ใกล้ “อวสาน” เข้าไปทุกที #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

“การเมือง” ตอนนี้ เคี่ยวข้นกว่าน้ำป่าทะลักท่วมแม่สาย!
เสียวไส้ครับ……
เพราะไม่รู้ “รัฐบาลเพื่อไทย” จะต้านกระแสน้ำไหวมั้ย ถึงต้านได้ตอนนี้ แต่ดูท่าแล้ว คงยืนระยะได้อีกไม่นาน!
ถึงคราว “ทุกข์ซ้ำ-กรรมซัด” วิบัติเป็น น่ะ บางอย่างถึงไม่ยอมรับ แต่มันก็ต้องได้รับ
เพราะนั่นคือ “กรรมวิบาก”!

ตอนเป็นฝ่ายแค้น ก็จะ “ล้มเจ้า-ล้มสถาบัน” ครั้นได้เป็นรัฐบาล เรื่องนิรโทรกรรมคนทำผิดมาตรา ๑๑๐ และมาตรา ๑๑๒

(มาตรา ๑๑๐ ประทุษร้ายพระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ มาตรา ๑๑๒ หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ)

ครั้นจะไม่ทำ ก็จะเสียลูกค้า จำต้องเข็นพรบ.นิรโทษกรรมเข้าสภาให้จงได้

ธงเพื่อไทย ตรงกับธงพรรคประชาชน รวมนิรโทษพวกผิดมาตรา ๑๑๐ และ ๑๑๒ ด้วย

ส่วนธงพรรคร่วม “ภูมิใจไทย, รวมไทยสร้างชาติ, ประชาธิปัตย์, ชาติไทยพัฒนา” คดีการเมือง ที่ไม่ใช่คดีอาญาและไม่ใช่คดีเกี่ยวกับความมั่นคง
นิรโทษกรรมไปเลย พรรคร่วม โอเค.

แต่คนทำผิดในมาตรา ๑๑๐ และมาตรา ๑๑๒ ซึ่งเกี่ยวกับสถาบัน พรรคร่วม โนเค.
ห้าม “นิรโทษกรรม”!

แม้กระทั่งพรรค “พลังประชารัฐ “ที่เป็นฝ่ายค้านตอนนี้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ประกาศ
ทำผิด “มาตรา ๑๑๐ มาตรา ๑๑๒” ไม่นิรโทษเด็ดขาด!
ก็เป็นกรรมของ “เพื่อไทย”…..

ทั้งที่ลึกๆ ในใจก็รู้ พรรคร่วมลอยแพ เข็นเรื่องนี้เข้าสภา “ตกม้าตายแน่”
แต่ทำไงได้ สัญญาตอนเป็น “ฝ่ายแค้น” มันค้ำคอ

เมื่อวาน (๒๔ ต.ค.๖๗) เพื่อไทยจึงต้องนำ “รายงานผลการศึกษาแนวทางการตรากฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมือง”
ที่ “กมธ.วิสามัญ ศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม” มี “นายชูศักดิ์ ศิรินิล” พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน เสนอเข้าที่ประชุมสภา

ทั้งที่ ผลศึกษานั้น ไม่มีข้อสรุปอันเป็นที่ยุติ และทั้งพรรคร่วมประกาศชัด “ไม่เอาด้วย”

กลายเป็น “สภาสัปดน” ที่ “เพื่อไทย-พรรคแกนรัฐบาล” กับ “พรรคประชาชน-แกนฝ่ายค้าน”

๒ พรรค “ต่างขั้ว” แต่ร่วมมั่วประชาธิปไตย กะใช้เสียง ๒ พรรคข้ามสายพันธุ์ “ผสมพันธุ์” เป็น “เสียงข้างมาก”
รับ “ข้อสังเกต” ของกมธ.ฯ…….
เพื่อใช้เป็น “สารตั้งต้น” ไปออกกฎหมายนิรโทษกรรม ให้รวมผู้ทำผิดมาตรา ๑๑๐,๑๑๒ ด้วย!

ประชาธิปไตยระบบสภาวิตถารนี้ ทำเป็นเล่นไป
หวิดเกิดปรากฏการณ์ฟ้าผ่ากลางแดด ที่พรรคแกน ๒ ฝ่าย จับมือกัน “ผ่านกฎหมาย” ความมั่นคงได้

โดย “เสียงพรรคร่วม” ไม่มีความหมายใดๆเลย!

ก็ดูซี…ถ้าผมจำไม่ผิด สส.ในสภาขณะนี้ เหลือ ๔๙๒ เสียง เป็นพรรคเพื่อไทย ซะ ๑๔๐ เสียง
เป็นพรรคประชาชน ๑๔๓ เสียง

จะเห็นว่า “ฝ่ายค้าน” เสียงมากกว่า “พรรคแกนนำ” รัฐบาลซะด้วยซ้ำ

เห็นชัดๆ แค่ ๒ พรรค “เพื่อไทย+ประชาชน” ร่วมกันยกมือโหวตในสภา ก็ตั้ง ๒๘๓ เสียง
เรียกว่า “กว่าค่อนสภา” ตี๋หัวตั้งกับนักโทษเทวดานั่งกระดิกตีนหัวร่อกันคิกคักไปแล้วด้วยซ้ำ

เพราะอย่างนั้น …….
จึงเห็นเพื่อไทย “ไม่แคร์” เสียงพรรคร่วมอย่าง ภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ ชาติไทยพัฒนา ประชาธิปัตย์
ที่ประกาศ “คว่ำ” รายงานว่าด้วย “ข้อสังเกต” ของกมธ.ฉบับนี้เลย

เพราะพรรคประชาชน “สหายร่วมอุดมการณ์” ขานรับอยู่ตีนมุ้งตั้งแต่หัวค่ำ ยังไงๆ “พรรคแคม” ของเพื่อไทย ก็ยกมือให้สุดรักแร้อยู่แล้ว!

เพื่อไทย (แอบ) มั่นใจว่าผ่านแน่ ประชุมพรรคก่อนโหวต ที่ประชุมก็ยังย้ำให้ “โหวตรับ” อ้างว่า เป็นผลการศึกษาฉบับนี้ เพื่อไทยเป็นเจ้าภาพ

ต้องช่วยกันรักษาหน้า ถ้าไม่โหวตรับ ก็จะ “เสียหมา” ประมาณนั้น!

แต่ผลปรากฏว่า ……
ที่ประชุมลงมติ “ไม่เห็นชอบ” ข้อสังเกตกมธ.ด้วยคะแนน ๒๗๐ เสียง ต่อ ๑๕๒ เสียง งดออกเสียง ๕ ไม่ลงคะแนน ๑
เท่ากับ “ข้อสังเกต” ของกมธ.ตกไป

สภาฯจะส่งเฉพาะตัวรายงานให้ครม.เท่านั้น!?

“ลางวิบัติ” พาดผ่านม่านฟ้าพรรคเพื่อไทยทันที เพราะตัวเลขที่ “ลงมติ” นั้น

พลิกความคาดหมาย อันไม่เคยปรากฎว่า สส.เพื่อไทย “แตกแถว-แหกโผ” อย่างนี้มาก่อนในระบอบทักษิณ
ควรที่จะ “เห็นชอบ” ข้อสังเกต “เพื่อไทย+ประชาชน” ๒๘๐ เสียงขึ้นไป

กลับกลายเป็น “ไม่เห็นชอบ” ๒๗๐ เสียง

นั่นก็หมายความว่า สส.เพื่อไทย “เกือบครึ่ง” หรือ “กว่าครึ่ง”
“ยกมือร่วม” กับ “พรรคร่วม” ไม่เห็นชอบในข้อเกตกมธ.อันจะนำไปสู่การออกกฎหมายนิรโทษกรรม “เหมาเข่ง” ให้คนผิดมาตรา ๑๑๐ และมาตรา ๑๑๒

เรียกง่ายๆ ว่า “สส.เพื่อไทย” ส่วนใหญ่ “ตาสว่าง” แล้ว ขณะนี้ ในเรื่อง “ความมั่นคงของชาติ” ว่าด้วยสถาบัน!

ก็ดูซี เสียง “เห็นชอบ” ตามกมธ.ที่มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล เป็นประธาน ได้แค่ ๑๕๒ เสียง

เฉพาะพรรคประชาชนก็ ๑๔๐ กว่าเสียง พรรคพลังประชารัฐ แม้เป็นฝ่ายค้าน แต่พลเอกประวิตร ประกาศแล้ว “ไม่เอาด้วย”

ก็หมายความว่า มีสส.เพื่อไทย “สิบกว่าคน” เท่านั้น ที่ร่วมลงมติ “เห็นชอบ” ร่วมกับพรรคประชาชน!

ไม่แค่นั้น ยังเกิดรอยร้าวใน “ชามข้าวหยก” ของทักษิณ คือคนเพื่อไทยด้วยกัน …..

อดีตหัวหน้าพรรค “ชลน่าน ศรีแก้ว” แดกดันคารมกับรองประธานสภา “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” ที่ทำหน้าที่ประธานฯ ทำเอาสภาร้อนฉ่า ปานเตาปิ้งย่างหมูกระทะ!

ปรากฎการณ์สภาเมื่อวาน เกิดภาพนิมิต ๔ ภาพ

ภาพแรก…นิรโทษกรรมเหมาเข่ง “มาตรา ๑๑๒” หวังในชาตินี้ ไปลุ้นใหม่อีกที ในชาติหน้า

ภาพที่สอง…พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน “แยกกันเดิน-รวมกันตี” โดยมี “หัวหน้าใหญ่” เป็นฝ่ายเดียวกัน

ภาพที่สาม…สส.เพื่อไทยเริ่มรับไม่ได้กับนโยบาย “ขายชาติ-ล่มสถาบัน” ของนายใหญ่ “อาการหน่าย” ให้เห็นแล้ว

ภาพที่สี่… “ผมไม่เอากับนาย” เป็นลางหายนะปรากฎกับพรรคเพื่อไทยแล้ว!

“จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายไม่เห็นชอบรายงานและข้อสังเกตกมธ.ไว้มีเนื้อหาเป็นรูปธรรมน่ารับรู้กันไว้ ประมาณว่า……

“เชื่อว่า ปลายทางจะนำไปสู่ความแตกแยกครั้งใหญ่ในประเทศ เหมือนตอนผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย

ถ้านำรายงานฉบับนี้ไปใช้เป็นสารตั้งต้นออกกฎหมายนิรโทษกรรม จะนำไปสู่ความแตกแยกในบ้านเมืองอีกครั้ง ตัวรายงานฉบับนี้ระบุว่า…….

ทางเลือกนิรโทษกรรมมาตรา ๑๑๒ ไว้ ๓ ทาง หมายความว่า “จะเลือกทางใดก็ได้”

เพราะข้อสังเกตของกมธ.ข้อ ๙.๑ ระบุ ให้ครม.ควรพิจารณารายงานของกมธ.เป็นแนวทางตรากฎหมายนิรโทษกรรม

แสดงว่า ถ้ารัฐบาลจะเลือกนิรโทษกรรม มาตรา ๑๑๒ หรือเลือกนิรโทษกรรม มาตรา ๑๑๒ แบบมีเงื่อนไข ก็ทำได้

และข้อ ๙.๕ ระบุว่า….
ระหว่างยังไม่มีการตราพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ครม.ควรกำหนดนโยบายให้หน่วยงานรัฐในกระบวนการยุติธรรมไปดำเนินการตามกฎหมาย

เช่นให้ “อัยการสูงสุด” สั่งไม่ฟ้อง ตามพ.ร.บ.องค์กรอัยการ ปี ๒๕๕๓ หรือให้ศาลเลื่อน จำหน่ายคดี ปล่อยตัวชั่วคราว
นี้อาจทำให้เกิดคำถามเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมหรือไม่?

รวมถึงข้อ ๙.๖ ให้คืนสิทธิทางการเมืองแก่ผู้ได้รับนิรโทษกรรม

แสดงว่า เป็นการรวมการกระทำตามมาตรา ๑๑๐ และมาตรา ๑๑๒ ด้วย จึงไม่เห็นด้วยกับรายงานและข้อสังเกต เพื่อไม่ให้มีจุดหมายปลายทางไปสู่ความขัดแย้งครั้งใหญ่ในอนาคต”

ครับ….
โบราณว่า “เพื่อนกิน เพื่อนกัน เพื่อนรู้ไม่ทัน เพื่อนก็กันเอาไปกิน”

แต่เมื่อ “เพื่อนรู้ทัน” ในกลเกม เพื่อไทยจึงมีอาการเหมือนดมตูดแมวที่เพื่อนเอามาจ่อหน้า เป็นอันว่า เกมนี้ “จอด” ชนิดไม่ต้องแจว….

ก่อนเจ๊ง!

เปลว สีเงิน
๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๗

Written By
More from plew
ใครว่า “เพนกวิน” กินรำ? – เปลว สีเงิน
เปลว สีเงิน ยังไม่จบหรอก ๗ สิงหา.แค่เริ่มต้นตามบัญญัติ ๕ ประการ “ปฏิรูปแบบปฏิวัติสู่การล้มสถาบัน” ของศาสดาปิยบุตร ไฮไลท์ อยู่วันที่ ๑๐...
Read More
0 replies on “ใกล้ “อวสาน” เข้าไปทุกที #เปลวสีเงิน”