็นผู้นำฝ่ายค้าน จะต้องเสือกกะโหลกไปยุ่งอะไรกับฝ่ายรัฐบาลเขา?
เสียงเขาแยกแตก-ไม่แตกแยก เกินหรือไม่เกินกึ่ง ก็เรื่องของเขา เรื่องของฝ่ายค้าน คือ ผู้นำฝ่ายค้าน ต้องระดมพลเข้าประชุมกันให้พรึ่บ
แล้วใช้เวทีสภา ขยี้รัฐบาลให้ “สิ้นสภาพ” คาตาชาวบ้าน เอาให้เป็นรัฐบาล “ตายทั้งเป็น” ไม่ได้ผุด-ไม่ได้เกิดต่อไปอีกเลย
แบบนี้ นี่ต่างห่าง คือฝ่ายค้านที่ฉลาด….
รู้จักใช้อาวุธถูกต้องตามกฎ-ตามกติกา “สังหาร” ฝ่ายตรงข้าม ชนะสง่างามในเวทีสภา
ไม่ใช่ฝ่ายค้าน “แพลมตาหนู” รู้จักมั้ย?
ที่แอบข้างเวที เขาเผลอก็ผลุบออก คอยตอดนับเสียง หวังชนะด้วยเกมหัวเต่า
เพื่อไทยคิดว่า แบบนี้ สง่างาม มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล “ระบบสภา” ถูกต้องแล้วหรือ?
ที่พูดนี่ พูดในประเด็น “หน้าที่สส.” ระบบสภา กับสส.ทุกพรรค-ทุกฝ่าย ไม่ใช่มาปกป้องฝ่ายรัฐบาล
อย่างที่ล่มล่าสุด ๔ กุมภา.ที่ประชุมสภา มีสส.แสดงตน ๑๙๕ คน ไม่ครบองค์ประชุม
แต่นั่นแสดงว่า ฝ่ายรัฐบาลยังมาประชุม แต่ปรากฎว่า เพื่อไทย “ฝ่ายค้าน ด้วยวิสัยทัศน์ชลน่าน” ผู้นำ
เพื่อไทย ๑๓๑ คน มาประชุมแค่ ๒ คือ “นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์” ส.ส.ศรีสะเกษ และ “นายจิรายุ ห่วงทรัพย์” ส.ส.กทม. อีก ๑๒๙ คน ไม่เข้าประชุม!
แทนที่ผู้นำฝ่ายค้านจะสำนึกอะไรดีๆ ขึ้นมาได้บ้าง กลับทวีตอวดความวิบัติในวุฒิภาวะของผู้นำระบบรัฐสภา
#สภาล่ม
เป็นเจตนารมณ์ของพรรคเพื่อไทยอย่างชัดเจน ที่ไม่ให้ “ประยุทธ์” อยู่ต่อสืบทอดอำนาจ
ทุเรศ!
แถมยังคุยอวด “เป็นการใช้กลไกสภาตรวจสอบการทำหน้าที่ คณะรัฐมนตรี และสส.ฝ่ายรัฐบาลอย่างเข้มข้น”
การไม่ทำหน้าที่สส.ในสภา ……..
กลับไปทำหน้าที่ “ลัก-ชิง-วิ่ง-ปล้น” นอกห้องประชุมแบบนี้เนี่ยนะ คือการตรวจสอบคณะรัฐมนตรี และสส.รัฐบาลอย่างเข้มข้น?
อย่างนี้ระบบสภาไม่ต้องมีฝ่ายค้านก็ได้ แค่ให้เจ้าหน้าที่นับหัวสส.ในห้องประชุมแต่ละครั้ง ก็ได้ผลเท่ากัน เอางบเงินเดือนและค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปเข้ามูลนิธิเลี้ยงหมา-แมวจรจัด มีประโยชน์กว่า!
เห็นถามกันว่า ไม่มีบทลงโทษพวกสส.หนีประชุมบ้างหรือ ความจริงมี ผมเคยบอกไปแล้วด้วยซ้ำ
รัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจบัน มาตรา ๑๐๑ สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง เมื่อ
(๑๒) ขาดประชุมเกินจํานวนหนึ่งในสี่ของจํานวนวันประชุมในสมัยประชุมที่มีกําหนดเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยยี่สิบวันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากประธานสภาผู้แทนราษฎร
เนี่ย ถ้าท่านประธานรัฐสภางัดมาตรานี้มาใช้ตรวจสอบสส.เข้มข้นบ้าง สภาล่ม ๑๕-๑๖ ครั้งต่อเนื่องแบบนี้
เผลอๆ “สิ้นสภาพ” กันยกพรรค!
ดูที่เขาโพสต์ตัวเลข “มา-ไม่มา” ของสส.แต่ละพรรค ที่ทำให้สภาล่มงวดโน้น จะว่าไป พลังประชารัฐ มาประชุม ๘๓ ขาด ๑๔
ในขณะที่ เพื่อไทย มาประชุมแค่ ๑๔ ไม่มาตั้ง ๑๑๗!
แต่พรรคร่วมรัฐบาล ที่น่าเกลียด คือ
ประชาธิปัตย์ มา ๒๙ ไม่มา ๒๑
ภูมิใจไทย มา ๓๗ ไม่มา ๒๒ เรียกว่า ขาดประชุมชนิด “ครึ่งต่อครึ่ง”!
เอาเท่านี้พอ ความจริงยังไม่จบ อยากจะบอกว่า ฝ่ายค้านทำให้สภาล่มบ่อยๆ นั่นแหละดี
รัฐบาลจะได้ “อยู่ยาว”
เพราะความ “ง่าวจั๊ดนัก” ของทั่นผู้นำนั่นแหละ!
